หลังจากผ่านพ้นเลือกตั้งและทราบผลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สิ่งที่ต้องหยิบ ยกพูดคุยกันต้อนนี้หลังจากหาเสียง นั่นก็คือนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ สิ่งหนึ่งที่ น่าจะกระทบเถ้าแก่ SMEs แน่ก็คือค่าจ้าง เท่าที่ผมได้เข้าไปสัมผัสกับเถ้าแก่ SMEs ในการเข้าไปให้คำปรึกษานั้น ...ทุกที่จะมีปัญหาเรื่องหาแรงงานยาก การที่มีนโยบายปรับค่าจ้างขั้นต่ำทั่วประเทศ 300 บาท อาจจะเป็นผลดี ต่อผู้ประกอบการในการหาคนเข้าทำงานได้ง่าย เป็นผลดีต่อแรงงาน แต่ผู้ประกอบการต้นทุนเพิ่มขึ้น คงจะไม่ไหวเป็นแน่ครับ ... เพราะสิ่งที่ผมพบ จากการเข้าไปให้คำปรึกษาในการปรับค่าจ้างตามสภาพแวดล้อมการทำงาน ที่ต่างกัน (งานที่หนักกว่าควรได้ค่าตอบแทนมากกว่า) ผู้บริหารยังคิดแล้วคิด อีก และถ้าปรับทีเดียว 300 บาท/วัน ต้นทุนเพิ่มมหาศาล ขึ้นแบบไม่มีเหตุผล ไม่ได้สอดคล้องกับความสามารถ บุคลากรที่ทำงานไม่ดีก็ได้ขึ้นหรอ ? ....อยากให้ดูบทวิเคราะห์ของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม (สสว.) ดังนี้ นโยบายการปรับเพิ่มค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำเป็น 300 บาท/วัน ของรัฐบาล ใหม่ภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย นับเป็นประเด็นที่มีการพูดถึงกันมากที่สุดใน เวลานี้ โดยหลายฝ่ายมองว่าผู้ที่จะได้รับผลกระทบจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำคือ ผู้ประกอบการ SMEs ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ประกอบการ SMEs จำนวนกว่า 2.9 ล้านกิจการ คิดเป็นร้อยละ 99.6 ของจำนวนวิสาหกิจทั้งหมด โดยอยู่ในภาคการผลิต จำนวน 545,098 กิจการ ภาคการค้าและซ่อมบำรุง จำนวน 1,383,391 กิจการ และภาคบริการจำนวน 983,610 กิจการ ก่อให้เกิดการจ้างงานกว่า 10.5 ล้าน คน หรือคิดเป็นร้อยละ 77.8 ของการจ้างงานรวมทั้งประเทศ สร้างมูลค่า เพิ่มทางเศรษฐกิจ หรือ GDP SMEs ถึง 3.75 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 37.1 ของมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจของประเทศ จากการศึกษาของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ภายใต้โครงการจัดทำตารางปัจจัยการผลิตและผลผลิตของ SMEs (SME I/O Table) พบว่า โครงสร้างต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านแรงงานและเงินเดือน ของ SMEs เฉลี่ยคิดเป็นร้อยละ 16.2 ของต้นทุนปัจจัยการผลิตทั้งหมด ดังนั้น หากค่าจ้างแรงงานขั้นต่อเพิ่มขึ้นร้อยละ 1 จะส่งผลให้ต้นทุนค่าใช้จ่ายด้าน แรงงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.16 ซึ่งผลจากการปรับค่าจ้างแรงงานครั้งล่าสุดตาม มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2554 ที่ผ่านมา มีการปรับค่าจ้างแรงงาน สูงขึ้นโดยเฉลี่ยร้อยละ 1.03 โดยเหตุผลในการปรับเพิ่มมี 2 ประการ คือ ช่วย ให้แรงงานรอดพ้นจากความยากจนที่รุนแรง และมีรายได้ใกล้เคียงกับค่าใช้จ่าย ตามอัตภาพ และช่วยให้แรงงานมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่ เติบโต ซึ่งปัจจุบันค่าจ้างแรงงานขั้นต่อเฉลี่ยเท่ากับ 175.8 บาท/วัน ดังนั้น นโยบายการขึ้นค่าแรงงานขั้นต่อเป็น 300 บาท/วัน เท่ากัน ทั่วประเทศ จึงส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจ SMEs อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้โดย กทม. ซึ่งมีการจ้างงานรวมทั้งสิ้น 3.3 ล้านคน หากมีการขึ้นค่าแรงเป็น 300 บาท/ วัน จะทำให้ธุรกิจ SMEs มีค่าแรงงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 39.5 และ ต้องแบกรับต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านแรงงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.4 และเมื่อพิจารณา ถึงจังหวัดหลัก ๆ ที่มีการจ้างงานในระดับสูงพบว่า ร้อยเอ็ด และขอนแก่น เป็น จังหวัดที่จะมีการปรับขึ้นของค่าจ้างแรงงานและต้นทุนสูงที่สุด รองลงมาคือ อุดรธานี และอุบลราชธานี ขณะที่ภูเก็ต เป็นจังหวัดที่จะมีการปรับขึ้นของค่าจ้าง แรงงานและต้นทุนต่ำที่สุด (รายละเอียดตามตาราง)
