เปิดเรื่อง

ความเห็นแตกต่างในทางจาบจ้วงต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

อันเป็นสถาบันสูงสุดที่เคารพของประเทศไทยในช่วงเวลาที่ผ่านมา

มักจะอ้างถึงความล้าหลังของขนบธรรมเนียม และราชประเพณี

ที่เป็นเครื่องแสดงออกถึงวัฒนธรรมที่นำพาชาติมาจนถึงวันนี้

ฯลฯ

ปี พ.ศ. 2555 ที่เกรทบริเทน เฉลิมฉลอง Diamond Jubilee

วาระสำคัญที่องค์พระประมุขแห่งสหราชอาณาจักร

Queen Elizabeth II

ครองราชย์ครบ 60 ปี มีพระราชพิธีมากมายเกิดขึ้น

ซึ่งน่าสนใจต่อการนำมาเล่าให้คนที่ ‘รู้’ ความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ได้ร่วมชื่นชม

และให้คนที่ ‘ไม่รู้’ ได้มีโอกาสเรียนรู้ว่าต่างชาติที่เจริญแล้ว...เขาทำกันอย่างไร

* * * * * * * * *

*

*

วันศุกร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

12.30 นาฬิกา Windsor Castle

Queen Elizabeth II และ Duke of Edinburgh รอรับเสด็จพระราชอาคันตุกะผู้ทรงเป็นองค์พระประมุขจากราชวงศ์ต่างๆ ทั่วโลก 26 ราชอาณาจักร เพื่อร่วมเสวยพระกระยาหารกลางวัน นับเป็นการรวมพระบรมวงศานุวงศ์จากทั่วโลกเกือบครบถ้วนอีกครั้งนับจาก Royal Wedding ของ Duke and Duchess of Cambridge เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2554

*

*

การจัดเตรียมการในพิธีเป็นไปอย่างพิถีพิถันและสมพระเกียรติทั้งลำดับการเสด็จพระราชดำเนินในขบวนรถพระที่นั่งของพระราชอาคันตุกะ และการจัดโต๊ะพระที่นั่งที่กำหนดให้เป็นโต๊ะกลม 12 ที่นั่ง หนึ่งโต๊ะจะมีพระราชอาคันตุกะอย่างน้อยหนึ่งคู่ และตัวแทนในราชวงศ์ Windsor คือ

Duke and Duchess of Cambridge และ Prince Harry,

The Duke of York, Princesses Beatrice และ Eugenie

The Earl and Countess of Wessex

ในขณะที่ Princess Royal หรือที่คุ้นกันว่า Princess Anne ติดพระราชกรณีกิจนำไฟโอลิมปิกกลับมาจากกรีซ และ Prince of Wales และ Duchess of Cornwall เตรียมการต้อนรับในช่วงค่ำที่ Buckingham Palace

พระกระยาหารขึ้นโต๊ะเสวยปรุงจากพืชผลและวัตถุดิบในเกรทบริเทน รวมทั้งเนื้อแกะจากฟาร์มของ Windsor Castle

พระราชอาคันตุกะที่มาถึงเป็นลำดับแรก คือ Prince Hans-Adam II of Liechtenstein ตามมาด้วย Grand Duke Henri and Grand Duchess Maria Teresa of Luxembourg ซึ่งจับพระหัตถ์แล้วถวายจุมพิตอีกสองครั้ง บ่งบอกถึงความสัมพันธ์แน่นแฟ้นระหว่างราชวงศ์

*

ขณะที่ King Harald V of Norway ถวายจุมพิตที่พระหัตถ์ของ The Queen เมื่อเสด็จพระราชดำเนินมาถึงพร้อม Queen Sonja

*

ภาพที่สร้างความประทับใจที่สุดคือเมื่อ Queen Beatrix of the Netherlands ทรงทำท่าเตรียมสวมกอด The Queen มาแต่ไกล

*

*

สำหรับราชวงศ์ทางเอเชีย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงได้รับการกล่าวถึงอย่างมากมายในฐานะที่ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ครองราชย์ยาวนานที่สุดในโลก มีสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเป็นผู้แทนพระองค์เสด็จร่วมงาน

