ร่วม 3 ปี กับคดีที่นายครรชิต ทับสุวรรณ อดีต ส.ส.สมุทรสาคร พรรคประชาธิปัตย์ ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีฆ่านายอุดร ไกรวัตนุสสรณ์ นายก อบจ.สมุทรสาคร วันนี้ศาลชั้นต้นก็มีคำพิพากษา ให้ประหารชีวิต นายครรชิต ฐานฆ่าผู้อื่นโดยไต่ตรองไว้ก่อน

คดีนี้มีมุมน่าสนใจตรงที่กระบวนการสืบสวนสอบสวน และกระบวนการพิจารณาของศาล ที่อาจเป็นเพียงไม่กี่คดีหรืออาจเป็นคดีเดียวก็ได้ที่ คำตัดสินที่มีอัตราโทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต แต่ไม่มี ปืนของกลาง ตามที่เคยเป็น พระเอกในสำนวนในฐานะฑูตมรณะ...เพราะคดีนี้เท่ากับว่ากันล้วนๆกับหลักฐานทาง นิติวิทยาศาสตร์

วันที่นายอุดร หรือ”นายกตุ่น” ถูกยิงเป็นวันที่ 25 ธ.ค.2554 โดยถูกยิงเสียชีวิตบริเวณหน้าห้องน้ำ ปั๊มน้ำมัน ปตท. กม.2 ตรงข้ามห้างบิ๊กซีมหาชัย ม.7 ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร และหลังจากนั้นนายครรชิต ตกเป็นผู้ต้องหาในขณะที่เป็น ส.ส.และถูกออกหมายจับวันที่ 26 ธ.ค. จน 27 ธ.ค.นายครรชิต เข้ามอบตัวและปฎิเสธทุกข้อกล่าวหาโดยจะขอให้การในชั้นศาล

พนักงานสอบสวนได้แจ้งให้นายครรชิตนำอาวุธปืนกล็อก .40 หมายเลขทะเบียน กท 54222747 ที่มีอยู่ในความครอบครองมาให้ตำรวจตรวจสอบ แต่นายครรชิตปฎิเสธ และจนท้ายที่สุดพนักงานสอบสวนก็ไม่สามารถนำอาวุธปืนของกลางมาประกอบหลักฐานในคดีนี้ได้แต่อย่างใด...นี่เป็นเป็นอีกมุมที่ทำให้หลายคนคิดว่าคดีนี้มีโอกาสพลิก

แต่ในมุมการสอบสวนกลับไม่จมปรักอยู่กับแนวเดิม...เมื่ออาวุธปืนไม่มีจะทำอย่างไร..และอีกคำถามแย้งต่อมาว่า...แล้วถ้าปืนที่ไม่ได้ในที่เกิดเหตุเกิดการดัดแปลงเช่น คว้านลำกล้องเพื่อให้เกลียวผิดเพี้ยนไปจากเดิม แล้วพอพิสูจน์เทียบกับหัวกระสุนที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุแล้วรอยเกลียวไม่ตรงกัน...ก็เป็นปัญหาเหมือนกัน...สุดท้ายก็เลยไม่สนใจฑูตมรณะเหมือนกับคดีทั่วๆไป

แนวการต่อสู้คดีหลักๆ จึงเป็นประเด็นที่จำเลยปฏิเสธว่า ไม่ใช่คนก่อเหตุ และไม่อยู่ในที่เกิดเหตุ...นี่จึงเป็นมุมที่ทำให้ นิติวิทยาศาสตร์ เข้ามามีบทบาทสำคัญในคดีนี้

1.พยานในที่เกิดเหตุเป็นคนขับรถนายอุดร ที่ยืนอยู่ด้านนอกห้องน้ำ ยืนยันว่านายอุดรเข้าห้องน้ำ แล้วนายครรชิต ขับรถกระบุมาจอดแล้วเดินเข้าห้องน้ำหลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงปืน

2.ภาพวงจรปิดในปั๊มจับได้แค่”ล้อรถ”ด้านหลังของรถกระบะ ที่ถูกระบุว่าเป็นรถที่นายครรชิตขับมา / ซึ่งก็สามารถตรวจสอบเทียบเคียงได้ทั้งสภาพรถ หรือสภาพดอกยางล้อรถ / แต่ก็ยังยากอยู่ดี หากเจ้าของรถบอกว่า “ก็รถผมจะให้ใครขับก็ได้”...ทีนี่ก็ไล่เรียงให้ชัดว่า”รถใคร-ใครขับ” ไล่เรียงจากงานเลี้ยงก่อนที่จะมาถึงปั๊มน้ำมันที่เกิดเหตุ..สอบพยานในงานกว่า 10 ปากใน 2 งาน ก็ให้การตรงกันว่า”นายครรชิตนั่งรถกระบะไปงานทั้งสองงาน” แล้วพอเทียบระยะทางจากงานสุดท้ายมาถึงปั๊ม ระยะเวลากับระยะทางก็สัมพันธ์กัน...

3.กรณีปฏิเสธว่า”ไม่อยู่ในที่เกิดเหตุ”ก็ถูกแย้งด้วยหลักฐาน”เซลล์ไซต์”โทรศัพท์มือถือ...ปรากฎชัดเจนว่า”เจ้าของเครื่องอยู่ในพิกัดไหน..ในเวลานั้น.

4.........(...................)

.....ทั้งหมดหากสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกัน....จึงกลายเป็นคดีฆ่าคนตายที่ไม่จำเป็นเสมอไปที่ต้องมี”ปืน”ของกลางประกอบสำนวน...ซึ่งต้องดูกันต่อว่าในชั้นอุทธรณ์คดีนี้จะออกมาแนวไหน