รักเล็กๆแต่ยิ่งใหญ่...... (และกฏแห่งแรงดึงดูด) ฟ้ามัว เมฆหมอก หลอกฉัน 7 วัน 7 คืน แล้วนะที่ห่างหายจากอ้อมใจ หวิว ใจหวั่น ไม่เป็นปกติสุข... ไร้รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ไร้แม้แต่รสชาติในการลิ้มรส กินเพื่อกันตายให้มีแรงหาน้องแป้งก็พอแล้วทรมานเหลือเกินค่ะ ผิดหวังในเรื่องความรักยังไม่รู้สึกสูญเสียถึงเพียงนี้ รู้ตัวเลยว่าอ่อนโยนจนอ่อนแอกับสิ่งมีชีวิตเล็กๆที่ได้อยู่ร่วมกัน ความผูกพันครั้งนี้มันแนบแน่นจนยากที่จะทำใจยอมรับได้... แป้งตอนเด็กค่ะ เป็นอีกคืนหนึ่ง(ในหลายคืน)ที่นอนหลับยาก กระสับกระส่าย ถอนหายใจอย่างเหนื่อยและล้า หากหายไปได้คงดี แล้วค่อยกลับมาพร้อมความทรงจำใหม่ที่ไม่เคยมีน้องแป้ง ไม่เคยมีเลย ยังจะดีเสียกว่า มีแล้วต้องสูญเสีย ... ฉันคิดเช่นนั้นจริงๆค่ะ(ฐานจิตใจคนเราไม่เหมือนกันค่ะ) เพราะในส่วนลึก ยังทำใจไม่ได้ที่จะให้เรื่องราวระหว่างเราเป็นเพียงความทรงจำที่งดงามในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น ทำไมมากมายถึงเพียงนี้ สำรวจตนเองอย่างเข้าใจ และรู้ว่า ฉันคงอยู่คนเดียวมานานเกินไปและเหงาจนลึทซึ่ม เหมือนขาดคนเข้าใจ หรือจะเรียกได้ว่า รู้สึกขาดความรัก พอมีสิ่งใดเข้ามาเติมให้คลายเหงาได้บ้าง จึงยึดติดจนยากที่จะปล่อยวาง หรือยอมจะเข้าใจในกฏของธรรมชาติ ที่มีพบย่อมมีจาก... นี่คือจุดอ่อนของฉันเอง จึงไม่แปลก ที่ฉันต้องสร้างกำแพงสูงและหนาเพื่อไม่ให้ใครเข้ามา(ค้นใจ)ได้ง่ายๆ ... นี่คือเหตุผลที่ทนเหงาค่ะ เพราะหากเกิดการผิดพลาด แล้วต้องสูญเสีย มันมากมายนัก กว่าจะผ่านมาได้ ไม่อยากเสียเวลาในการคร่ำครวญกับสิ่งใดอีกต่อไป จึงคิดว่า หากไม่เจอน้องแป้งแล้ว จะไม่เลี้ยงหมาอีกเลย เป็นภาระกายและใจอย่างยิ่งยวด ฉันไม่ใช่คนรักหมาโดยวิสัย แต่จะรักทุกสิ่งอย่างที่อยู่รอบกายที่อยู่ภายใต้การดูแลของฉันสิ่งนั้นจะส่งผล กลายเป็นความผูกพันทางใจ ที่ละเอียดอ่อนและลึกซึ้งเกินธรรมดา ... แม้ว่าสิ่งนั้นจะเป็นแค่ ดอกไม้ ประตู แจกัน ดินทราย หรือต้นไม้ใหญ่ ...(มาได้ไงเนี่ย) หุ หุ พาไปเที่ยวงานแห่เทียนพรรษา หนูอยู่ในนี้ก่อนน๊า... ถึงวันนี้ที่เขาหายไป ..... ทำให้นึกถึงวันแรกที่ตัดสินใจรับน้องแป้งเข้ามาดูแล สิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งหนตำบลไหนที่อิทธิฤทธิ์ ..... ฟิโน่ พาไปถึง สาธุ...ขอให้ได้น้องแป้งกลับมา ศาลปู่คำจันทร์ เช้านี้ท้องฟ้าสดใสกว่าทุกวัน แต่คงแจ่มกว่านี้ถ้ามีน้องแป้ง... "แป้งจ๋า กลับมาเถอะนะ แม่เหนื่อยแล้ว ไม่มีกำลังใจทำสิ่งใดเลย เหมือนชีวิตขาดอะไรไปบางอย่าง มองผู้คนที่ผ่านไปมา ไร้แววตาแห่งความจริงใจ ไม่น่ารักบริสุทธิ์ใจเหมือนเวลาที่มองหนูหรือเล่นกับหนู เราต้องไม่จากกันแบบนี้นะลูก หากวันนี้เราไม่เจอกัน ไม่กี่วันแม่ต้องเดินทางจริงๆแล้วนะ ก่อนหน้านี้มีอะไรบางอย่างเข้ามาในชีวิตจึงตัดสินใจไม่เดินทางไปสอบอีกอย่างหน่วยงานที่จะไปนี้รับแค่อัตราเดียว แต่ยังไงคงต้องมีการโยกย้าย แม่อยากเจอหนูก่อนเดินทาง..." ตังค์ในกระเป๋าเริ่มแฟบ ฟิโน่เจ้ากรรมเหยียบตะปูดอกใหญ่ 3 วันต่อกัน ใช่ ฉันปะและเปลี่ยนยาง 3 ครั้ง น้ำมันเต็มถังหมดทุกวัน ตะรอน ๆ ตามซอกซอย หมู่บ้านต่างๆ วัดวาอาราม สถานีวิทยุชุมชม ฯลฯ หน้าและมือไหม้เกรียมจากแดดที่แผดเผา (เสื้อแขนยาว หรือถุงมือ เอาไม่อยู่) 11 หมู่บ้านแล้วที่ไปหา เหลืออีก 4-5 หมู่บ้าน ก็จะเป็นเขตอื่นแล้ว ร้านผลไม้รายทาง 18.30-20.00 มายืนยังจุดเดิม ... หลายวันแล้ว เริ่มเห็นปัญหา จุดนี้รถวิ่งเร็วและมืด ต้องเปลี่ยนจุดยืน ไปยังร้านผลไม้อีกร้านหนึ่งที่เป็นแหล่งชุมชน คนพลุกพล่านกว่า ไม่ไกลกันนักจากจุดที่มีคนอุ้มน้องแป้งไป "ขอยืนหน้าร้านพี่สัก 2 ชั่วโมงนะคะ" ท่าน่ารักของน้องแป้ง... คนที่มาแวะซื้อของแถวนั้น ต่างถามไถ่และหลากหลายความคิดเห็น บ้างก็ว่าเขาคงเอาไว้ทำพันธุ์ก่อนกระมัง ได้ลูกให้เขาแล้วอาจจะเอามาคืน แต่แล้ว...หลายวันต่อมา ฉันตัดสินใจใหม่ ด้วยเกรงใจและกลัวใครว่าฉันบ้าที่มายืนอยู่อย่างนี้ มันจะเกินไปแล้ว ใครเห็นก็คงห่อเหี่ยวไปด้วย ทางบ้านก็เป็นห่วงคอยมายืนเป็นเพื่อน เสียงฟ้าร้อง ...ครืน ครืน... ลมพัดแรง รอบตัวดูรีบเร่งไม่ไยดี เหมือนไล่ให้ฉันไปจากตรงนี้ จะตก ก็ตกลงมาเลยค่ะ ยังไงก็คงไม่เจอแล้ว ขอยืนวันสุดท้าย มืดแล้ว หมดหวังแล้ว จะอยู่รอให้ฝนตก เผื่อน้ำฝนจะได้ชะล้างคราบน้ำตา และปล่อยโฮอย่างเต็มที่ ไม่ต้องกลัวใครเห็น (มันคงเป็นการร้องไห้ที่สะใจเป็นอย่างยิ่ง) ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์ ที่ดังแทบไม่ได้ยิน เพราะเจ้าของเครื่องเอาแต่ร้องไห้..... "โทษครับ ใช่เบอร์ที่ประกาศตามหาหมารึเปล่าคะ" "เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เพื่อนที่ทำงานด้วยกัน เขาเล่าให้ฟังครับว่า เก็บหมาได้ เห็นมันวิ่งอยู่กลัวถูกรถชน จึงอุ้มไปก่อน พอตอนเช้ากะจะเอาไปหาเจ้าของ แต่มีเหตุต้องไปทำงานกรุงเทพฯด่วน เลยเอาหมาไปฝากไว้ที่บ้านนอกกับแม่ แต่ไม่มั่นใจว่า จะใช่ตัวเดียวกันที่น้องตามหารึเปล่า เพราะผมไม่เห็น แต่ได้ยินเขาพูดกัน" "แล้วพี่รู้จักบ้านแม่เค้าไม๊คะ" เอาอย่างงี้ดีกว่า ตอนนี้พี่อยู่ที่ไหนคะ หนูจะไปหาเดี๋ยวนี้" "พรุ่งนี้ก็ได้ครับ ฝนจะตกแล้ว ผมอยากโทรถามเพื่อนก่อนว่าได้เอาหมาไปไว้บ้านแม่จริงๆหรือเปล่า ใจหนึ่งก็กลัวเขาเอาไปกรุงเทพฯด้วย " ขณะนั้น ปากและใจสั่น พูดจะไม่รู้เรื่องเลยค่ะ ทั้งตื่นเต้นและใจหาย นึกถึงคนที่อยู่กรุงเทพฯ และภาวนาว่า อย่าได้เอาน้องแป้งไปด้วยนะ กลัวตามหาไม่เจอ เพราะเขาออกจากงานแล้ว "พี่อยู่แถวไหน ให้หนูไปหาเถอะค่ะ ฝนยังไม่ตก ขอร้องเถอะค่ะ" ถึงบ้าน คนปลายสาย ที่เป็นดั่งอัศวินขี่ม้าขาวเลยทีเดียว "ผมโทรหาเขาแล้วนะ แต่ไม่ติด เปลี่ยนเบอร์รึเปล่าก็ไม่รู้" ช่วยกันโทร. อยู่นาน ก็ไม่ติดค่ะ "เอางี้ค่ะพี่ หนูไม่อยากรอจนถึงเช้า หนูรอไม่ไหวแล้ว ถ้าพี่รู้จักบ้านแม่ของคนนั้น พาหนูไปเลยค่ะ เดี๋ยวหนูจะไปหารถมารับ" ละแวกนั้น 3 ทุ่มก็ดึกแล้ว เอามอร์ไซค์ไป เขาคงไม่ขึ้นด้วยแน่ เลยไปจ้างรถคนแถวบ้านขนกันไปเกือบทั้งครอบครัว เพื่อช่วยลุ้นว่าจะใช่น้องแป้งรึเปล่า ฉันนั่งเงียบ ใจจดจ่อต่อหนทางข้างหน้า รถที่นั่งไปก็คันเก่ามาก แทบคลาน ใจคนยิ่งร้อนรนวิ่งแซงหน้าไปก่อนแล้ว (เก่าขนาดจะลงต้องเปิดประตูจากด้านนอกเลยค่ะคิดดู) ระหว่างทาง พลางคิดว่า ถ้าใช่น้องแป้ง... ทางเข้าหมู่บ้านกันดารมาก ห่างจากถนนใหญ่ราวๆ 8 กิโล ไฟฟ้าข้างทางไม่มี บ้านคนดับไฟเกือบหมด รอบข้างมีแต่ป่า แล้วบ้านที่อยู่ตามชนบท เขาจะไม่ค่อยทำรั้วรอบขอบชิดสักเท่าไหร่ ทำให้คิดไปว่าหากน้องแป้งวิ่งหนีออกมา ทั้งหมาทั้งคนคงหลงไปกันใหญ่ ไม่ได้เจอกันอย่างแน่นอน ฉันเดินตามหลังสุด และเกาะแขนแม่อย่างแน่น ปล่อยให้อัศวินท่านนั้นและน้องปังปอนด์(น้องชายคนเล็ก)เดินไปก่อน ทำใจค่ะ ทำใจ กลัวไม่ใช่เหลือเกิน... "ยาย ๆ ตาๆ อยู่รึเปล่า มีแขกมาพบ เขาจะมาดูหมา" ฉันยืนนิ่งอยู่หน้าบ้าน