และยัง Emperor Akihito และ Empress Michiko แห่งประเทศญี่ปุ่น

*

ขณะเดียวกัน ยังมีอีกสองราชวงศ์ที่เป็นกรณีโต้แย้งกันในคราวนี้ คือ Queen Sophia แห่งสเปน ที่ได้รับการทูลเชิญ แต่ไม่สามารถเสด็จได้เพราะรัฐบาลไม่ต้องการให้เสด็จ โดยอ้างว่าจะขัดแย้งกับกรณีที่ต้องการเรียกร้องดินแดน Gibralta จากเกรทบริเทน

King Hamad Al-Khalifa แห่ง Bahrain ซึ่งได้รับการทูลเชิญและเสด็จมาร่วมพิธีนั้น กลุ่ม Human Rights และสมาชิกสภาผู้แทนบางคนนำมาต่อว่าไปถึง The Queen ว่าไม่ควรออกหมายเชิญ

สำนักพระราชวังตอบกลับมาเรียบง่ายว่าการตัดสินเชิญแขก ที่สุดแล้วเป็นเรื่องของรัฐบาล หากมีข้อสงสัยใดๆ ควรสอบถามรัฐบาล เพราะบทบาทของสถาบันกษัตริย์เกรทบริเทน เป็น Constitutional monarchy เช่นเดียวกับประเทศไทย มีบทบาทที่เรียกกันว่า Ceremonial อันเป็นเรื่องของพิธีการที่ไม่เกี่ยวข้องกับการบริหารและปกครองประเทศ

ส่วนความเห็นของประชาชนบริทิชในเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ แตกแยกเป็นสองกลุ่ม มีปฏิกิริยาชัดเจนน่าศึกษาเช่นกัน ชนกลุ่มน้อยที่ต่อต้าน (Anti-monarchy) เรียกว่าพวก Republicans พยายามพูดทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ เพราะความนิยมในราชวงศ์กลับเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ไล่เป็นลำดับมาตั้งแต่ Royal Wedding ในปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันนี้

คนที่อยากจะพูด จึงพูดเรื่อยเปื่อย ในขณะที่ฝ่ายที่มีความชื่นชมและจงรักภักดี เรียกว่า Royalists ไม่หลงกลทะเลาะด้วยเพียงเพราะความระคายหู แต่โต้กลับด้วยคำถามตามเนื้อผ้าตรงไปตรงมา สยบปากคำได้ชงัดนัก  

บางส่วนของการโต้กลับ คือ

‘การเป็นเจ้า และการมีสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่ได้สร้างความสิ้นเปลืองอย่างการโกงกินชาติของนักการเมืองบางคน’

‘A president is far more expensive than a Monarch.’

และ

‘ระบบสาธารณรัฐที่ต้องการมีประธานาธิบดีเป็น Head of State นั้น ไม่ได้มีการยังประโยชน์ใดที่เกี่ยวข้องกับความเจริญของชาติด้วย’

หลายความเห็นเหล่านี้ รวมทั้งอีกหลายเหตุการณ์เฉลิมฉลองที่จะเกิดตามมา จึงทำให้พวกต่อต้านสถาบันหาทางสร้างเสียงสนับสนุนได้ยาก

*

ย้อนกลับมาคิดถึงประเทศไทย กระทั่งการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรยังไม่สามารถทำได้บนพื้นฐานของความชัดเจนเรื่องนโยบายและการทำงานเพื่อประเทศชาติ โดยไม่หลงทางทั้งความโลภและประเด็นเที่ยงตรงเพื่อประโยชน์สุขแห่งประชาชน

ตัวอย่างที่เป็นไปและวิธีปฏิบัติตอบโต้ของเกรทบริเทน จึงน่าจะเป็นข้อมูล และข้อคิดโต้กลับพวกชอบอ้างในประเทศไทยได้บ้าง

* * * * * * * * *

Reference:

www.thediamondjubilee.org/

www.bbc.co.uk/news/uk-18099937

Photos courtesy of BBC, The Telegraph

More photos: www.bbc.co.uk/news/uk-18121358

เรื่องของ Queen Elizabeth II:

http://www.oknation.net/blog/sw19/2011/04/18/entry-1

เรื่องของ Prince Harry ในภารกิจที่เกี่ยวข้องกับ Diamond Jubilee:

http://www.oknation.net/blog/sw19/2012/04/21/entry-1