เมื่อพิจารณาเป็นรายสาขาธุรกิจ (คิดค่าเฉลี่ยทุกรายสาขาธุรกิจมีการจ่ายค่าจ้างขั้นต่ำ 215 บาท/วัน การปรับค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 300 บาท/วัน ส่งผลให้ค่าแรงเพิ่มขึ้นร้อยละ 39.5) พบว่า ธุรกิจที่มีการใช้แรงงานเป็นจำนวนมากต้องแบกรับภาระต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น ภาคการผลิต ธุรกิจที่จะมีต้นทุนเพิ่มขึ้นในระดับสูง ได้แก่ ธุรกิจผลิตเฟอร์นิเจอร์หวาย เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.2 รองลงมา คือ ธุรกิจผลิตพลอยเจียรไน เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.6 ธุรกิจผลิตเครื่องนุ่งห่มและผลิตเครื่องกระเป๋าหนัง เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.3 ธุรกิจผลิตเฟอร์นิเจอร์ไม้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.8 และธุรกิจการฟอกย้อมพิมพ์ลายผ้า เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.5 ภาคบริการ ธุรกิจที่จะมีต้นทุนเพิ่มขึ้นในระดับสูง ได้แก่ ธุรกิจโรงแรม เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.0 รองลงมาคือ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างบ้าน และ ธุรกิจการขนส่งทางบก เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.8 และ 8.0 ตามลำดับ อย่างไรก็ดี นโยบายดังกล่าวจะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการ SMEs และผู้ใช้แรงงาน โดยในส่วนของผู้ใช้แรงงานจะมีรายได้เพิ่มขึ้นส่งผลให้มีกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้น ผู้ประกอบการ SMEs จะปรับตัวหันมาใช้ความรู้และฝีมือในการประกอบธุรกิจมากขึ้น ให้ความสำคัญกับการจ้างแรงงานที่มีความรู้และมีประสบการณ์มากขึ้น เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและผลิตภาพแรงงาน ซึ่งเป็นผลดีต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะต่อไป นอกจากนี้การปรับเพิ่มค่าจ้างยังเป็นไปตามแนวโน้มของประเทศที่จะต้องปรับเพิ่มค่าจ้างแรงงานอยู่แล้วเนื่องจากอยู่ในภาวะขาดแคลนแรงงานทั้งระดับไร้ฝีมือและมีฝีมือ ในขณะที่ผู้ประกอบการจะมีต้นทุนเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ราคาสินค้าและบริการมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ภาวะเงินเฟ้อจากต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นอาจกดดันให้ผู้ประกอบการหันไปใช้เครื่องจักร หรือแรงงานต่างด้าวทดแทน สสว. เห็นว่าเพื่อลดผลกระทบจากการปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาท/วัน อาจพิจารณาดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไปในกลุ่มที่มีความพร้อมก่อน เช่น ผู้ประกอบการที่จำเป็นต้องใช้แรงงานกึ่งฝีมือหรือมีประสบการณ์ ขณะเดียวกันต้องมีการดำเนินมาตรการส่งเสริม สนับสนุนภาคธุรกิจ SMEs ในด้านต่างๆ ที่ชัดเจน เช่น ที่ประเทศสิงคโปร์ซึ่งมีอัตราค่าจ้างแรงงานอยู่ในระดับสูง รัฐบาลสิงคโปร์ได้ให้เงินสนับสนุนแบบให้เปล่าแก่ SMEs ที่มีศักยภาพ เพื่อลดอุปสรรคที่เกิดขึ้นจากอัตราค่าจ้างแรงงาน เป็นต้น รวมทั้งการสนับสนุนการเพิ่มประสิทธิภาพแรงงาน โดยจัดการอบรมเฉพาะทางให้กับธุรกิจแต่ละสาขาสำหรับลูกจ้างรายเดิม หรือการอบรมเตรียมความพร้อมให้กับแรงงานรายใหม่ ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญที่จะได้รับผลกระทบจากนโยบายดังกล่าว สามารถดำเนินธุรกิจอยู่ได้อย่างสมดุลและยั่งยืน เป็นรากฐานของระบบเศรษฐกิจไทยต่อไป ขอขอบคุณข้อมูล สสว. www.sme.go.th |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
Walk Rally (Team Synergy) | ||
![]() |
||
กิจกรรม Walk Rally 082 823 9441 |
||
View All ![]() |
5 ลักษณะธุรกิจที่กระทบหลังโควิด 19 ปรับตัวทำอย่างไรให้อยู่รอด | ||
![]() |
||
จากสถานการณ์โควิด-19 ...หลายกิจการได้รับผลกระทบโดยตรงและโดยอ้อมแบบไม่ทันได้ตั้งตัว จากแผนงานหรือกลยุทธ์ที่ได้กำหนดไว้เมื่อต้นปี ก็อาจไม่สามารถบรรลุได้ตามแผน หากไม่ปรับตัวยิ่งต้องได้รับผลกระทบมากยิ่งข |
||
View All ![]() |
<< | กรกฎาคม 2011 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | |||||
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 |