*/
<< | มกราคม 2012 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 |
Act I (Attack I): องก์หนึ่ง หากมองความเคลื่อนไหวในการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องชัดเจนในวันนี้อย่างมีสติ และใจสงบนิ่ง ทางออกในการแก้ไขสถานการณ์ย่อมปรากฏให้เห็นกระจ่าง โดยเฉพาะเมื่อผู้บังอาจเหล่านี้เปิดปากและเผยโฉมให้การชี้เป้าในการต่อสู้ชัดเจน เพราะกลยุทธ์ในการศึกใดก็ตาม จะบังเกิดผลไม่ได้หากเราไม่รู้จักคู่ต่อสู้ เมื่อพินิจพิจารณาหาแก่นความคิดของกลุ่มล้มล้างสถาบันกษัตริย์ที่โฆษณาชวนเชื่อคนที่รู้น้อย เชื่อง่าย จะเห็นว่าแต่ละแนวทางพุ่งสู่จุดเดียวกัน คือ กำหนดโจทย์เพื่อการโจมตีที่องค์พระมหากษัตริย์ จากนั้นก็แต่งเรื่อง สร้างทฤษฎีประกอบ ป้ายสีไปตามความสามารถของแต่ละคน เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายสองกลุ่ม คือ กลุ่มที่ถูกสะกดจิต ที่พร้อมเชื่อและคล้อยตามโดยไม่ต้องอ่านและเข้าใจสาระอย่างถ่องแท้ และกลุ่มที่สำคัญที่สุด คือ กลุ่มที่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ สิ่งที่คาดหวังจากกลุ่มที่ถูกสะกดจิตเป็นประเด็นรอง บทบาทของกลุ่มนี้จำกัดเพียงแค่เป็นภาพลวงตา ให้เหมือนจำนวนคนปากกล้า หน้ามืดตามัวมีมหาศาล ผลที่ต้องการบรรลุนั้น มุ่งไปที่กลุ่มจงรักภักดีต่อพระเจ้าแผ่นดิน ให้เกิดวิกฤติในจิตใจ ให้ปั่นป่วนและเสียสมดุล จนเข้าขั้นสั่นคลอนความรู้สึก ด้วยการจับจุดคนไทยที่มีพระเจ้าแผ่นดินอยู่ในหัวใจว่า สถาบันสูงส่งอันเป็นที่รักนี้แตะต้องไม่ได้ หากใครบังอาจล่วงละเมิด อารมณ์แห่งความจงรักภักดีจะถูกกระตุ้นออกมา ก่อให้เกิดปฏิกิริยาอย่างที่คนพวกนี้มุ่งหวัง คือ เส้นกระตุก เกิดการสวนโต้ทันควัน (Knee jerk reaction) ปราศจากการวางแผนรบ และสุดท้าย คือการวิ่งเข้าไปเล่นอยู่ในเกมของพวกล้มล้างสถาบัน แต่ละวัน มีกรณีเกิดขึ้นไม่จบสิ้นในสังคม ทั้งผู้สร้างเรื่องละเมิดหมิ่นพระบรมราชานุภาพ ทั้งคดีความ และประเด็นของการแก้ประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2499 มาตรา 112 การทำงานของรัฐบาล และความพยายามในการกลับเข้าสู่ประเทศไทยของนักโทษหนีคดีทักษิณ สิ่งเหล่านั้นเป็นเรื่องที่ละเลยไม่ได้ และต้องจัดการอย่างมีสติ แต่การวิ่งปั่นไปตามสิ่งที่ผู้ไม่ประสงค์ดีต่อประเทศไทยสร้างขึ้นมา เราจะเสียเป้าหลัก ขาดความชัดเจน และลำดับความสำคัญก่อนหลังในการทำลายเป้าหมาย เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว จงอย่าปล่อยให้จุดอ่อนปรากฏในทางที่เป็นประโยชน์แก่คนเลว จึงถึงเวลาที่เราต้องกำหนดเป้าหมายร่วมกัน รวมรังสีแห่งความจงรักภักดีที่กระจัดกระจายให้เป็นแสงกล้าเผาไหม้พวกบ่อนทำลายชาติ มิเช่นนั้น ความแตกแยกที่ถูกสร้างขึ้นมาจะส่งผลได้อย่างเดียวเป็นสงครามการเมือง ให้คนไทยต้องต่อสู้กันเอง และถึงเวลาที่เราควรจะผลักดันให้กลุ่มผู้ต้องการล้มล้างสถาบัน