มนูญกฤต กู่ร้องปฏิวัติ

อ้างอิง - ภาพ Kati1789

ไม่ทราบด้วยเกล้าจริงจริง

ว่าใครเป็นคนร้องออกแขกลิเก

บนเวทีปราศรัย ของ กลุ่มพันธมิตรฯ

กระทั่งเชื้อเชิญให้ คุณมนูญกฤต รูปขจร ออกมาร้องเสียงหลง กู่เรียกหาปฏิวัติในยามสายของ วันจันทร์ที่ 14 มีนาคม 2554 บ้างก็ว่า เป็นผลจากแรงกดดันของรัฐบาล ที่สั่งการให้เจ้าพนักงานตำรวจ ปฏิบัติหน้าที่ เข้ากระชับพื้นที่ ประชิดแนวเพื่อขอคืนพื้นผิวจราจร หรือ จนแม้แต่การของพื้นที่การชุมนุมทั้งหมดคืน จาก กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

บ้างก็ว่า เพราะเสียงตอบรับอันเฉยเมย

จากแกนนำทั้งหลายในรัฐบาล

ที่ผนวกกับยอดผู้ชุมนุม

ที่เข้าร่วมกิจกรรม ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ซึ่งไม่สามารถเรียกร้องกระแสว่า มวลชนกำลังลุกฮือขึ้นขับไล่ รัฐบาลนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หรือ แม้แต่ความพร้อมในด้านอื่น เช่น การจุดพลุยุบสภาของรัฐบาล เพื่อให้มีการเลือกตั้ง กระทั่งการถูกแย่งซีน จากคนเสื้อแดง

เรื่องราวที่ควรจะดี

เช่น โจทย์การขายชาติ ขายแผ่นดิน

ความปลิ้นปล้อนกะล่อน และ ทอดทิ้งคนไทยในเขมร

หรือ แม้แต่ผลประโยชน์ทับซ้อน และ การทุจริตมากมาย ที่ได้รับการจุดพลุขึ้นมา เป็นประเด็นทางการเมือง แต่กลับไม่สามารถกดดันให้รัฐบาล ต้องดำเนินการตามข้อเรียกร้องเหล่านั้นได้ แม้สักกระพีก กระทั่งต้องเปิดไพ่ใบสุดท้าย หลังจาก คุณสนธิ ลิ้มทองกุล หยอดคำหวานให้เหล่าทหาร ออกมาปฏิวัติร่วมกับประชาชน คนที่ระบุว่า รักประชาธิปไตย

เนื้อหาจุดยืนมุมมอง และ ข้อเรียกร้อง

จึงเป็นประเด็นคำถามที่สำคัญว่า

ไปสู่เป้าหมายได้เพียงใด

ขั้นตอนในการนำตัว คุณวีระ สมความคิด และ คุณราตรี พิพัฒนาไพบูลย์ มีรายละเอียดอย่างไร นอกเหนือจากการก่นด่า เรียกร้องให้รัฐบาลรับผิดชอบ ขณะที่รัฐบาลหาทางลง ด้วยการขอพระราชทานอภัยโทษ จากพระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี

ขณะที่แกนนำพันธมิตรฯ

และ เครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ

ไม่เห็นด้วย พร้อมเรียกร้องให้ไทยกดดันกัมพูชา

โดยให้ระบุรายละเอียด เพื่อแลกตัวนักโทษข้ามแดน เพื่อนำ 2 คนไทยกลับเมืองไทย พร้อมให้ใช้เงื่อนไขการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ไทย-กัมพูชา ซึ่งทั้งหมดทั้งมวล ก็ล้วนแต่ไม่ได้รับการตอบรับใดใด ขณะที่รัฐบาลยังคงนิ่งเฉย เพราะไม่มีเสียงเรียกร้องจากคนไทยโดยส่วนใหญ่ ไม่นับการประเมินว่า แรงกดดันของพันธมิตรฯ อ่อนแรง

ขณะที่นักวิเคราะห์การเมืองหลายฝ่าย

ระบุว่า อย่าประมาทแกนนำ

ที่เป็นบุคคลมีเส้น

สมดังที่ฝักฝ่ายตรงข้าม ประเมินว่า เป็นม็อบมีเส้น โดยได้อ้างอิงว่า ให้พิจารณาแนวทางต่อจากนี้ ว่าอาจมีอะไรดีดี นอกเหนือจากสถานการณ์พื้นฐานว่า แกนนำกำลังหาทางลง หรือ พยายามสร้างกระแสเพื่อปูคะแนนนิยม ให้กับพรรคการเมืองใหม่ ขณะที่บางส่วนกลับไม่เห็นด้วย เพราะเชื่อว่า พันธมิตรฯ มองข้ามพรรคการเมืองใหม่ เพราะรู้ว่า สู้ไม่ได้ในเวทีเลือกตั้ง

คำถามตัวโตโต

ที่คนไทยหลายฝ่ายติดตาม

จึงอยากรู้ว่า ก้าวต่อไปของพันธมิตรฯ คืออะไร

นอกเหนือจาก สัญญานจากปาก คุณสนธิ ลิ้มทองกุล หรือ คำประกาศจาก คุณมนูญกฤต รูปขจร ซึ่งต่างสอดคล้องกับ บทวิเคราะห์ของสำนักข่าวมติชน ที่ระบุว่า มีการเตรียมการ ประชุมร่วม และ เคลื่อนไหว ในการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี ที่มีชื่อของ คุณสุรเกียรติ์ เสถียรไทย เป็นว่าที่นายกรัฐมนตรี โดยมีแนวทางเดียวกับ รัฐบาลแห่งชาติ หรือ รัฐบาลพระราชทาน

ผ่านเงื่อนไข การก่อการรัฐประหาร ยึดอำนาจ

ล้มรัฐธรรมนูญฯ เพื่อประกาศใช้เนื้อหา

ในธรรมนูญการปกครองชั่วคราว

ซึ่งหากเป็นไปตามแหล่งข่าว หลายฝ่ายอ้างอิง ความประจวบเหมาะ เพราะว่ามีการปล่อยข่าว ลอบทำร้ายบุคคลระดับสูงของประเทศ เช่น การปล่อยข่าวลอบสังหารนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพื่อให้เกิดความวุ่นวาย จนกระทั่งทหารฝ่ายใดก็ตาม ต้องออกมารักษาความสงบ

สิ่งเหล่านี้ จึงถือเป็นเรื่องสำคัญ

ในการท้าทายทางปัญญา สำหรับโอกาส

ที่จะทำลายความน่าเชื่อถือ ของ แกนนำพันธมิตรฯ

ซึ่งไม่สามารถสร้างข้อต่อรอง หรือ เล่นเกมตามกติกาได้ หรือ แม้แต่ถูกกดดัน ให้ต้องรับใบสั่งทางการเมือง โดยเชื่อมโยงเนื้อหา ความบกพร่องคดโกงของรัฐบาล เพื่อนำไปสู่ วาระซ่อนเร้น ในการล้มรัฐบาล ด้วยอำนาจพิเศษ จากปากกระบอกปืน และ จากปากของแกนนำพันธมิตรฯ

สำหรับเสียงตอกย้ำ ของ คุณมนูญกฤต

ที่พยายามยืนยันให้คนไทยได้เห็น

ถึงความดึกดำบรรพ์ของวิธีคิด

กระทั่ง การมองโลกด้วยสายตา แบบนายทหารยังเติร์ก เมื่อสามสิบปีที่ผ่านมา ซึ่งเชื่อว่าการรัฐประหาร ยึดอำนาจ ปฏิวัติ หรือ นำกองกำลังทหาร ออกมายืดเส้นยืดสายนอกกรมกอง จะเป็นยาวิเศษ ในร้านหมอตี๋ ที่รักษาได้สารพัดโรคในสังคมการเมืองไทย ขณะที่ตลอดสามทศวรรษที่ผ่านมา คนไทยต่างตระหนักดี ถึงคณะบุคคลกลุ่มใหม่ ที่เข้ามาต่อรองกับนักการเมือง

สำหรับความเชื่อ

ว่าจะมีการล้างไพ่ทางการเมือง

ด้วยการปล่อยข่าว และ พยายามให้มีการยึดอำนาจ

สำหรับใครก็ตาม ที่ปากอย่างใจอย่าง เช่น พูดพร่ำบนเวทีปราศรัยว่า ตนเองเป็นประชาธิปไตยเช่นนั้นเช่นนี้ รักประชาธิปไตยจนสุดใจขาดดิ้น แต่กลับปลิ้นปล้อน ไม่ปกป้องรักษา ไม่เล่นตามกติกา ไม่ส่งเสริมให้กลไกประชาธิปไตยเข้มแข็งมั่นคง สำหรับวาระซ่อนเร้น ที่ประดาแกนนำพันธมิตรฯ พยายามจุดชนวนให้เกิดความเปลี่ยนแปลง ผมก็คงฝากไว้เพียง สาระสำคัญประการเดียว

ผมอยากฝาก ให้ประดาแกนนำพันธมิตรฯ คิดให้ดี

ก่อนจะดึง คุณมนูญกฤต รูปขจร ร่วมทีม

กรุณานัดแนะวันเวลา และ พื้นที่ให้ชัดเจนแจ่มแจ้ง

เพราะที่ผ่านมา อดีตนายทหารนักปฏิวัติท่านนี้ มักไม่มาตามนัด นะครับ

  สัญญาอนุญาต: ซีซี: แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกัน