จากเทมาเส็ก....สู่สิงค์โปร
หลายคนรวมทั้งผมก็ได้ยินชื่อของเทมาเส็กครั้งแรกหรืออาจจะเป็นอีกครั้งที่เริ่มสนใจเมื่อต้นปี 49นี้เองว่ามันเป็นบรรษัทยักษ์ใหญ่ของสิงค์โปร และเมื่อหลายเดือนก่อนนี้ผมก้ได้ดูรายการของดิสคัฟรีแชเนลมีการนำเสนอเรื่องของสิงค์โปรด้วยเหมือนกัน แต่เรื่องบบรษัทเอาไว้ทีหลังครับ วันนี้ผมจะมานำเสนอเรื่องราวความเป็นมาคร่าวๆของเทมาเส็กสู่สิงค์โปรให้ชาวบลอกได้อ่านกัน
จริงๆแล้วชื่อเรียกดินแดนสิงค์โปรในปัจจุบันนั้นพึ่งจะมีการเรียกกันในช่วงศตวรรษที่ 14 นี่เอง เมื่อก่อนดินแดนแห่งนี้มีชื่อว่าเตมาเซ็กเป็นเมืองท่าของชวา อยู่ใกล้กับแหลมมาลายู แต่เรื่องราวครั้งยังเป็นเมืองเตมาเซ็กนั้นยังไม่แพร่หลาย เมืองท่าแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรศรีวิไชยมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 7 จนถึงศตวรรษที่ 13 และหลังจากการล่มสลายของอาณาจักรศรีวิไชยทำให้การครอบครองเกาะแห่งนี้เปลี่ยนกันไปหลายต่อหลายมือ จนกระทั่งตกอยู่ภายใต้การปกครองของสุลตานแห่งมะละกา(ปัจจุบันเป็นเมืองหนึ่งในมาเลเซีย) ในศตวรรษที่ 15 หลังการมะลากาตกเป็นเมืองขึ้นของโปตุเกศ ในปี ค.ศ.1511 เมืองดังกล่าวตกอยู่ภายใต้การดูแลของสุลตานมาเลย์แห่งโยโฮร์(ปัจจุบันเมืองหนึ่งในมาเลเซียใกล้กับสิงค์โปร)
ที่มาของชื่อสิงค์โปรในปัจจุบันเล่ากันว่ามาจากภาษาทมิฬและสันสกฤต มาจากคำว่าสิงห์ กับคำว่าปุระ ที่แปลว่าเมืองแห่งสิงโต ว่ากันว่าชื่อนี้ได้รับการตั้งโดยเจ้าชายจากสุมาตราผู้มีพระนามว่าซัง นีลา อูตามา(อูตามาแปลว่าที่หนึ่ง) ผู้ซึ่งได้มาพักหลบพายุฝนยังเกาะแห่งนี้ พระองค์ได้สังเกตเห็นสัตว์แปลกประหลาดตัวหนึ่งที่บนชายฝั่ง โดยหัวหน้าเจ้าหน้าที่ได้บอกว่าเป็นสิงโต แต่จากการศึกษาในปัจจุบันพบว่าไม่เคยมีปรากฎสิงโตอาศัยอยู่บนเกาะแห่งนี้เลย(อ้าวแล้วที่เห็นละคือตัวอะไร) สัตว์ตัวที่เห็นอาจจะเป็นพวกเสือมาลายันมากกว่า
มีบันทึกกล่าวถึงการตั้งถิ่นฐานของชุมชนตั้งแต่ศตวรรษที่สองภายใต้ชื่อที่เรียกว่าเทมาเส็ก เทมาเส็กเป็นเกาะหนึ่งในมหาอาณาจักรศรีวิไชย เทมาเส็กได้เจริญเติบโตอย่างรวดเร็วในการเป็นเมืองท่าที่ประสบผลสำเร็จในยุคนี้ แต่ต่อมาได้หมดความสำคัญไปในช่วงศตวรรษที่ 14 และมีร่องรอยอดีตของเทมาเส็กหลงเหลืออยู่น้อยมากที่พบในสิงค์โปรในปัจจุบัน
และในช่วงระหว่างศตวรรษที่ 16 ถึง ศตวรรษที่ 19 ตอนต้นเกาะสิงค์โปรได้ตกอยู่ภายใต้การปกครองของสุลตานแห่งโยโฮร์ ต่อมาในช่วงสงครามมาเล-โปรตุเกศ เมื่อปี ค.ศ. 1613 เกาะแห่งนี้เลยได้ตกอยู่ภายใต้การปกครองของโปรตุเกศในตลอดศตวรรษที่เหลือ และก็ตกเป็นของดัชต่อมาในศตวรรษที่ 17 อย่างไรก็ตามตลอดเวลาในช่วงนี้ประชากรส่วนใหญ่ของเกาะสิงค์๋โปรมีแค่เพียงชาวประมงเท่านั้น
และแล้วผู้ที่จะมาพลิกผันเกาะแห่งนี้ไปสู่ความก้าวห้าก็ได้ย่างกรายเข้ามา เขาผู้นั้นคือ เซอร์ ทอร์มัส สแตนท์ฟอร์ท แรฟเฟิ้ล เขาขึ้นฝั่งที่เกาะแห่งนี้และได้มองเห็นถึงศักยภาพที่มีอยู่ของที่นี่ในเรื่องของการเป็นเมืองท่าการค้าในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ เขาจึงได้ไปทำสนธิสัญญากับเจ้าของเกาะคือสุลตาน ฮูเซน ชาห์ในฐานะตัวแทนของบริษัทบริติชอินเดียตะวันออก เพื่อที่จะทำการพัฒนาสิงค์โปรให้เป็นเมืองท่าในการค้าขายของจักรภพ ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่
ผู้ช่วยของเขาคือนายวิลเลี่ยม ฟากูฮาร์ได้เล็งเห็นการหลั่งไหลเข้ามาของผู้คนโดยการที่เขามีนโยบายอิสระในการอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานที่นี่ ถึงแม้บริติชอินเดียได้เข้ามาปกครองที่นี่ตั้งแต่ปี1958 สิงค์โปรก็เพิ่งจะได้รับการเป็นอาณานิคมที่ขึ้นตรงต่อเครือจักรภพอังกฤษเมื่อปี ค.ศ. 1868 เท่านั้น และต่อมามีผู้คนอาศัยอยู่ที่เกาะถึง 100,000 คนเมื่อปี 1869
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองกองทัพญี่ปุ่นได้บุกเข้าโจมตีมาลายา กองทัพอังกฤษก็พ่ายแพ้ไปที่สมรภูมิสิงค์โปรหลังจากการรบเพียง 6 วันเท่านั้น สุดท้ายก็ต้องยอมมอบฐานที่มั่นให้กับนาพลโตโมยูกิ ยามาชิตะ เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 1942 ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนามของการพ้ายแพ้ที่ยับเยินที่สุดของจักวรรดิ์อังกฤษ ญี่ปุ่นได้ตั้งชื่อสิงค์โปรเสียใหม่ว่า โซนันโต หรือ โชนัน ซึ่งหมายความว่า แสงสว่างแห่งทางใต้ จนกระทั่งอังกฤษได้ยึดสิงค์โปรคืนเมื่อวันที่ 12 กันยายน ปี 1945 หนึ่งเดือนหลังจากการยอมแพ้สงครามของญี่ปุ่น ต่อมาสิงค์โปรได้กลายเป็นรัฐที่ปกครองตนเองภายใต้เครือจักรภพอังกฤษ โดยมีนาย ยูโซฟ บิน อิชัค เป็นผู้นำสูงสุด(น่าจะเท่ากับราชาทำนองนั้น) และนายลี กวน ยูเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรก สิงค์โปรได้ประกาศเอกราชจากอังกฤษเมื่อเดือนสิงหาคม ปี 1963 ก่อนที่จะรวมเข้าเป็นสหพันธ์รัฐมาเลเซียในเดือนกันยายน พร้อมๆกับมาลายา ซาบาห์และซาราวัค ตามผลข้อตกลงที่จะร่วมประเทศกันลงนามที่สิงค์โปรปี 1962
ต่อมาสิงค์โปรได้ออกจากสหพันธ์รัฐในสองปีต่อมา อันเนื่องมาจากความขัดแย้งด้านอุดมการณ์ระหว่างรัฐบาลของรัฐกับรัฐบาลของสหพันธ์รัฐ สิงค์โปรมีอธิปไตยเป็นของตนเองอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 1965 โดยยูโซฟ บิน อิชะอ์ได้รับตำแหน่งประธานาธิบดี ส่วนนายลี กวน ยูก็ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป
จาการเริ่มต้นของประเทศเล็กๆที่แทบไม่มีทรัพยากรอะไรเป็นของตนเอง ภายใต้การบริหารของนาย ลี กวน ยู ทำให้ส่ิงมหัศจรรย์เกิดขึ้น ในช่วงการบริหารโดยนายลีตั้งแต่ปี 1965 ถึงปี 1990 เขาได้จัดการ อัตราการว่างงานลดลง เพิ่มคุณภาพชีวิตของประชากรให้สูงขึ้น สร้างโครงการที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ รวมถึงการก่อสร้างโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานต่างเพื่อรองรับ แผนการด้านเศรษฐกิจที่จะพลิกให้สิงค์โปรเป็นผู้นำตัวเล็กๆ แต่ระดับโลก ได้อย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน
ปัจจุบันคงมีทั้งคนที่ชื่นชมและที่ไม่ปลื่มประเทศนี้อยู่มากแต่จากการที่ประเทศเล็กๆที่มีคนอยู่ไม่กี่หยิบมือ และแทบไม่มีทรัพยากรธรรมชาติเป็นของตนเองเลย(แม่แต่นำ้ต้องซื้อจากมาเลเซีย) เจริญเติบโตจนสามารถอยู่ในแถวหน้าของโลกได้ แม้บางคนจะบอกว่าขนาดมันเล็กดูแลง่ายทุกอย่างเลยง่ายตามไปด้วย คงไม่มีใครปฎิเสธถึงฝีมือของผู้นำประเทศของเขาเป็นแน่แท้ สนต้นที่เก้า ภาพประกอบจาก(ตามลำดับ) http://www.tws.com.sg/singapore/sin_assets/information/merlion/New_Merlion1.jpg http://www.singapore-x.com/stuff/singapore_lg.gif http://www.theodora.com/wfb/photos/singapore/esplanade_singapore_photo_stb.jpg http://www.hotelbestdeal.com/amberpiz/singapore/singapore6.jpg http://cache.eb.com/eb/image?id=10281&rendTypeId=4 |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
<< | มกราคม 2008 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | ||
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 |