ไม่กล้าส่งเสียงเรียก กลัวไม่ใช่ จะใจหายมากกว่านี้ ปังปอนด์โผล่หัวเล็กๆของมัน มุดเข้าไปดูในช่องประตูที่เป็นแบบเหล็กรูด "แม่นแล้ว ๆ อีแป้งคั่กๆ" ฉันได้ยินเช่นนั้น ก็ยังไม่อยากเชื่อ กลัวถูกเด็กหลอก(มันชอบพูดเล่นจนเป็นนิสัย) สิ้นเสียงปังปอนด์ เจ้าของบ้านยังไม่เปิดประตู ไฟก็ยังไม่ติด ในความสลัวนั้นพลันมีสิ่งหนึ่งมุดออกมา..... ตัวกลมๆ ขนสีขาว รูปร่างกระปุ๊กลุกเท่าน้องแป้ง แต่หน้าตานี่สิ ใช่น้องแป้งรึเปล่า เริ่มลังเล เพราะทรงผมเหี่ยนๆ (ซิเด๋อ) ไม่มัดจุกเหมือนเคย น้องแป้ง ๆ รึเปล่าลูก มันกระโดดทำเสียง ง๊องแง๊งๆและขบเบาๆที่หูของฉัน ในบ้านหลังนี้ ที่น้องแป้งมาอาศัย อยู่กัน3คน ตา ยาย หลาน (ลูกสาวนำมาฝากไว้ก่อนไปกทม.) เจ้าของบ้านพูดว่า "ได้กลับคืนเจ้าของ ป้ากับลุงก็ดีใจด้วย มันไม่ค่อยกินข้าว ซื้ออาหารเม็ดและโจ๊กกึ่งสำเร็จรูปเป็นซองมาต้มให้ ก็ไม่ค่อยกิน" พูดพลางหยิบอาหารเหล่านั้นมาให้ดู ป้าน้ำตาคลอกำลังหลงรักน้องแป้ง เขาเลี้ยงน้องแป้งอย่างดีค่ะ อาบน้ำตัดผมด้านหน้าจนจำแทบไม่ได้ และบ้านหลังนี้อยู่ติดทุ่งนา เลี้ยงวัว ,ควาย , เป็ด ,ไก่ด้วย แป้งคงตื่นตากับสิ่งแวดล้อมใหม่ เสียงไก่ขันมันยังตื่นเต้นเลยค่ะ พูดคุยทักทายพอหอมปากหอมคอ ก็ต้องร่ำลา เพราะฉันอยากรีบพาน้องแป้งกลับบ้าน ก่อนจากจ่ายค่าเลี้ยงดู ค่าติดตาม รวมค่าเสียหายต่างๆ งานนี้เทกระเป๋าเลยค่ะ (ไม่เป็นไรเจ๊จ่ายได้) แฮ่ะๆ เงินทองของนอกกายไม่ตายหาใหม่ได้ แต่น้องแป้งมีเพียงหนึ่งเดียว ... ดวงใจเล็กๆนี้มีค่ายิ่ง การจากกันครั้งนี้ น้องแป้งอาจสนุกได้ไปเที่ยวเล่น แต่ในส่วนลึกเชื่อว่ามันคงคิดถึงฉันมากกว่า ได้น้องแป้งคืนกลับมา โลกช่างสดใส มองอะไรก็สดสวย ฮ้า ... สบายใจที่สุดเลยค่ะ เหมือนยืนอยู่บนเทือกเขาหิมาลัยก็ไม่ปาน (ว่าไปนู่น) ชะอุ๊ย!!! ขากลับฉันกอดน้องแป้งไม่ปล่อย และน้องแป้งซบที่ไหล่ฉันอย่างรู้สึกปลอดภัยและอุ่นใจ ................................................................ ขอบคุณทุกๆแห่ง ที่แบ่งปันพื้นที่สำหรับสาล์นรักของฉัน ร้านขายของชำ ร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ เอกสารที่ถ่ายไว้ช่วงเช้า (ตอนเย็นได้คืน) บอกกับเจ้าของร้านว่า จะมาถ่ายเอกสารวันสุดท้ายแล้วนะ แจกหมดนี้คงพอแล้วต้องเดินทางแล้วล่ะ เก็บไว้ดูต่างหน้า (คงไม่มีเที่ยวหน้าอีกแล้ว) เอิ้กๆ พามาแก้บนค่ะ นั่งรออย่างแสนรู้ ขอบคุณที่เห็นความสำคัญ ของรักเล็กๆ ในครั้งนี้ ขอบคุณสถานีตำรวจ เขตอ.วารินฯ แจ้งความลงบันทึกไว้เพื่อเป็นหลักฐาน เผื่อเขาเอามาคืน แต่ไม่รู้จะคืนที่ไหนและเผื่อเห็นน้องแป้งแล้วเขาไม่ให้คืนจะได้ง่ายต่อการเจรจา ขอบคุณเสียงตามสายจากผู้ใหญ่บ้านทุกหมู่บ้าน ที่ดิฉันไปขอความอนุเคราะห์ ช่วงเวลา 19.00 ทุกวัน เป็นเวลา 1 สัปดาห์ก็เพียงพอแล้ว เด็กปั๊ม ที่มีน้ำใจ ช่วยแจกใบปลิวยังรถต่างๆ ที่เข้ามาเติมน้ำมัน ซึ่งเจ้าของปั๊มไม่ให้ติดแผ่นป้ายใดๆทั้งสิ้น ยกเว้นหน้าห้องน้ำ ขอบคุณค่ะ ดีเจที่จัดรายการในห้างแห่งหนึ่ง ผู้ที่เป็นเหมือนประชาสัมพันธ์ ประกาศเรื่องราวทุกข์ใจให้ทุกช่วงของรายการ อย่างไม่คิดค่าใช้จ่าย คงสงสารที่เห็นฉันถือใบปลิวมาอย่างน้ำตาคลอเบ้า ขอให้รักษาเรทติ้งไว้ให้ดีอย่างนี้ตลอดไปค่ะ ขอบคุณท้ายรถสองแถว และท้ายรถเข็นขายของทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็น รถขายมุ้ง รถขายปลาหมึก ขายน้ำอัดลม ลูกชิ้น ขนมต่างๆ ฯลฯ และที่จะลืมมิได้ ขอบคุณบุพการีและคนในครอบครัว ที่คอยช่วยเหลือในการติดตามครั้งนี้ ที่สำคัญขอบคุณที่อยู่เคียงข้างทุกสถานการณ์ค่ะ ท้ายนี้ กับประโยคฮา... จากน้องชายตัวเล็ก(ปังปอนด์) "สิ่งใดที่พี่ทอรุ้งเคยทำไม่ดีกับปอนด์ เช่น ไม่ให้เงินกินขนม ดุ ด่า และตี ปังปอนด์ขอยกโทษให้ เพียงแค่พี่ทอรุ้งได้น้องแป้งกลับมา ปอนด์ก็ไม่ว่าอะไรอีกเลย" (เด็กมันแค้นนะเนี่ย) ฮะ ฮะ ฮะ เอนทรี่นี้ แทบไม่มีเวลาเขียนเลย ทั้งที่ได้น้องแป้งกลับคืนมาหลายวันแล้ว ไม่ได้มีเจตนาจะล้อเล่นกับความรู้สึกใคร แต่เพราะชีวิตมีบางสิ่งเข้ามาจึงกำลังเรียนรู้และจัดการให้ลงตัวอย่างงดงาม....... ตามหาดวงใจเล็กๆกลับคืนมาได้แล้ว คงทำให้หัวใจอีกหลายดวงพลอยมีความสุขไปด้วย (ยิ้ม ๆ ๆ ) ด้วยกันนะคะ ขอบคุณทุกกำลังใจในบ้านหลังนี้ค่ะ แล้วพบกันใหม่ บล็อกเกอร์ที่รัก ^_^ หมายเหตุ *** เอนทรี่ต่อไปคงไม่มีเรื่องเศร้าแล้วค่ะ บะบาย ปู๊น ปู๊น ..... |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
<< | กันยายน 2009 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | ||
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 |