*/
<< | พฤศจิกายน 2014 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | ||||||
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 |
วันนี้เราไปเที่ยวบาเซลกับซูริคกันตามสัญญานะคะ แม่มดไปเที่ยวบาเซล (Basel) ตามลำพังเพราะคุณรัตติยาต้องทำงาน นั่นไม่ใช่ปัญหาหรอกค่ะ การเดินทางตามลำพังก็มีข้อดีนะคะ สะดวกสบาย คล่องตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่มีความปลอดภัยสูงเช่นสวิสเซอร์แลนด์ รถไฟจากเยอรมนีเข้าไปจอดถึงสถานีบาเซลแต่มีอะไรตลกเล็กน้อยคือตรงนั้นเป็นสถานีรถไฟเยอรมันทั้งๆที่อยู่ในเขตเมืองบาเซล พอเราเดินอยู่ในสถานีได้นิดหนึ่งก็จะพบด่านตรวจคนเข้าเมือง จากนั้นจะเป็นพื้นที่ในส่วนของสถานีรถไฟสวิสค่ะ สถานีรถไฟบาเซล เพื่อนๆเห็นใช่ไหมคะว่าผู้คนใช้จักรยาน รถรางและรถสาธารณะมากมาย แต่ที่น่าสนใจมากคือ mini cab ที่เป็นรถยนต์ขนาด ๔ ที่นั่ง กินน้ำมันน้อย จึงประหยัดและทำลายสิ่งแวดล้อมน้อยกว่ารถยนต์คันโตๆ ผู้โดยสารเองก็จ่ายค่าแท็กซี่น้อยลงด้วย นับเป็นเรื่องที่ win win สำหรับทุกฝ่าย ถึงตรงนี้ แม่มดคิดถึงแท็กซี่ส่วนใหญ่ในเยอรมนีที่เป็นรถ Mercedes-Benz คันโต เหตุผลของผู้ประกอบการรถรับจ้างคือ รถยนต์ยี่ห้อนี้แข็งแรงทนทาน รับงานหนักได้ดีจึงเหมาะกับการนำมาใช้เป็นรถสาธารณะ กลับมาดูที่เมืองไทย Mercedes-Benz กลับกลายเป็นรถยนต์สำหรับเศรษฐี เหตุผลคืออะไร โลกนี้มีเรื่องแปลกๆมากมายนะคะ บาเซลเป็นเมืองโรมันชื่อ Basilia มาตั้งแต่ ๒๕๐๐ ปีที่แล้วแต่สะพานแข็งแรงข้ามแม่น้ำไรน์เพิ่งได้รับการก่อสร้างครั้งแรกเมื่อค.ศ. ๑๒๒๖ รูปปั้นทหารโรมันนั่งทอดอาลัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำไรน์เป็นอารมณ์ขันแสบๆคันๆของชาวบาเซลที่ล้อว่าทหารโรมัน (ผู้ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์) หมดปัญญา ไม่รู้ว่าจะข้ามแม่น้ำไรน์ได้อย่างไร ความที่บาเซลเป็นเมืองชายแดนตรงรอยต่อระหว่างสวิสเซอร์แลนด์ เยอรมนีและฝรั่งเศส บาเซลก็เลยกลายเป็นสมบัติผลัดกันชม ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ ๗ บาเซลเป็นส่วนหนึ่งของชนชาติฟรังค์ (ซึ่งพัฒนาต่อมาเป็นประชากรส่วนใหญ่ของฝรั่งเศส) พอถึงศตวรรษที่ ๑๑ บาเซลก็ตกเป็นของเยอรมนี แต่เมื่อมาเป็นส่วนหนึ่งของสวิสในค.ศ.๑๕๐๑ บาเซลได้ชื่อว่าเป็นเมืองท่าแห่งแรกของประเทศเพราะที่นี่เป็นจุดแรกที่กระแสน้ำไรน์สงบนิ่งพอที่จะถูกใช้เป็นเส้นทางเดินเรือได้ มองลอดผ่านราวสะพานสวยๆออกไป เพื่อนๆเห็นโรงงานอุตสาหกรรมมากมายไหมคะ บาเซลเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมยาและเคมีของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ค่ะ ชาวเยอรมันที่มีบ้านเรือนอยู่ริมฝั่งแม่น้ำไรน์ (ซึ่งไหลผ่านประเทศเยอรมนีเป็นระยะทางยาวกว่า ๘๐๐ กิโลเมตร) ใกล้พรมแดนสวิสไม่เคยลืมชื่อบริษัทยา Sandoz แห่งสวิสเซอร์แลนด์เพราะในค.ศ. ๑๙๘๖ แซนดอซได้เทสารเคมีที่เป็นพิษจำนวนมหาศาลจากเพลิงไหม้ในโรงงานลงในแม่น้ำไรน์ซึ่งไหลออกจากสวิสเข้าสู่เยอรมนี ความเข้มข้นและพิษที่ร้ายแรงของสารเคมีทำให้แม่น้ำไรน์ทั้งสายกลายเป็นสีแดงและมีฤทธิ์ทำลายสัตว์น้ำจนเกือบหมดสิ้น แม่น้ำไรน์ใช้เวลาหลายปีทีเดียวกว่าที่ธรรมชาติจะช่วยฟื้นฟูสภาพน้ำให้กลับคืนสู่คุณภาพปกติได้ เรื่องนี้ทำเอาการเทกากน้ำตาลลงในแม่น้ำแม่กลองของโรงงานน้ำตาลในอำเภอบ้านโป่งซึ่งเป็นเหตุให้ปลายี่สกของชาวราชบุรีแทบจะสูญพันธุ์ตอนที่แม่มดยังเป็นเด็กกลายเป็นเรื่องจิ๊บๆไปเลยค่ะ โรงแรมหรูที่สุดของบาเซล คุณพ่อคนน่ารักดูแลให้สาวน้อยเผชิญโลกได้อย่างปลอดภัย เขตเมืองเก่าอันเงียบสงบของบาเซล วันที่แม่มดไปเดินเล่นที่บาเซล เมืองเขากำลังมีงานวัดพอดี เทศกาลพื้นบ้านเช่นนี้เป็นเรื่องปกติของประเทศในยุโรปตะวันตก เขาจะจัดงานปีละ ๒ ครั้งคือตอนต้นฤดูใบไม้ผลิ ๑ ครั้งเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองที่ฤดูหนาวอันแสนทารุณผ่านพ้นไปเสียทีกับตอนปลายฤดูใบไม้ร่วงเพื่อเป็นการอำลาแสงตะวันอันอบอุ่นและเตรียมตัวเข้าสู่ฤดูหนาวอันยาวนาน แม่มดไปนั่งชิงช้าสวรรค์เพื่อชมเมืองในมุมสูงด้วยนะคะ ค่าชมวิวเพียงไม่กี่นาทีแพงมาก ตั้ง ๙ ยูโร (ประมาณ ๓๘๐ บาท) ค่าครองชีพที่สวิสสูงกว่าที่เยอรมนีมากค่ะ จึงไม่แปลกที่ชาวสวิสจะขับรถเข้าไปจับจ่ายซื้อของและเติมน้ำมันในประเทศเยอรมนีแต่ด่านสวิสเขาก็มีการควบคุมเข้มงวดนะคะ มีระเบียบระบุไว้ชัดเจนว่าบุคคลหรือครอบครัวขนาดใดจะซื้อของกินของใช้ข้ามแดนได้ในปริมาณเท่าใดค่ะ โบสถ์แห่งหนึ่งถูกใช้เป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ประจำเมือง โปสเตอร์แผ่นนี้มีข้อความว่าให้ลืมตาและปิดกระเป๋า คือให้ระวังการล้วงกระเป๋านั่นแหละค่ะ มิจฉาชีพมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง แต่ถ้าผู้คนมีกินมีใช้พอประมาณและการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่เป็นไปอย่างโปร่งใสและเต็มไปด้วยสำนึกรับผิดชอบ อาชญากรรมก็จะน้อยลง กระนั้นความไม่ประมาทและการระมัดระวังตามสมควรก็น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของสามัญสำนึกอยู่ดี ศาลาว่าการเมืองบาเซลในวันที่มีการติดตลาดนัดที่มีของอร่อยมากมายมาวางขายแต่ราคาไม่ถูกนะคะ ข้าวของในตลาดสดฝรั่งแพงกว่าในซุปเปอร์มาร์เก็ตประมาณ ๓๐% แต่ของจะสดกว่าและมีคุณภาพดีกว่าค่ะ
ผลไม้สดทั้งพื้นเมืองและนำเข้า เห็ดป่าอร้อย อร่อย มีเฉพาะในฤดูใบไม้ร่วง ราคาจึงแพงจับใจ (แต่แม่มดยืนยันว่าเห็ดเผาะ เห็ดโคนของบ้านเราอร่อยกว่าใคร แล้วก็ทำท่าจะแพงไม่น้อยหน้าใครด้วยนะคะ) เนยแข็งนานาชนิด(เหม็นๆเป็นส่วนใหญ่......ก็แม่มดไม่ชอบเนยแข็งนี่นา) ไส้กรอกแห้งหลากหลายชื่อเสียงแต่รสชาติพอๆกันค่ะ คือแข็งๆ แห้งๆ เค็มๆ มันๆ แต่ละแท่งผึ่งลมเก็บไว้กินได้นานครึ่งค่อนปี ฟักทอง Sweet Mama กับ Hokkaido ที่ไม่ต้องปอกเปลือกทิ้ง.....มีกินเฉพาะในฤดูใบไม้ร่วงเท่านั้นนะคะ มะเขือเทศตากแห้ง...เหมาะกับการปรุงอาหารสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน สาวน้อยขายช็อกโกแล็ตค่ะ ตัวจริงเธอสวยมาก แม่มดว่าเธอน่าถ่ายภาพกว่าขนมที่เธอขายเป็นไหนๆ หนุ่มน้อยรูปหล่อคนนี้ไม่ใช่เชื้อสายสวิสแท้ๆแน่นอน (จุ๊ จุ๊ อย่าเอะอะไปนะคะ แม่มดยังไม่เคยเห็นหนุ่มสวิสหล่อสักคน ) คงเป็นยุวชนที่มาช่วยเจ้าหน้าที่ดูแลการจราจรของเมือง ต่อประเด็นนี้ แม่มดอยากเล่าว่าประเทศในยุโรปตะวันตกส่งเสริมให้ผู้คนรับผิดชอบต่อสังคม เราจึงเห็นเด็กๆเข้าร่วมโครงการต่างๆที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชนมากมาย ผู้คนที่อยู่ในวัยเกษียณจำนวนไม่น้อยก็ทำงานเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือสังคมเช่นกัน สำนึกรับผิดชอบต่อสังคมโดยหลักการแห่งความถูกต้อง ไม่ใช่เนื่องจากความสนุกหรือผลประโยชน์เฉพาะหน้าโดยตรงเช่นนี้ไม่ได้รับการส่งเสริมสักเท่าไรในเมืองไทย เรามักจะช่วยเหลือเกื้อกูลกันในหมู่เพื่อนฝูงและเครือญาติหรือแวดวงของสมัครพรรคพวกแต่ไม่ค่อยร่วมทำกิจกรรมเพื่อสังคมหรือชุมชน ปิดท้ายการเยือนบาเซลครั้งที่ ๔ ของแม่มดด้วยภาพดอกกระหล่ำสีสวยที่ฝรั่งปลูกไว้เป็นไม้ประดับข้างถนนก่อนจะไปเที่ยวสวิสต่อที่เมืองซูริคซึ่งชาวบาเซลเขาชังนักหนา เขาว่าซูริคมีดีอย่างเดียว ก็รถไฟที่แล่นไปเมืองบาเซลไงล่ะ แม่มดไม่ได้เป็นปลื้มกับบาเซลมากมายกระไรนักแต่ซูริคก็เป็นอะไรๆที่แปลกๆอยู่เหมือนกันนะคะ ซูริค (Zurich) เป็นเมืองศูนย์กลางการเงิน การธนาคารของสวิสเซอร์แลนด์ค่ะ กฎหมายสวิสอนุญาตให้มีการฝากธนาคารโดยใช้ระบบบัญชีตัวเลขที่ผู้ฝากไม่ต้องแจ้งชื่อและที่มาของเงินได้ พูดง่ายๆ สวิสเซอร์แลนด์เป็น tax haven ที่ผู้คนสามารถนำเงินที่ได้มาแบบไม่ชอบมาพากลไปให้ธนาคารสวิสเก็บรักษาไว้ (เช่นเดียวกับ Liechtenstein, Channel Islands, Singapore) ผลประโยชน์จากเงินฝากเป็นรายได้หลักของประเทศที่ทำให้สวิสเซอร์แลนด์กลายเป็นประเทศที่ร่ำรวยที่สุดและประชาชนมีคุณภาพชีวิตสูงที่สุดประเทศหนึ่งในโลกค่ะ (เอ จะมีใครแอบคิดว่าการโกงและการผิดศีลธรรมไม่ใช่ปัญหาถ้าฉันได้ประโยชน์ด้วยไหมคะเนี่ย) เยอรมนีเป็นประเทศที่มีปัญหากับระบบธนาคารประเภทนี้มากเพราะมีชาวเยอรมันจำนวนไม่น้อยหลีกเลี่ยงภาษีโดยการนำเงินไปฝากไว้ในประเทศที่เป็น tax haven แต่เจ้าหน้าที่ฝ่ายติดตามภาษีเยอรมันนั้นเป็นพวก No nonsense รักษาผลประโยชน์ของประเทศอย่างเต็มที่ (ต่างจากข้าราชการในประเทศใดไม่ทราบนะคะ) พวกเขาตามล่าผู้คนที่เลี่ยงภาษีแบบกัดไม่ปล่อย จึงเกิดปฏิบัติการที่น่าตื่นเต้นยิ่งกว่าภาพยนตร์ประเภทอาชญากรรมของ Hollywood เกิดขึ้นที่ซูริค ในปีค.ศ. ๒๐๐๗ พนักงานธนาคาร Credit Suisse ชื่อนาย Sina Lapour ได้ขโมยข้อมูลของลูกค้าธนาคารที่นำเงินมาฝากไว้ที่สวิสเซอร์แลนด์เพื่อเลี่ยงภาษีไปขายให้คนกลางชื่อนาย Wolfgang Umfolgl ซึ่งเป็นชาวออสเตรียน กระทรวงการคลังของรัฐบาลเยอรมันและรัฐบาลของรัฐต่างๆทั้ง ๑๖ รัฐร่วมกันจ่ายเงินหลายล้านยูโรเพื่อซื้อข้อมูลนี้และสามารถตามล่าชาวเยอรมันที่หลีกเลี่ยงภาษีได้ถึง ๒๕๐๐ คนซึ่งมีทรัพย์สินที่นำไปหลบซ่อนไว้ในธนาคารสวิสหลายร้อยล้านยูโร ตั้งแต่ค.ศ. ๒๐๐๘ รัฐบาลเยอรมันสามารถติดตามเงินภาษีที่ซุกซ่อนอยู่ในธนาคาร Credit Suisse, UBS, Julias Baer, HSBC ในสวิสเซอร์แลนด์และ LGT Group ในประเทศ Liectenstein คืนมาได้เป็นจำนวนเงินมหาศาล แม้ธนาคาร Credit Suisse จะยอมจ่ายเงินชดเชยให้เยอรมนีถึง ๑๕๐ ล้านยูโรเพื่อแลกกับการยุติการสอบสวนก็ไม่เป็นผล รัฐบาลสวิสกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ติดตามภาษีของเยอรมนีละเมิดกฎหมายของสวิสโดยการรับซื้อของโจรอันหมายถึงความลับทางการธนาคารของสวิสที่ถูกขโมยมาและขอให้รัฐบาลเยอรมันส่งตัวผู้ต้องหาให้สวิสเซอร์แลนด์ รัฐบาลเยอรมันตอบคำเดียวมาหลายปีว่ายังอยู่ระหว่างการสอบสวน ส่งตัวใครให้ไม่ได้ทั้งยังออกกฎหมายคุ้มครองข้าราชการที่ทำงานเพื่อรักษาผลประโยชน์อันชอบธรรมของประเทศอีกด้วย ถึงตรงนี้ มีข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจมาก คือในปีค.ศ. ๒๐๑๐ ตา Lapour คนที่ขโมยข้อมูลนั้นถูกตัดสินจำคุก ๒ ปีแต่หนุ่ม Umfogl ชาวออสเตรียนที่เป็นคนกลางนั้นเสียชีวิตในห้องคุมขังที่สถานีตำรวจกรุงเบิร์นตั้งแต่วันที่ ๒ ของการคุมขัง ทางการสวิสแถลงว่าเขาฆ่าตัวตาย!!!! ผู้สันทัดกรณีวิเคราะห์ว่าเยอรมนีอาจหาญซื้อข้อมูลลับของธนาคารสวิสเพราะสุดทนแล้วกับการที่สวิสเซอร์แลนด์รับฝากเงินผิดกฎหมายและไม่ยอมให้ความร่วมมือใดๆเมื่อทางการเยอรมันขอข้อมูลเกี่ยวกับผู้ต้องสงสัยชาวเยอรมันที่อาจจะหลีกเลี่ยงภาษีและเอาเงินไปซุกไว้ในธนาคารสวิส ซึ่งเมื่อมองทางฝ่ายสวิส ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ไม่ยากเพราะเขาทำมาหากินกับการเป็น tax haven หากเปิดเผยความลับของลูกค้าออกไป ใครจะเอาเงินไปฝากไว้ที่เขาอีก เขาก็ย่อมขาดรายได้ ต่อประเด็นศีลธรรมนั้น นักการธนาคารสวิสก็คงยักไหล่ บอกว่า I couldn’t care less! ทั้งชาวสวิสและชาวลิคเต็นชไตน์ต่างก็โวยวายว่าถูกเยอรมนีรังแก แต่ชาวเยอรมันย้อนถามไปว่าใครกันแน่ที่เป็นโจร จากการกดดันขนาดหนักของเยอรมนี ในที่สุดสวิสเซอร์แลนด์ก็ยอมผ่อนผันกฎเกณฑ์ทางด้านการธนาคารนิดหน่อย คือยอมให้ความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นความลับระดับหนึ่งกับรัฐบาลต่างชาติเมื่อมีความจำเป็น ทำให้สวิสเซอร์แลนด์เสียเครดิตความเป็นผู้รับฝากเงินบัญชีดำที่แข็งแกร่งให้ใครไปเอ่ย ฝากการบ้านให้เพื่อนๆไปหาคำตอบกันเองนะคะ อ่าน Feel Good Blog ของแม่มดวันนี้แล้วเครียดไหมคะ โอ๋ โอ๋ คนดี มาชมภาพสวยๆของเมืองซูริคกันดีกว่า (พร้อมกับคำเตือนว่าสิ่งที่เห็นวาววับ อาจไม่บริสุทธิ์ดังทองคำก็ได้นะคะ ขอบอก) นั่งรถรางจากตัวเมืองซูริคเพียงครึ่งชั่วโมง (หรือจะถีบจักรยานภูเขาก็ได้) ก็จะได้ชมทิวทัศน์งามๆเช่นนี้ ชีวิตในเมืองซูริคดูง่ายๆสบายๆนะคะ ทะเลสาบซูริคอันงดงาม
แม่มดมีเพลงของคนช่างฝัน (ที่หากนักการธนาคารชาวซูริคได้ฟังคงขำกลิ้ง) มาให้เพื่อนๆฟังแก้เครียดด้วยค่ะ
Brothers Four - Seven Daffodils |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |