*/
<< | ธันวาคม 2010 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | 4 | |||
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
ภูกระดึง ๓ เดินเองได้ ระบมไปถึงเช้า ปวดเข่า..เมื่อยตัว..เจ็บก้น.. อาทิตย์ที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ หลังจากที่ ค่ำคืนอันระงมไปด้วยเสียงของมนุษย์และสัตว์ประสานกันดังกึกก้อง สัตว์มันคงจะแปลกใจว่ามนุษย์ก็มีเสียงเหมือนกัน ไม่รู้ว่าเต้นท์ไหนเป็นเต้นท์ไหน หรือว่าจะเป็นเต้นท์เราเอง เพราะนอนหลับใครจะไปรำคาญเสียงกรนของตนเอง ทุกคนหลับไหลไปกับความเหนื่อยอ่อนในการบากบั่นยืนหยัดกับปฏิภาณของตนเอง ภูกระดึง...ถึงหรือยัง เอ้ย ภูกระดึงเดินเองไม่ได้ ให้เอากระเช้า ไม่ใช่ละ ภูกระดึง เดินเองได้ ไม่เอากระเช้า เดินกันให้รู้กันไปเลยว่า ยังไงก็จะไม่เอากระเช้า จงใจเหลือเกินว่าเสื้อด้านหลังของแต่ละคน จะมีคำนี้ติดอยู่ เวลาผมเดินแซงใครไปก็จะมีคนอ่าน แล้ววันนั้นคนเยอะมาก บางคนอ่านเสียงดัง แต่มันอ่านผิดนะสิครับ ที่ทะลึ่งก็มี ไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวไม่ผ่าน บก. ค่ำคืนที่ผ่านมาอากาศหนาวเย็นเป็นธรรมชาติ ที่ผมสาดน้ำเย็นใสตัวพร้อมสระผมไปด้วย ก็สบายตัวมาก ๆ แล้วก็มานั่งล้อมวงอย่างว่า สำหรับทากแล้ว มาเยือนได้ตลอดเวลา แต่ก็ถูกพวกเราจัดการได้หมด เช้านี้ตื่นขึ้นมาอย่างเต็มอิ่มแต่ว่า เพราะศักดิ์ศรีแห่งคำว่า ไม่เอากระเช้า ก็ยอมระบมกันบ้าง นั่งแล้วจะลุกยากหน่อย เนื่อย เมื่อย ล้า ระบม เจ็บขา เจ็บเอว และ เจ็บก้น ไม่คนสงสัยกันมากว่าผมเอาก้นไปทำอะไรมา จึงมาเฉลยกันในตอนนี้ว่า จากการปั่นจักรยานไปรอบ ๆ กว่า ๓๐ กม. นั้น ทางที่เป็นดิน บางช่วงเป็นทราย บางช่วงเป็นรากไม้ ก็ต้องแน่นอนแล้วว่าก้นระบมไปด้วย เอาเป็นว่าเจ็บหมดทั่วตัว แต่ก็ต้องทำหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสไว้ก่อน ถึงก้นจะพังก็ ไม่เอากระเช้า ว่างั้นเถอะ ตอนเดินขึ้นภูวันแรกนั้น ลูกหาบ และคนชำนาญทางต่างแนะนำว่า เดินช้า ๆ ไม่ต้องรีบ เดี๋ยวก็ถึงเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ฉุกคิดได้ว่า บางทีจุดหมายอาจไม่ได้สำคัญที่สุดเสมอไป ตามรายทางก็มีสิ่งงดงามให้เชยชมได้อีกมากมาย และการที่ลูกหาบต้องเดินอย่างช้า ๆ ด้วยมีสัมภาระอันหนักอึ้งที่แบกไว้บนบ่า และต้องใช้สมาธิทุกย่างก้าว หากพลาดไปแล้ว นั่นหมายถึงการบาดเจ็บทั้งร่างกายและความสูญหายของข้าวของ ธรรมชาติและสิ่งรอบกายสอนเราได้เสมอ เพียงแต่ว่าเราจะฉุกคิดไหมว่าอะไรคือสิ่งที่จะสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตของเราบ้าง สิ่งที่หลายคนโหยหาคือ หมอนวด ถึงเวลานี้แล้ว ไม่ต้องคิดว่าจะเป็นแผนไหนก็ช่างเถอะ จัดมาสักแผนก็แล้วกัน จะหมอนวดแผนอดีตหรือแผนปัจจุบันก็ดี อยากคลายเหนื่อยเมื่อยล้า ส่วนสาวกุ้งนั้น อาศัยวิทยาศาสตร์เลยทำให้คลายไป เช้านี้ผมพลาดการไปชมตะวันขึ้นที่ผานกแอ่น เพราะจับใจความในการนัดหมายไม่ถูก มัวแต่คุยเรื่องอื่น เช้านี้เลยต้มน้ำร้อนชงกาแฟกินกันไปพลาง ๆ วันนี้จะเป็นวันที่เราต้องเดินไปรอบ ๆ ภูกระดึง มีหลายท่านที่สละสิทธิ์ ขอเฝ้าสมบัติอยู่ที่เต้นท์ ขอแค่เพียงได้ชื่อว่าขึ้นภูมาได้ก็พอใจ นับได้ว่าเป็นคน เจียมสังขาร อย่างผมนี่สังขารก็ไม่เจียม เมื่อคืน ได้ยินเรื่องราวของพี่มะอึกที่มาสู้รบกับกวางป่าที่มาแย่งมาม่า รวมถึงโจ๊กด้วย เพราะมันได้กลิ่นอาหารนั่นเอง ต่างคนต่างคิดว่า มีคนออกมานอกเต้นทำอะไรสักอย่าง ดึกดื่นตี ๒ ตี ๓ ใครจะลุกมาทำอะไรละครับ หนาวเป็นบ้า พี่มะยงก็ไล่ให้พี่มะอึก รูดซิบ ๆ ผมก็ว่าพี่มะอึกท่านใส่กางเกงเลนี่นา ไม่จำเป็นต้องรูดซิบ อ้าว...เขาหมายถึงซิบเต้นท์ มันหนาว ปิดเต้นท์ด้วย รุ่งอรุณยามเช้าแห่งผืนป่าบนยอดดอยสูง ดอกหญ้าร่ายระบำตามสายลมที่โอนอ่อน หยดน้ำค้างพร่างราว บ้างก็ทอแสงแวววาวเป็นประกาย ดนตรีแห่งป่าเขายังคงบรรเลงอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่อาจจะเปลี่ยนจังหวะและท่วงทำนอง จากค่ำคืนที่ได้ยินเสียงอันแผ่วเบาของสายลมและหรีดหริ่งเรไรยามรุ่งสาง เสียงร้องส่งของสกุณาร่ำไรอยู่ท่ามกลางแสงสีทองอันเรืองรอง สายลมแรงขึ้นหวีดหวิวปลายยอดสนส่งเสียงซาบซ่าน ธรรมชาติบรรเลงเพลงอย่างไพเราะตลอดเวลา หากสรรพสิ่งจะได้สนองตอบด้วยการเกื้อประโยชน์ซึ่งกันและกันแล้ว ความสมดุลแห่งธรรมชาติย่อมยังคงบังเกิด และรักษาความเป็นไปได้อย่างเหมาะสม อากาศวันนี้ปลอดโปร่งดีแท้ พวกเรามีกำหนดในการเดินทางท่องป่าไปตามเส้นทางที่อุทยานกำหนด แต่เราไม่ได้ไปป่าปิด ที่เพิ่งเปิดให้นักท่องธรรมชาติได้เข้าไปเชยชม ผมซึ่งไม่เคยมาที่ภูกระดึงเลย จึงรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เดินชมและศึกษาธรรมชาติในวันนี้ เราเดินรอบ ๆ ไปตามทางริมน้ำ ผ่านน้ำตก ที่มีน้ำอยู่เพียงเล็กน้อย เสียดายหากมาในช่วง กันยายน หรือ ตุลาคม น่าจะสวยกว่านี้ เริ่มจากน้ำตกวังกวาง แล้วก็เดินผ่านป่าสน ทะลุออกไปที่ทุ่งหญ้า ลัดไปถึงลำห้วย จึงได้เจอกับน้ำตกเพ็ญพบใหม่ ณ จุดนี้เอง ที่ผมเจอต้นเมเปิ้ลเป็นแห่งแรก ภาษาญี่ปุ่นเรียก โมมิจิ ดูเหมือนใบมันจะร่วงไปรอบหนึ่งแล้ว แต่ว่ายังพอมีให้เห็นบ้าง ไม่เสียเที่ยวสำหรับหลาย ๆ ท่านที่อยากมาดู เราเดินต่อไปที่น้ำตกโผนพบ ระยะทางตรงนี้จะห่างออกไป และไกลกว่าจุดแรก เลียบไปตามธารน้ำ ก็เลยได้ถ่ายภาพน้ำหินดินทรายใบไม้ เฟิร์น ตะไคร่ อะไรต่าง ๆ นานา ตามที่เราได้พบได้เห็น โดยไม่ต้องรีบร้อนอะไร แต่กลุ่มของเราก็เริ่มแตกแยกออกไปแล้ว เพราะไม่เห็นพี่เต็งพ้ง น้องภีม น้องคีน และคุณชัยเสียแล้ว กลุ่มของผมจึงมีพี่ชาลี พี่ไก่ น้องแจน คุณกุ้ง คุณวันศุกร์ และคุณพร สิงห์มือซ้าย เพียงเท่านี้เอง เราพักรับประทานอาหารเที่ยงกันที่ลานหินในลำธาร ได้บรรยากาศดีมาก ๆ น้ำเย็นใส เสร็จแล้วเราก็ไปต่อกันเลย เดินสู่น้ำตก เพ็ญพบใหม่ ในระหว่างทางเราก็เจอพืชแปลก ๆ พวกกล้วยไม้ เห็ดหลากชนิด กุ้งอบเพลิง ดูเหมือนจะพิศมัยกับเห็นต่าง ๆ มากมายเหล่านี้เหลือเกิน เห็นถ่ายรูปไว้จำนวนมาก เดินทางกันต่อแบบไม่มีพักอะไรกันเลย เพราะกลัวว่าจะเดินทางไปไม่รอบทิศทาง และไม่มีใครถือแผนที่มาเลยสักคน ไม่มีใครสนใจว่าจะไปทางไหน เดินตามทางไปเรื่อย ๆ มีกลุ่มนักเดินป่าตามกันมาติด ๆ เมื่อตอนก่อนถึงน้ำตกเพ็ญพบใหม่ ระหว่างทาง ก็เจอต้นไม้ใบหญ้า ทางเราก็ถ่ายรูปกันยกใหญ่ หนุ่มสาวคู่หนึ่ง เดินผ่านมา แล้วก็เอ่ยขึ้นทำนองว่า นั่นไง คนถ่ายภาพเขาก็ถ่ายกันแค่จุดเล็ก ๆ กันแบบนี้ แล้วเอาไปลงในเน็ต มันดูดี สวยงาม ทำให้เราอยากมา แต่พอมาแล้วก็ไม่มีอะไร อ้าว ...เป็นอย่างนั้นไป ความจริงอยากให้เข้าใจในวิชาชีพการถ่ายภาพเสียหน่อยว่า ความจริงมันมีหลายแขนงที่แยกออกไป ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายแบบเฉพาะเจาะจง (Macro) ถ่ายภาพวิว ถ่ายภาพคน ถ่ายภาพสัตว์ ภาพเคลื่อนไหวเร็ว (กีฬา) การมีกล้องดี ย่อมได้เปรียบ แต่ก็ไม่เสมอไปว่าจะถ่ายรูปออกมาดี เพราะต้องมีองค์ประกอบภาพที่สมบูรณ์ นั่นต้องขึ้นอยู่กับมุมมอง และสมองของคนถ่าย ที่จะทำให้รูปนั้นออกมาเป็นอย่างไร ตามมุมมองของตนเอง ดอกไม้ดอกหนึ่ง อาจจะมีจุดที่ดีที่สุดสำหรับการถ่ายภาพออกมาแล้วดูดีเลิศ เหมือนคนทำอาหาร แต่ละคนหากรสชาติมันอยู่ที่หม้อ ไห กระทะ ตะหลิว ทุกคนคงทำอาหารอร่อยกันหมด ทุก ๆ แขนงอาชีพย่อมมีความวิเศษ ความจำเพาะแตกต่างกันไป การที่ช่างถ่ายภาพ ต้องเก็บภาพต่าง ๆ นั้น ไม่ใช่อยากจะโชว์ให้เข้าใจว่าอันนี้สวย อันนี้ดี แต่เป็นการบันทึกวิชาการถ่ายภาพด้วยฝีมือและประสบการณ์ของตนเอง เพื่อพัฒนาให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป พูดถึงเรื่องชื่อน้ำตก ลาบ และก้อย เอ้ย ไม่ใช่ครับ น้ำตกตามธรรมชาติตอนแรกฟังดูแปลก แต่พอจะเดาได้ว่าน่าจะตั้งชื่อตามผู้ที่ค้นพบแน่ ๆ น่าเสียดายจริง ๆ ถ้าผมมาภูกระดึงตั้งแต่ยุคบุกเบิก คงจะมีชื่อน้ำตก "หนุ่ยพบ" หรือ "มัชฌิมาปกรพบ" แต่วันนี้เรามากันหลายคน คงแย่งกันตั้งชื่อน้ำตก "พบกันเป็นกลุ่ม ๆ" ทว่าสภาพของการเดินป่าวันนี้ก็ทุลักทุเลพอสมควร บางคนเหนื่อยอ่อนจะเป็นลม กลายเป็นว่า "พบหนุ่ย" เดินโซเซในป่าก็เป็นได้ หลายคนมาด้วยความ ติดป้าย คือเจอป้ายไหนขอถ่ายคู่ ป้ายอะไรก็ได้ ที่บ่งบอกว่า ฉันได้มาแล้ว ต้นเมเปิ้ลก็ไปยืนคู่ ถ้าปีนได้คงปีนไปแล้วมั้ง บางคนเด็ดใบมาดูด้วย ยิ่งใบมันมีน้อยอยู่ ใบร่วงก็เยอะแยะไม่ไปหยิบมา ไปรบกวนธรรมชาติยังไม่พอ ยังไปทำลายเขาอีก ไม่เข้าใจหรือไงว่าเรามาสัมผัสกับธรรมชาติ มาศึกษา และเรียนรู้ มาทำใจให้สงบ และไม่ได้คิดเลยสักนิดเลยหรือว่า อยู่บนภูกระดึงที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลกว่า ๑,๒๐๐ กม. จะทำให้ตัวเราสูงได้ แต่ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่ามีจิตใจที่สูงขึ้นเลยหรือไร จริงสินะ อย่างที่เพื่อนร่วมทางบางคนเราว่า ภูสูงก็ไม่ได้ทำให้ใจคนเราสูงขึ้นได้ เรายังคงก้ม ๆ เงย ๆ อยู่ตามสองข้างทาง เจอต้นไม้ ต้นหญ้า เล็กใหญ่อะไรก็ถ่ายกันไปตามประสา ประเภทเห็ดนี่ผมก็ถ่ายไว้เยอะเหมือนกัน แต่ละดอกผมไม่รู้จักชื่อเลย แต่เห็นว่าแปลกดี ก็เลยถ่ายรูปไว้หน่อย ทำให้คิดถึงหนังเรื่อง อีเห็ดสด อะไรมันจะมาเกี่ยวข้องกับเห็ดได้อีกนะ มันเกี่ยวอะไร และหมายความว่าอย่างไร วันนี้ผมอยู่ใกล้เห็ดมากที่สุด แล้วตำแหน่ง อีเห็ดสด นี่จะได้รับหรือเปล่า มันจะน่ายินดีไหมครับ นอกจากนี้ พี่ชาลีก็จะหลงเสียงนาง เอ้ย หลงเสียนกไปตลอดทาง ได้ยินเสียงนกเสียงกาไม่ได้เป็นต้องออกลู่นอกทาง จนลูกสาวบ่น ๆ ว่ามัวแต่ถ่ายรูปนก ของชอบของใครก็ว่ากันไปครับ ความสุขของคนเราไม่มีขอบเขต ไม่มีขนาด และจับต้องได้ตามใจที่เพียงพอ ใครบ้างจะคิดว่าการมาเดินป่าขึ้นเขาจะเป็นความสุข ก็มีแต่คนเขาว่า บ้าหรือเปล่า ที่สบาย ๆ ไม่ไป แต่คนที่มาก็มีความสุข พอใจที่ได้มา และการได้ผ่านความยากลำบาก มันทำให้ใจได้แข็งแกร่งขึ้น มีพลัง ทำให้ชีวิตมีค่าและมีความหมาย ดังนั้นความสุขที่เราได้รับกันอยู่ทุกวี่วัน จากการบันเทิงบ้าง จากสิ่งยั่วยวนบ้าง ก็คงเป็นเพียงกลลวง หาได้ใช่ความสุขที่แท้จริงอันเกิดจากจิตใจเราไม่ ถ้าคนที่ชอบเดินป่าศึกษาธรรมชาติ ความสุขของเขาคือผืนป่าอันกว้างใหญ่ไพศาล หาขอบเขตไม่ได้ ถ้าคนที่เขาชอบอ่านหนังสือ ความสุขของเขาอยู่บนหน้ากระดาษสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ขนาดน้อย ๆ แต่ขอบเขตกว้างไกลเช่นกัน เรื่องนี้ว่าไปแล้วยากเหลือเกิน เพราะการมีความสุขแล้วเขาไม่ให้ยึดมั่นกับสิ่งนั้น เราไม่มีเวลาที่จะเดินทางไปถึงผาหล่มสักได้ทัน เพราะตอนนี้เราอยู่ที่น้ำตกถ้ำใหญ่ ซึ่งเป็นเวลาบ่าย ๒ โมงกว่าแล้ว หากเดินทางไปยังผาหล่มสักก็คงใช้เวลาหลายชั่วโมงในระยะทาง ราว ๘ กม. และเดินกลับอีก๙ กม. แค่วันนี้เราก็เดินกันประมาณ ๑๐ กม. เห็นจะได้ จึงพากันกลับที่พัก ตอนต่อไป...ติดตามเรื่องราวของเมเปิ้ลครับ เรื่องที่เกี่ยวข้อง บล๊อกเพื่อนบ้าน....สำหรับเรื่องราวเดียวกัน ภูกระดึงเดินเองได้ บ่เอากระเช้า แต่เมื่อยหลาย (Nupong26) |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |