*/
<< | ธันวาคม 2011 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | ||||
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
ขบวนการล้มเจ้าที่สร้างกระแสอย่างแอบแฝงมาตลอดในอดีต โผล่มาเผยตัวแสดงความเห็นกันโจ่งแจ้งในปัจจุบัน มียุทธวิธีหลักที่ใช้อย่างต่อเนื่อง คือ การบิดเบือนข้อมูล การอ้างถึงเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์โดยหยิบมาเป็นส่วนตามเหตุแห่งหัวข้อที่ต้องใจ ตั้งใจละเลยข้อเท็จจริงของสถานการณ์ พื้นฐานความเป็นจริงของสังคมไทย สร้างเรื่องตามแต่จินตนาการของผู้เขียน เพื่อสร้างผลที่สนับสนุนความคิดของตนเองในการมองเห็นพระมหากษัตริย์เป็นผู้ขัดขวางความเจริญของประเทศ ก่อให้เกิดการรับรู้เรื่องสถาบันกษัตริย์ บทบาท หน้าที่ อย่างผิดเพี้ยน จงใจมองข้ามปัญหาพื้นฐานที่แท้จริงเรื่องความเป็นอยู่ของคน แล้วนำมาเป็นประเด็นกล่าวหาเจ้า จนถึง โยนถวาย ความผิดเรื่องความบกพร่องพิการของกระบวนการปกครองในประเทศไทย สิ่งที่อำนวยให้วงจรนี้เกิดขึ้นมาได้ตลอด คือ ประวัติศาสตร์บางส่วนที่หลุดหายไปจากบันทึกถึงคนรุ่นหลัง และเหยื่อ ... ที่ฟังความอย่างงมงาย เหยื่อผู้เสพข้อมูลสนับสนุนความคิด เป็นคนไทยประเภทเดียวกัน ที่เลือกเชื่อในสิ่งที่ต้องการเชื่อ ที่เข้าทางตนและผลประโยชน์ส่วนตน ก่อให้เกิดความหายนะต่อชาติอย่างมหันต์ เมื่อคนที่รู้เห็นเข้าใจความจริงขัดเคืองอธิบายให้ฟัง ก็หาว่าเป็นเรื่องงมงายของพวกรักสถาบันกษัตริย์ ที่ทำได้เพียงแก้ต่าง (Defend) อย่างลืมหูลืมตา ความระคายใจ หงุดหงิด จากการจาบจ้วงต่อสถาบันกษัตริย์อย่างไร้สาระ ทำให้ฉุกคิดว่า พลังของความจงรักภักดีในองค์พระประมุขของชาตินั้น ที่จริงแล้วมีมหาศาลมากพอและถึงเวลาแล้วที่จะโต้กลับ (ATTACK) ความเท็จที่แพร่กระจายดั่งเชื้อโรคร้ายในสังคมไทย ด้วยการเริ่มอย่างมีทิศทาง และเป็นหนึ่งเดียวกัน หลายเหตุการณ์ที่หลุดหายไปจากประวัติศาสตร์ไทย จะด้วยความจงใจของคณะราษฎร เพื่อความอยู่รอดของตนเอง ไม่ใช่เพื่อ เจ้า และการเติบโตที่แท้จริงของประชาธิปไตยเพื่อประชาชน หรือการบิดเบือนของรัฐบาลทหารในเวลาต่อมา จึงตัดโอกาสคนรุ่นที่ รู้น้อย เกิดไม่ทัน ให้ได้รู้ และเอาไปคิด การพูดถึงเรื่องเปลี่ยนแปลงการปกครองประเทศ จนเมื่อการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นจริงในพ.ศ. ๒๔๗๕ นั้น มักเป็นการกล่าวถึงจากมุมมองของ คนกลุ่มน้อยในภาคประชาชน ที่ต้องการล้มล้างสถาบันกษัตริย์ ข้อมูลที่นำมาเน้นเพื่อประกอบการตีความป้ายสี อ้างนานาเหตุผลถึงอุปสรรคอันเกิดจากการมีสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยไม่ดูสภาพของประเทศชาติและความพร้อมของประชาชน ไม่เคยมีการกล่าวถึงมุมมองของพระมหากษัตริย์ว่าทรงเห็นเช่นไร ทั้งที่ เจ้านาย ของประเทศไทย ไม่เคยคิดแคบ ไม่เคยคำนึงถึงพระองค์ก่อนความเจริญของประเทศชาติและความเป็นอยู่ที่ดีและจีรังของประชาชน ที่สำคัญยิ่ง ความจริงที่พวกล้มล้างสถาบันไม่กล้าพูดถึง คือ การที่พระมหากษัตริย์แห่งประเทศไทยทรงมองเห็นความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงบทบาทของสถาบันกษัตริย์มาก่อนหน้านานแล้ว
การเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศไทยเป็นเรื่องในพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ตั้งแต่ทรงเปิดประเทศสร้างสันติภาพกับโลกตะวันตก จนมาถึงพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงกำหนดทิศทางในการนำประเทศไทยสู่ความทัดเทียมชาติตะวันตกไว้แล้ว ผ่าน ๓ ปัจจัยสำคัญ คือ คน เงิน การบริหารที่ดี สิ่งแรกที่ทรงเริ่ม คือ เรื่องการศึกษา การศึกษาเพื่อคนสองกลุ่ม คือ คนที่จะมาช่วยการบริหารราชการได้ และประชาชน กลุ่มที่จะช่วยราชการ เริ่มจากเจ้านายที่โตพอและบุตรขุนนาง ถูกส่งไปสิงคโปร์ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๑๓ ต่อมานักเรียนหลวงรุ่นแรกจึงได้ไปไกลถึงยุโรป คือ อังกฤษ จนถึงรุ่นหลังคือกลุ่มพระราชโอรส ในส่วนของประชาชน แม้โรงเรียนแห่งแรกจะมีขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๑๔ กว่าจะขยายไปสู่โรงเรียนมูลศึกษา (วัด) ได้ก็ พ.ศ. ๒๔๓๕ เพราะการจะมีโรงเรียนได้ก็ต้องมีการสร้างครู ที่ใช้เวลามากกว่าการสร้างอาคารเรียนมากนัก ถามว่า ช้าหรือไม่ คำตอบคือไม่ช้า เมื่อเทียบกับประเทศอังกฤษใน พ.ศ. ๒๔๐๗ Charles Dickens ยังออกเดินสายอ่านหนังสือที่แต่งให้คนฟัง เพราะคนจำนวนมากยังอ่านหนังสือไม่ออก เมื่อมีการเข้าชื่อกันโดยเจ้านายและข้าราชการ ณ สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงลอนดอนและกรุงปารีส ใน ร.ศ. ๑๐๓ (พ.ศ. ๒๔๒๗) ทูลเกล้าถวายเรื่องให้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองราชการแผ่นดิน มีความเห็นที่สำคัญว่า ขอให้เปลี่ยนแปลงการปกครองจาก Absolute Monarchy (สมบูรณาญาสิทธิราชย์) มาเป็น Constitutional Monarchy คือมีรัฐธรรมนูญแบบในยุโรปเสีย เจ้านายที่เข้าชื่อนั้น มีทั้งพระเจ้าน้องยาเธอรวมอยู่ด้วยหลายพระองค์ เป็นหลักฐานว่าในชั้นเจ้านายนั้น พิจารณาเรื่องนี้อย่างเปิดเผยอยู่แล้ว พระพุทธเจ้าหลวงทรงมีรับสั่งตอบใจความว่า ... ไม่ต้องห่วงว่าจะทรง ขัดขวาง การเสียอำนาจที่เรียกว่า แอบโซลูด เมื่อแรกครองราชสมบัตินั้น ทรงไม่มีอำนาจอันใดเลย เวลาที่มีอำนาจน้อยก็มีความลำบาก เวลาที่มีอำนาจมากก็มีความลำบาก จึงทรงปรารถนาอำนาจปานกลาง และทรงไม่ใช่พระเจ้าแผ่นดินที่เหมือนคางคกในกะลาครอบหรืออยู่เฉยๆ โดยไม่ทำอะไรเลย ที่เรียกร้องให้มีรัฐบาล ก็มีเสนาบดีเป็นรัฐบาลแล้ว แต่ยังไม่ดี สิ่งที่ต้องมี คือ คอเวอนเมน รีฟอม คือ พนักงานของราชการแผ่นดินทุกกรมการทำการให้ได้เต็มที่...
ในเวลาเดียวกัน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็ทรงมุ่งมั่นที่จะสร้างพื้นฐานทางการศึกษาให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง การเสด็จประพาสยุโรปถึงสองครั้ง ในพ.ศ. ๒๔๔๐ และ ๒๔๕๐ นับเป็นการเริ่มต้นความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับราชวงศ์ในยุโรปอย่างแน่นแฟ้นมาจนปัจจุบัน โดยเฉพาะยุคสมัยของพระองค์ เป็นช่วงเวลาเดียวกับความรุ่งเรืองของเกรทบริเทนในรัชสมัยควีนวิคทอเรีย จึงเป็นเรื่องที่ไม่ต้องอธิบายว่า เจ้านายท่านคุยกัน และในหลวงรัชกาลที่ ๕ ทรงรับทราบความเป็นไปในเรื่องการปกครอง แนวโน้มของการเปลี่ยนแปลงบทบาทของสถาบันกษัตริย์ และเตรียมรับเหตุการณ์ไว้แล้ว และคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ เจ้านายจะดูแลกัน เมื่อเหล่าพระราชโอรส ถูกส่งมาศึกษายังนานาประเทศในยุโรป ทั้งรัสเซีย อังกฤษ เยอรมนี กระทั่งเมื่อเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่หนึ่งนั้น ยังมีเรื่องให้ครุ่นคิดว่าสยามประเทศจะเลือกข้างอย่างไร เมื่อสงครามเกิดนั้น กรมขุนสุโขทัยธรรมราชา ซึ่งศึกษาวิชาทหารอยู่ มีพระประสงค์จะร่วมรบกับพระสหายทหารอังกฤษ ก็ถูก King George V ทัดทานไว้เพราะจะเสียความเป็นกลางในฐานะคนของประเทศที่เป็นกลาง แนวทางการศึกษาของพระราชโอรสแต่ละพระองค์นั้น ก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นเรื่องธรรมชาติของประเทศที่กำลังพัฒนาที่ต้องการวางรากฐานในกองทัพและการบริหารในกระทรวง เมื่อจบการศึกษา บทบาทของพระราชโอรสในตำแหน่งต่างๆ จึงชัดเจนและเกื้อหนุนกัน ในเวลาเดียวกัน การล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ก็มีขึ้นสืบเนื่องด้วยเหตุผลที่ชัดเจนเช่นกัน เหตุผลที่กลุ่มผู้ต้องการลบล้างสถาบันไม่เคยปริปากบอกออกมาชัดๆ ว่า แรงผลักดันในการล้มล้างสถาบันกษัตริย์นั้น ถูกกระตุ้นจากความโหยหาในอำนาจ อำนาจที่ไม่เคยมี และไม่เคยถูกเตรียมตัวให้รู้จักการใช้ ให้มีทั้งพระเดชและพระคุณ ความเด็ดขาดและเมตตา ความอดทนและครองธรรม และอีกหลายประการที่ปรากฏรวมเป็นทศพิธราชธรรม คุณธรรมของผู้ปกครองบ้านเมือง อำนาจที่เย้ายวนใจ เกิดจากกิเลสที่คิดว่าหากยังเป็นระบบกษัตริย์ อำนาจในการปกครองจะตกอยู่กับบุคคลเพียงคนเดียว ยศถาบรรดาศักดิ์และตำแหน่งจะอยู่ในวงจำกัดของพระบรมวงศานุวงศ์ กิเลสที่บดบังเหตุผล และความถูกต้อง จนเลี่ยงที่จะยอมจำนนต่อสิ่งที่รัชกาลที่ ๕ ทรงพระราชนิพนธ์อธิบายสาเหตุที่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นไม่ได้ทันทีว่า เพราะบ้านเมืองไม่พร้อม ประชาชนยังไม่พร้อม ... เพราะฉะนั้นจะป่วยการกล่าวไปถึงความคิดที่จะตั้งปาลิเมนต์ขึ้นในหมู่คนซึ่งไม่มีความรู้พอที่จะคิดราชการ และไม่เป็นความต้องการของคนทั้งปวง นอกจากที่อยากจะเอาอย่างประเทศยุโรปเพียงสี่ห้าคนเท่านั้น ถ้าจะจัดตั้งปาลิเมนต์ หรือให้เกิดมีโปลิติกัลปาตีขึ้นในเวลาที่บ้านเมืองยังไม่ต้องการดังนี้ ก็จะมีแต่ข้อทุ่มเถียงกันจนการอันใดไม่สำเร็จไปได้ เป็นเครื่องถ่วงให้บ้านเมืองมีความเจริญช้า ส่วนเมืองเราราษฎรไม่มีความปรารถนาอยากจะเปลี่ยนแปลงอันใด การที่อยากเปลี่ยนแปลงนั้นกลับเป็นของผู้ปกครองบ้านเมืองอยากเปลี่ยนแปลง ถ้าจะตั้งปาลิเมนต์ขึ้นในเมืองไทย เอาความคิดราษฎรเป็นประมาณในเวลานี้แล้ว ข้าพเจ้าเชื่อว่าจะไม่ได้จัดการอันใดได้สักสิ่งหนึ่งเป็นแน่แท้ที่เดียว คงจะเถียงกันป่นปี้ไปเท่านั้น...
และมีรับสั่งในที่ประชุม เสนาบดีว่า ฉันจะให้ลูกวชิราวุธมอบของขวัญให้แก่พลเมืองไทยทันทีที่ขึ้นสู่ราชบัลลังก์กล่าวคือ ฉันจะให้เขามีปาลิเมนต์และคอนสติติวชั่น กระแสล้มล้างระบบกษัตริย์ก็ยังมีต่อมาจากรัชกาลที่ ๕ สู่รัชกาลที่ ๖ แม้พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จะทรงเห็นความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงการปกครอง แต่ด้วยระยะเวลาครองราชย์ที่สั้นเพียง ๑๕ ปี และพระปรีชาสามารถที่โดดเด่นไปทางการประพันธ์ และวรรณคดี การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่เป็นรูปธรรมจึงไม่ปรากฏชัด เมื่อสิ้นรัชกาลที่ ๖ ในพ.ศ. ๒๔๖๘ มีคำอ้างว่า เศรษฐกิจหลังสงครามย่ำแย่ เงินหมดท้องพระคลัง บรรดาพระเชษฐาทั้งหลายเห็นว่าตนไร้ความสามารถ จึงถวายราชสมบัติแด่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ความเป็นจริงนั้น พระราชโอรสและพระราชธิดาในรัชกาลที่ ๕ ทั้งหมด ๗๗ พระองค์ เหลืออยู่เพียง ๒๗ พระองค์ และเป็นพระราชโอรสเพียง ๘ พระองค์ ซึ่งประสูติในเจ้าจอมเสีย ๔ พระองค์ จึงเหลือเจ้านายในสายการสืบทอดตามลำดับปีประสูติ คือ ที่ ๓๓ กรมพระนครสวรรค์วรพินิตฯ ที่ ๔๑ กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ (ต้นราชสกุลยุคล) ที่ ๖๙ กรมขุนสงขลานครินทร์ ที่ ๗๖ กรมหลวงสุโขทัยธรรมราชา เมื่อพิจารณาจากฐานะของพระราชมารดา กรมหลวงสุโขทัยธรรมราชา ประสูติในสมเด็จพระบรมราชินีนาถ จึงเป็นความชอบธรรมในการสืบทอดราชสมบัติลำดับที่ ๑ กรมขุนสงขลานครินทร์ ประสูติในสมเด็จพระบรมราชเทวี ทรงอยู่ในลำดับที่ ๒ กรมพระนครสวรรค์วรพินิตฯ ประสูติในสมเด็จพระอรรคราชเทวี ทรงอยู่ในลำดับที่ ๓ กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ ประสูติในพระอรรคชายา จึงทรงรั้งท้ายลำดับที่ ๔ ในเวลานั้น กรมพระนครสวรรค์วรพินิตฯ ได้ทรุดองค์ลงกราบแทบพระบาทพระน้องยาเธอ กรมหลวงสุโขทัยธรรมราชา เป็นสัญญาณในการถวายฐานมั่นคงสู่การขึ้นครองราชย์เป็น พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๗ ก่อนหน้านั้น เจ้าฟ้าหลายพระองค์ที่ต่างทรงจบการศึกษาจากยุโรปและเป็นกำลังกำกับดูแลกระทรวงและกองทัพสิ้นพระชนม์ไปแล้ว อย่าง สมเด็จเจ้าฟ้าชายจักรพงศภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ และ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ถึง พ.ศ. ๒๔๗๒ กรมหลวงสงขลานครินทร์ (พระบรมราชชนก) ก็สิ้นพระชนม์ พอต้น ปี ๒๔๗๕ สมเด็จเจ้าฟ้าชายยุคลทิฆัมพร กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ ก็สิ้นพระชนม์อีกพระองค์ ณ เวลานั้น กรมพระนครสวรรค์วรพินิตฯ หรือ ทูลกระหม่อมบริพัตรฯ จึงเป็นพระราชโอรสอีกพระองค์เดียวในสายการสืบทอดราชสมบัติที่รักใคร่ใกล้ชิดกับพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าที่สุด และทรงอยู่ในราชการที่มี่อำนาจกำลังพลในตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงกลาโหม และภายหลังเป็นเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยด้วย ตอนรัฐประหาร ๒๔๗๕ ทูลกระหม่อมบริพัตรฯ จึงเป็นเป้าหลักของคณะราษฎร และความจำเป็นที่ต้องกีดกันท่านออกไปให้เร็วที่สุด ทั้งในฐานะพระเชษฐา และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์รัชกาลที่ ๗ ที่เสด็จไปประทับที่หัวหิน
บันทึกเกี่ยวกับทูลกระหม่อมบริพัตรฯ หาได้ยาก และส่วนใหญ่ไม่ปรากฏรายละเอียดของเหตุการณ์ที่วังบางขุนพรหม คณะราษฎรกล่าวเพียงว่าทูลกระหม่อมบริพัตรฯ ทรงมีพระราชอำนาจมากเกินไปและขอให้เสด็จออกนอกประเทศเสีย สิ่งไม่ปรากฏในบันทึกใด คือ ประยูร ภมรมนตรี ผู้เข้านอกออกในวังบางขุนพรหมได้เพราะได้รับการชุบเลี้ยงให้เรียนหนังสือจากทูลกระหม่อมบริพัตรฯ ถือโอกาสเข้าวังและใช้ปืนจ่อพระเศียรพระโอรสและธิดาให้ทูลกระหม่อมบริพัตรฯ นำขบวนเสด็จลงเรือที่ท่าน้ำวังบางขุนพรหมออกจากประเทศไทย ณ เวลานั้นทันที เป็นเรื่องกล่าวถึงกันในภายหลังว่า จะยังมีใครกันที่จะเซ็นชื่อมอบบ้านของตนเองให้รัฐบาล เพื่อมีสิทธิ์ได้ออกไปอยู่นอกประเทศ.. ในเวลาต่อมา เมื่อมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล จึงเกิดเป็นอุปสรรคใหม่ โดยเฉพาะเมื่อมีเรื่องเล่าถึงการที่จะทรงเล่นการเมืองเองเพื่อหาทางพัฒนาประเทศด้านนิติบัญญัติ ขณะที่พระอนุชาขึ้นเป็นกษัตริย์ เรื่องเหล่านี้จึงเกินการรับได้ สำหรับผู้มักใหญ่ใฝ่อำนาจที่ไม่ต้องสร้างประโยชน์ให้ใครนอกจากตนเอง การใส่ร้ายป้ายสีให้พระมหากษัตริย์จึงเป็นขบวนการที่วางแผนอย่างตั้งใจ ทำกันเป็นระบบ ใช้ข้อมูลให้เกิดความเข้าใจผิด (Propaganda) หากินจากประโยชน์บนพื้นฐานว่า A little knowledge is a dangerous thing. รู้นิด รู้หน่อยแบบผิดๆ ย่อมสร้างความหายนะได้ ถึงวันนี้ เราอดทนกันพอหรือยัง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงงานเพื่อประชาชนแม้กระทั่งเวลาที่ทรงพระประชวร มาเข้าปีที่ ๖๖ แล้ว ขณะที่พวกจาบจ้วงเหล่านี้ใช้วิธีการสกปรกทำลายพระเกียรติยศอย่างไม่ยำเกรง โดยความผิดก็ไม่ถึงตัวเสียที ถึงเวลาที่เราจะแปรความหดหู่จากสิ่งที่เกิดขึ้น เอาพลังจากความโกรธมาหาวิธีถวายความจงรักภักดี แก้ต่างแต่ละปม..ทีละปม piece by piece, part by part.. และหากวิธีสู้ที่ดีที่สุดคือโต้กลับ The best form of defence is attack. และการโต้กลับที่ยั่งยืนที่สุด คือ Destroy เมื่อมองอีกแง่ว่า การปรากฏตัวชัดของขบวนการล้มเจ้ามีมากเท่าไหร่ ก็ชี้เป้าแห่งการทำลายให้ชัดขึ้นเท่านั้น การสู้กับคนรั้นที่เชื่อความเท็จเพราะแค่ต้องการจะเชื่อ อาจจะยาก ขณะที่การตัดกำลังและแขนขาของผู้แพร่ความคิดร้ายเหล่านั้น ทั้งนักการเมืองและผู้สร้างเรื่อง ให้ถูกจับได้ไล่ทัน จนตรอกกับความเท็จ จนขั้นพูด-เขียนไม่ได้ เป็นเป้าหมายที่ใกล้ความจริงไม่ยาก เราจะ Challenge สิ่งเหล่านั้นร่วมกันไหม.. Long Live His Majesty The King. And the Kingdom of Thailand. Reference: จุฬาลงกรณราชสันตติวงศ์ พระนามพระราชโอรส พระราชธิดา และพระราชนัดดา สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงรวบรวม มกราคม พ.ศ. ๒๕๐๐ พระราชหัตถ์เลขา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และลายพระหัตถ์สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้า สุขุมาลมารศรี พระอรรคราชเทวี พิมพ์ในงานพระเมรุ จอมพล สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต ณ ท้องสนามหลวง ๑๐ เมษายน ๒๔๙๓ ๖๐ ปีการเมืองไทย , แจ่มจันทร์ ทองเสริม |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |