^^Time Fly^^
เวลาผ่านไปเร็วมากๆๆๆๆ ไม่ได้ up blog มาเกือบ 4 เดือน บอกตรงๆ นึกว่าเพิ่งจะ 2 เดือน เท่านั้นเอง พอดีมีงานส่วนตัวล้นมือ ทำอย่างเดียวไม่เป็น ชอบทำหลายๆ อย่าง ชอบความรู้สึก busy มากกว่า easy จริงๆ มีเรื่องจะ up เยอะมากเลยอ่ะ ไปเที่ยวมาหลายที่ แต่ว่าเอาที่ไปล่าสุดก่อนละกันนะ เพิ่งไปมาตอนช่วงวันที่ 22-25 ตุลา ... ไป "ภูสอยดาว" ชอบมากมายยยยย โหดดี ตอนแรกที่ไป เพราะอยากรู้ว่า ถ้าเทียบกะ ทีลอเร ที่เคยไปมา อันไหนจะโหดกว่ากัน จริงๆ จะว่าไปแล้ว เทียบกันไม่ได้อ่ะ ภูมิประเทศต่างกัน ทีลอเร : เดิน 28 กิโล ตั้งแต่ประมาณเกือบๆ 10 โมงเช้า จนถึง บ่าย 4 โมงเย็น ก็ใช้เวลาซัก 6 ชั่วโมงกว่าๆ ทางเดินไม่เปียก ทางชันเอาการอยู่เหมือนกัน แต่ไม่เยอะเท่าภูสอยดาว ทางเดินมีแต่ขี้ช้างงงงงงงงงงงง ทุก 1 ตร.กม. ขนาดเก็บไปฝัน ต้องเดินผ่านลำธาร ผ่านหน้าผา บางทีก็ขี่ช้าง (แต่เสียวโคตร จะไม่นั่งช้างเวลาเดินหน้าผาอีกแล้ว) เดินเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก ไม่ขนาดว่า เมื่อไหร่จะถึงซักทีๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ภูสอยดาว : เดิน 6.5 กิโล ตั้งแต่ 8 โมงนิดๆ จนถึงบ่ายโมงครึ่ง รวมเวลาแล้วก็ซัก 5 ชั่วโมงกว่าๆ ทางเดินเปียกๆ นี่ขนาดฝนตกนิดเดียว แถมทางก็ชันโคตรๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เรียกได้ว่ามากกว่า 50% ของทางทั้งหมด ทางเดินไม่มีขี้ช้าง............. ไม่ได้เดินผ่านลำธาร คือก็มีลำธาร น้ำตกอ่ะนะ แต่เค้าทำสะพานไว้ให้เดินข้ามหมดแล้ว เหนื่อยก็พัก แต่พักไม่นาน เพราะว่า อยากถึงจุดหมายให้เร็วๆ ไม่ไหวแล้ววววววววว ปวดขามากกก ยกขาไม่ขึ้นอ่ะ เดินไปก็ท่องไป "ถ้าเราไม่คิดว่าเหนื่อย เราก็จะไม่เหนื่อย ถ้าเราไม่คิดว่าเมื่อย เราก็จะไม่เมื่อย ชิลๆ หนอ ชิลๆ หนอ" เหงื่อออกเยอะมาก เหมือนไปเล่นน้ำมา เหอะๆ อืมมม แต่ว่าตอนลงมาจากภูอ่ะ ใช้เวลาแค่ 2 ชั่วโมงเองนะ บางทีก็เล่นวิ่งๆๆๆ ลงภู ก็ทางมันชันอ่ะ แต่ว่า ณ บัดนาว ข้าพเจ้าต้องเสียเล็บเท้านิ้วชี้ไป 2 ข้าง รอเวลาเล็บหลุด เหอะๆ เวงกำ....เอาเหอะ เป็นไรก็เป็น อ้อ ลืมบอกไป คราวนี้เราไปกับ Trekking Thai ไปกะทัวร์ครั้งแรก รู้สึกประทับใจกับทัวร์นี้ๆ มากๆ staff เค้าทำด้วยใจจริงๆ เห็นแล้วยังเหนื่อยแทน Staff กลุ่มเรา ชื่อพี่ต้นคุง (หรือที่เราเรียกว่า พี่ต้นซุง อิอิ) ว่ามาซะขนาดนี้ มาดูรูปเลยดีฝ่า เริ่ม start ออกเดินทางคืนวันที่ 22 ตาม schedule ต้องออกคันแรก แต่กระแต กะพี่หยมมาช้าาาา รถตู้เราเลยออกคันสุดท้าย........ ออกเดินทางประมาณ 4 ทุ่ม ก็ไปถึง อุทยาน ซัก 7 โมงเช้าได้ แล้วก็ไปนั่งกินข้าว ร้านที่ทัวร์จัดไว้ให้ อาหารก็ ok ปกติดี อยากกินไรก็สั่งได้ หลังจากเคารพธงชาติ เราก็ออกเดินทาง
เดินๆๆๆๆ และเดิน ถ่ายรูปตลอดทาง
ข้างล่างนั่นเป็นรูป เสือน่ากลัว กะ เสือน่ารัก งัยล่ะ อิอิ
แล้วก็คันๆๆๆๆๆ ต้องทายากันคุ่น เพราะว่าเค้าว่ามันเยอะมาก แล้วมันก็เยอะจริงๆๆๆๆๆๆๆ เป็นโรคยี้แมงเยอะ ถ้าฉีดยาเข้าปากได้ คงทำไปและ นี่เหลือแค่ฉีดหัว กะฉีดเข้าปาก ที่ยังไม่ได้ทำ ฮ่าๆ
มีเพื่อน ช (หรือเพื่อนสาว) เอาน้องหมี ArMer เดินทางไปด้วย
สัมภาระ ก็ให้ลูกหาบแบกขึ้นไปให้ มีของติดตัวนิดเดียว แต่กระเป๋าเราซิ มีแต่ขนมเต็มไปหมด ฮ่าๆ ใครบอกว่าตอนเดิน กินไรไม่ลง ได้ขนมเหมียวนี่แหละเพิ่มพลัง ... แลภูมิใจ ฮ่าๆ
อ้อออ แล้วก็ต้องพกข้าวขึ้นมากินคนละห่อด้วยนะ ขาขึ้น ถ่ายรูปน้อยกว่าขาลง เพราะว่ามันเหนื่อย !!! พอขึ้นไปถึง ก็รอพี่ Staff กางเตนท์ให้ ช่วงนั้นก็ไปนั่งรอที่ผ้าใบที่พี่เค้าปูไว้ให้ก่อน ก็นั่งรอกะคนอื่นๆ ซักพัก ไม่ไหวแล้ว ก็นอนมันลงไปตรงนั้นแหละ นอนซักพัก เฮ้ยยยย แดดออก ไม่มีแรงลุกเว้ย เอาร่มที่พกไปออกมากาง แล้วก็นอนต่อ เฮ้ยยยย ซักพักฝนตก ... ตกปรอยๆ ไม่เป็นไร ... นอนต่อ เฮ้ยยยย ไม่ไหวและ เริ่มตกหนัก เข้าไปหลบในร่มก็ได้ฟะ อดนอนเล้ยย !!!
รออยู่นาน เต็นท์ก็กางเสร็จ ลูกหาบก็แบกกระเป๋ามาให้ครบทุกคนแล้ว เราก็เข้าเต็นท์ แล้วนอนต่ออีกเล็กน้อย ไม่ไหวแล้ววววว  | ยอดเขาที่เห็นลิบๆนั่นแหละ ที่เราต้องไป เหลืออีก 1.6 กม. เท่านั้น |  | เห็นจุดแดงๆ ด้านขวามะ เราเดินกันมาจากตรงนั้น staff บอกมา โกหกปะเนี่ย ไกลไปมั้งงง
|  | เริ่มกางเต็นท์ |
ซักพักก็ต้องรีบไปอาบน้ำ เพราะเดี๋ยวมืด ต้องไปตักน้ำที่ลำธารมา อาบน้ำ สระผม ไม่สระไม่ได้ เหงื่อเยอะโคตรรรรร ไม่สระนี่ถึงขั้นอึดอัดตาย ที่นี่ไม่มีน้ำประปา ต้องไปตักน้ำมาอาบ อาบที่ลำธารไม่ได้ เพราะเค้าใช้บริโภคกันด้วย และลำธารมันก็เล็กโคตรๆ
อาบเสร็จ กลับไปเต็นท์ .... นอน ต้อมมาเรียก :พี่เหมียวไปเดินเล่นกันมั๊ย ประมาณนี้มั้ง จำไม่ค่อยได้ เหมียว : ไม่ต้อม พี่จะนอน.... (อย่างไม่มีเยื่อใย ฮ่าๆ)
พอทุ่มนึง ก็มากินข้าว พี่ staff ทำของกินอร่อยๆ ไว้ให้กินไม่อั้น ขอบอกว่าไม่อั้น ทั้งของคาว ของหวาน ถึงบอกว่าพี่เค้าทำด้วยใจจริงๆ
วันต่อมา หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ เราก็ออกเดินทางไปน้ำตกสายทิพย์ ทางลงโหดมากกกก ต้นไม้ก็มีหนาม ทางก็ชัน น้ำตกก็ลื่น trip นี้ลื่นไป 3 ครั้ง ฮ่าๆ ที่น้ำตกทั้ง 3 ครั้ง แต่ลื่นแบบก้นไม่ถึงพื้นซักครั้ง โชคดีไปตอนเที่ยงก็กลับมากินๆๆๆๆ แล้วตอนบ่ายก็ไปเดินชมวิว แถวๆ ที่พักจนถึงเย็น ขอบอกว่า สวยมากกก หมอกเยอะมากมาย เหมือนอยู่บนสวรรค์ ชอบมากกกกกกกกกก มาถึงตอนนี้ อยากจะให้มาเที่ยวกัน มันสวยจริงๆ หายเหนื่อย
วันสุดท้าย ลงมาจากภู แต่ว่า....ปวดขาอ่ะ ปวดๆๆๆๆๆ นี่ขนาดแต่ละคน ทั้งกินยา ทายาแล้วนะ แทบไม่อยากจะหยุดนั่ง เพราะถ้าหยุดแล้วมันขาสั่น เดินต่อไม่ไหวอ่ะ แต่พอลงมาถึงจุดหมายปลายทางนี่ซิ ได้เล่นน้ำตก ชอบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เย็นดี ถึงแม้ว่า.... เท้าจะกระทบหินใต้น้ำไปหลายครั้ง แงๆ เจ็บว้อยยยย ยังไม่วายลื่นหินไปอีกรอบนึง แต่ไม่เป็นไร ก็คนมันจะเล่น
และแล้ว เราก็กลับถึง กทม อย่างปลอยภัย ประมาณ 5 ทุ่มครึ่ง แล้วเช้าวัน จันทร์ ก็ไปทำงาน ด้วยศักดิ์ศรี ลางานไม่ได้ !!!! เจ็บกล้ามเนื้อมากกกก มันตึงมากๆๆๆๆ เวลาลงบันไดนะ ต้องเอาด้านข้างลงอ่ะ ลงด้านหน้าไม่ได้ เป็นแบบนี้ประมาณ 4 วัน ถ้าคุณเห็น ญ 3 คน เวลาลงบันได เราหันด้านข้าง ลงช้าๆ เรียงแถวตอน เพราะต้องเกาะราวบันได ... นั่นแหละ เรา ส่วนอีกอันนี่ซิ ไปทะเลตรัง อยากไปมากกกกกกกกกกกกก ขนาดที่เมื่อวัน เสาร์ ที่ผ่านมา ยังซ่า ขายังไม่หายดี เรากะน้องอีกคน ไปเดินซื้อชุดเดินเที่ยวทะเลมาแล้ว ฮ่าๆ ทั้งๆที่กะว่าจะไปเดือน มค. คนมันอยากเที่ยวอ่ะนะ ป่าวหรอก พอดีไปเห็นกางเกงยีนส์ขาสั้น มันขาดได้ใจมากกกกก เลยซื้อมา แล้วพอดีเจอรองเท้าแตะหนังวัว มันก็เก๋ดี เลยซื้อมา แล้วไหนๆ ก็ไหนๆ ก็เลยซื้อเสื้อยืดมาอีก 2 ตัว ปล. ในครั้งนี้ ต้องขอขอบคุณ (เป็นพิเศษ) - พี่หยม แฟนกระแต ที่อุตส่าห์ไปตักน้ำ แล้วแบกมาให้อาบทุกวัน อาบกัน 4 คน พี่หยม ก็แบก 4 รอบ พี่รอรับใบประกาศเกียรติยศจากเหมียวได้เลย - พี่ต้นคุง ที่อุตส่าห์ให้เรายืมรองเท้าแตะ ตอนที่ลงมาจากภู แล้วพี่ก็เดินเท้าปล่าวบนถนนร้อนๆ พี่รอรับใบประกาาศเกียรติยศจากเหมียวเช่นกันค่ะ - ขอบคุณทุกคนที่ให้ยืมถังน้ำ และขันน้ำค่ะ สำคัญมากกกกกกกกก
ทิตย์หน้า จะมา up ขนมกะอาหารที่ทำไว้...นานแล้ว แต่ไม่ได้ up ซักที ไม่รู้จะดองไว้ทำมัย !!!!
|