ไม่เหลือที่ยืน การบิดเบือนข้อมูล ที่ผู้สร้างความแตกแยกทำลายชาติเหล่านี้ใช้ คือ กลลวงให้เราทะเลาะกันที่เนื้อความ หลงโกรธแค้น และหาทางแก้ต่าง การต่อสู้กับคนเหล่านี้อย่างเหมาะสมจึงต้องลิดรอนเด็ดปีกหาง (ATTACK) ผู้กระทำ แทนการลงคลุกฝุ่นกับรายละเอียดปลีกย่อยในเนื้อหา แล้วช่วยกันเผยแพร่ (Propagate) ในทิศทางที่เรากำหนด ทั้งแฉความเท็จและฟื้นฟูพระเกียรติยศ ตามช่องทาง ความถนัดของแต่ละคน องก์แรกของการต่อสู้ จะเริ่มที่บุคคล ... ทีละคน คนปากกล้าอย่าง Giles Unpakorn หรือ ใจ (ไจลส์) อึ้งภากรณ์ คือใคร สิ่งที่พูดมีความน่าเชื่อถืออย่างไร มาทำความรู้จักพื้นเพและปมวิปริตของไจลส์ กันเสียหน่อย ไจลส์มีข้อได้เปรียบเรื่องการศึกษา การใช้ชีวิตในต่างแดน การมีบิดาเป็นคนมีความรู้และนับได้ว่าเป็นคนดีหนึ่งท่าน แต่น่าอนาถที่ไจลส์ไม่สามารถเติบโตขึ้นเป็นอภิชาตบุตร ที่มีความรู้ความสามารถสร้างประโยชน์ให้สังคมได้ใกล้เคียงหรือเทียบเท่าบิดา(ตัด ดีกว่า ทิ้งไปเลย) วุฒิการศึกษาจากประเทศอังกฤษ การใช้ภาษาสากลสื่อสาร เติบโตในสังคมตะวันตกที่มีระบอบประชาธิปไตยมั่นคง สร้างภาพให้ความคิดเห็นของไจลส์ดูน่าสนใจ คล้ายจะมีสิ่งใหม่มานำเสนอ ... ในหมู่คนที่ไม่รู้ ที่หลงคิดว่าการเห็นโลกต่างชาติแล้วจะฉลาดขึ้น ที่เข้าใจผิดว่าการศึกษาดีมีค่าเท่ากับเป็นคนดี ความเป็นจริงแล้ว ไจลส์เป็นเพียง Mamas boy หรือลูกคนเล็กติดแม่ และรับความคิดทุกอย่างจากสมองของแม่ การรู้จักตัวตนของแม่ไจลส์จึงจะเฉลยปมปริศนาของคนที่หาตัวตนของตนเองไม่พบได้ Margaret Smith แม่ของไจลส์ เป็นผู้นิยมลัทธิคอมมิวนิสต์เต็มตัว ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกของคนบริทิชที่มีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นภายใต้กฎกติกาที่ต้องเคารพ ที่ไม่สร้างความแตกแยกในสังคม การมีเสรีภาพในการแสดงออก ทำให้การแสดงความเห็นในเรื่องต่างๆ ไม่เป็นที่สนใจของสังคมเสมอไป หากเรื่องเหล่านั้นไร้สาระ ความเป็นไปของนางสมิธจึงไม่เป็นที่สนใจของสังคม British public สมิธจึงจำต้องเอาความเชื่อแบบคอมมิวนิสต์ของตัวเองไปใช้ในสังคมไทย ที่สามีดำรงตำแหน่งหน้าที่ถึงระดับผู้ว่าการธนาคารแห่งชาติเมื่อราว 40 ปีก่อน โดยปราศจากการเคารพในกฎกติกาของสังคมและมารยาทอันควร ที่ไม่ว่าจะมาจากชนชั้นใดก็ต้องมี ความประพฤติของสมิธ คือ การทำตัวตามใจฉัน เป็นหญิงฝรั่งไร้การอบรม ไม่รู้ธรรมเนียมจากรากเหง้าตะวันตก ไม่สนใจวัฒนธรรมตะวันออก ไม่รักษาและเสริมส่งหน้าตาสามี กระทั่งการใส่ เกือกแตะ ไปงานพิธีการของกระทรวงหรืองานหลวง ทำตัวเองเป็นเป้าแห่งการวิจารณ์ในทางลบ ผลตอบสนองตามการกระทำของสมิธ กลายเป็นความขมขื่นที่ฝังใส่หัวลูกชายคนเล็ก เสมือนว่ามารดาไร้ค่า ถูกปฏิเสธจากสังคมชั้นสูง และขนบธรรมเนียม Protocol ที่เอื้อมไม่ถึง จึงเข้าใจได้ไม่ยากในเวลาต่อมาเมื่อไจลส์เก็บความแค้นที่สะสมมาระบายใส่สถาบันพระมหากษัตริย์ ในฐานะที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของสังคมไทย กระทั่งลืมไปว่า การออกนอกประเทศของบิดาในพ.ศ. 2519 เพื่อมาเกษียณอายุที่ประเทศอังกฤษ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างล้นพ้นต่อครอบครัวนี้ คนที่ ทัน เหตุการณ์ครั้งนั้น คงจำได้ว่าเมื่อตุลาคม 2516 ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ยังเข้าข้างกลุ่มนักศึกษาอยู่ ตรงกันข้ามกับตุลาคม 2519 ซึ่ง ดร.ป๋วย ไม่เห็นด้วยกับเหตุแห่งการชุมนุมและไม่สนับสนุนกลุ่มนักศึกษา ถึงขั้นไม่ให้มีการใช้สถานที่ธรรมศาสตร์ในการชุมนุม การตัดสินใจนั้นสร้างความไม่พอใจให้กลุ่มผู้ชุมนุมยิ่ง เมื่อความตึงเครียดถึงจุดขาด ดร.ป๋วย ลาออกจากธรรมศาสตร์ เคราะห์ซ้ำด้วยพฤติกรรมของสมิธทำให้คนคิดว่าเป็นคอมมิวนิสต์ไปด้วย ดร.ป๋วยจึงถูกหมายหัว ต้องหนีออกนอกประเทศ ที่สนามบินดอนเมือง ด้วยความดีที่มีอยู่ ดร.ป๋วย ได้รับความช่วยเหลือให้ขึ้นเครื่องบินลี้ภัยไปประเทศอังกฤษได้เฉียดฉิว จากสารวัตรทหารที่ได้รับมอบหมายจากองคมนตรี แทนการสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณต่อบิดา ไจลส์ยึดมั่นกับมารดา และนำความแค้นเคืองถ่ายทอดออกมาสู่บทความโจมตีใส่พระมหากษัตริย์ เหมือนอาการไม่ได้อย่างใจของเด็กไม่บรรลุนิติภาวะ หาเหตุนำเสนอมาจากปมด้อยส่วนตัวมากกว่าจะด้วยความปรารถนาดีต่อประเทศชาติอย่างแท้จริง ยามเมื่อบิดาชรามากและพูดไม่ได้หลังเกิดเส้นเลือดอุดตัน (Stroke เมื่อ 1977) ไจลส์ก็ไม่เคยเหลียวแล ความประพฤติเยี่ยงนี้ จึงดูน่าสมเพทยิ่งขึ้น และเน้นให้เห็นความไม่สมบูรณ์สมประกอบทางจิตที่สะท้อนอยู่ในบทความของไจลส์ ความอาภัพของไจลส์ยังไม่หมดสิ้น เมื่อความเคลื่อนไหวร่วมกับกลุ่มเสื้อแดงเป็นเพียงการ ถูกใช้ ณ วันนี้ เมื่อมีรัฐบาลจากฐานเสียงของเสื้อแดงแล้ว ไจลส์ก็หมดประโยชน์ลง ไร้ที่และเวทีให้ร่วมแสดง เพราะในเกรทบริเทนที่การออกความเห็นเป็นเรื่องปกติ ไจลส์ไม่เคยนำเลือดบริทิชอีกครึ่งของชาติแม่มาแสดงบทบาทหรือได้รับการยอมรับในเรื่องความเคลื่อนไหวทางการเมืองและสถาบันกษัตริย์เลยแม้แต่น้อย ทั้งที่สถาบันกษัตริย์แห่งประเทศไทยและ British Monarchy ไม่มีความแตกต่างกันในบทบาทและฐานะด้านการปกครองประเทศ ผู้ที่ชื่นชมและสนับสนุนไจลส์ หยุดคิดได้แล้วว่าการสนับสนุน ไจลส์เพื่อสมิธ แล้วตัวเองได้อะไร และตอบด้วยว่า...ประเทศชาติได้อะไร การทำงานของกลุ่มผู้ต้องการล้มล้างสถาบันกษัตริย์เปรียบเสมือนไก่หัวขาด ที่คอยมองหาหัวผู้นำไปเรื่อย ในวันนี้ผู้ที่ก้าวมาเป็นเหตุผลที่ดูสมจริงคือทักษิณ เพราะทักษิณต่อต้านสถาบันมาตลอดด้วยนโยบายสร้างเผด็จการทางเศรษฐกิจ Economic Dictatorship โดยสร้างความละโมบให้ประชาชนหิวเงินทองเฉพาะหน้า ไร้นโยบายระยะยาวตามกลไกที่ถูกต้องของระบบเศรษฐกิจ ทำลายความสมดุลเรื่องความเป็นอยู่ซึ่งต้องใช้เวลาสร้าง อย่างที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระอุตสาหะทรงงานเพื่อประชาชนมาตลอด การทำลายกลุ่มผู้ต่อต้านสถาบันในวันนี้จึงต้องทำลายทักษิณด้วย รัฐบาล คือ องค์กรใหญ่ โอหังได้เพราะเสียงจากการเลือกตั้ง ปฏิบัติงานเอื้อประโยชน์ต่อฐานเสียง แต่การต้านกระแสของรัฐบาลเสื้อแดงที่ดูทรงพลังด้วยการตรวจสอบและโต้แย้งอย่างสุจริตไม่เกินกำลังประชาชน ... ประชาชนนอกเหนือจาก 15 ล้านเสียง ประชาชนที่เป็น Passive Non-RED ถึงเวลาต้อง Active และช่วยกันคุ้ยแคะ 2 ประเด็นหลัก หนึ่ง. คำมั่นสัญญาต่อคนเสื้อแดง และนโยบายที่ฟุ้งไว้มากมาย (Discredit) เพื่อ ดูว่าทำสิ่งที่พูดไว้หรือยัง หรือเพียงแค่การถ่มถุยตอนหาเสียง และทำไม่ได้ เพราะ เราทุ่มเถียงเรื่องความเหมาะสมของนโยบายพอแล้ว เราหลงทางเรื่อง Tablet ว่าจะเกิดประโยชน์จริงหรือไม่ เราส่ายหน้ากับงบประมาณช่วยคนซื้อรถใหม่ เราควรเปลี่ยนเป้ามาสร้างคำถามให้คลางแคลงใจกันเองระหว่างหมู่เสื้อแดงและรัฐบาล และใช้ประโยชน์จากการสะกิดต่อมโลภที่มีอยู่มากมายของเสื้อแดง สอง. งบประมาณ (Attack/Question Credibility) เพื่อ แฉว่า เงินที่จะสร้างสิ่งสวยหรูตามสัญญาในตอนหาเสียงนั้นมาจากไหน เพราะ สัญญาเรื่อยเปื่อยที่ไม่มีงบประมาณรองรับจะเกิดได้อย่างไร ช่วยกันดับฝันไร้สาระของคนเสื้อแดง ให้ตื่นมาพบความจริงว่าเงินไม่สามารถร่วงหล่นจากต้นไม้ การโต้กลับการทำงานของรัฐบาลมีหลายทาง (Several lines of attack) การตีตัวบุคคลและแฉความจริง เป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของคนที่เสื้อแดงเชื่อถือ สลายความเป็นหนึ่งเดียว (Destruction of unity) ให้ผลเพิ่มในการต่อสู้ขบวนการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ได้ดีกว่าเพียงการก่นด่า ซึ่งมีแต่จะทำให้คนเสื้อแดงรวมกันเหนียวแน่น เอาความรั้นมาเสริมแรงโต้กลับเข้าไปอีก และที่สำคัญ จะช่วยปลุกคนที่ถูกสะกดจิตจากข้อมูลบิดเบือนด้วย ภารกิจนี้เป็นงานใหญ่... เราต้องร่วมใจกันถักร้อยเชือกส่งให้ผู้ประสงค์ร้าย ทั้งขบวนการล้มล้างสถาบัน ทักษิณ จนถึงรัฐบาล (หากไร้ความจริงใจในการบริหารประเทศ) หยุดคิดว่าการต่อสู้กับอธรรมในบ้านเมือง เป็นเรื่องยากและเสียเวลา สิ่งที่ยาก คือ ความเชื่อมั่น และการเริ่มต้น สิ่งที่ต้องเที่ยงตรงต่อตนเอง คือ King & Country พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีรับสั่งพระราชทานพรมาแล้ว อย่าเพียงแต่ฟังโดยไม่คิด ถึงจะมองไม่เห็นฝั่ง เราก็ต้องพยายามว่ายอยู่ท่ามกลางมหาสมุทร โภคะทั้งหลาย มิได้สำเร็จด้วยเพียงคิดเท่านั้น หากเราร่วมใจกันถักทอเชือกนี้ให้ยาวเพียงพอเมื่อไหร่ จะดึงดูดให้มีคนคว้าไปแขวนคอเอง * * * * * * * * * |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |