*/
<< | กันยายน 2016 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | ||||
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
ฝนหนาหนักพรางพรมลงมาเปียกปอนทั้งตัว ปากเขียวคล้ำ ฝ่ามือขาวซีด ผ้าเช็ดหน้าที่เตรียมไว้ซับเหงื่อเปียกชุ่มโชกไปด้วยฝน รองเท้าถุงเท้าชุ่มช่ำซับน้ำหนักอึ้ง ฝนยังคงกระหน่ำไปตลอดเส้นทางอันยาวไกล ผมเคยเผชิญกับแดดกล้าลมแรง แต่ไม่เคยเผชิญกับสภาวะฝนฟ้าตกกระหน่ำลงมาอย่างนี้ แต่แล้วเสื้อผ้ารองเท้าถุงเท้าก็ค่อยๆเหือดแห้งเพราะแดดกล้ามาโลมเลีย มีใครบ้างไหมที่ไม่เคยล้ม น้อยมากที่ไม่เคยล้ม แต่เมื่อล้มแล้วก็ลุกขึ้นมาใหม่ ล้มแล้วล้มอีกจนแข้งขาถลอกปอกเปิก หัวเข่าฟกช้ำ ต้องเป็นอย่างนี้เสียสองสามวัน กว่าจะจับมันให้เชื่องอยู่ในบังคับบัญชาเราได้ เมื่อมันเชื่องแล้ว ตัวเราก็จะโยเย้โยกเยกโอนเอนไปตามสภาพของแรงถีบ เพราะมันใหญ่เกินกว่าที่เราจะรักษาสมดุลได้ดี ที่กล่าวมานั่นคือการหัดปั่นจักรยานเมื่อสามสิบสี่สิบปีก่อน ทุกคนต้องล้มแต่เมื่อล้มแล้วก็ลุกขึ้นมาใหม่ เกือบทุกคนก่อนที่จะตัดสินใจหัดปั่นจักรยานต้องมีความกลัว กลัวเจ็บ กลัวล้ม กลัวพ่อแม่ดุ กลัวสารพัดกลัว ทุกๆอย่างในชีวิตหากว่าเรากลัวมักจะไม่ประสบความสำเร็จ ความกลัวความกังวลจึงบั่นทอนความสำเร็จของมนุษย์ ก่อนจะหัดปั่นจักรยานในช่วงวัยเด็กนั้นตัดสินใจแล้วว่าเป็นไงเป็นกัน เจ็บไม่เท่าไหร่ก็หาย สนามหญ้าในหมู่บ้านที่เป็นเนินสูงลาดลงต่ำ เราตั้งต้นกันตรงนั้น ค่อยๆปล่อยจักรยานให้ไหลลงตามแรงโน้มถ่วงมือบังคับแฮนด์รถให้นิ่ง รักษาสมดุลของน้ำหนักให้ดี เมื่อสิ้นแรงโน้มถ่วงหมดทางลาดสู่ทางเรียบซึ่งเป็นสนามหญ้าพื้นราบการทรงตัวที่ยังไม่ค่อยดี ความเร็วของรถจักรยานลดลง รถจักรยานก็ค่อยๆล้ม หรือบางครั้งรถจักรยานพุ่งลงเร็วเกินไปเพราะแรงผลักของเพื่อน เรายังไม่ทันตั้งตัวล้มเสียตั้งแต่เพิ่งลงทางลาด แต่เมื่อคุ้นชินสามารถบังคับรถได้บ้างแล้วความยินดีก็ปรากฎ เราก็ทำซ้ำแล้วซ้ำอีกจนเกิดความชำนาญ หลังจากนั้นเราก็ชวนกันไปปั่นรอบๆหมู่บ้าน เป็นความสุขอย่างเปรมปรีด์ พอปีกกล้าขาแข็งก็ชวนกันไปปั่นในตลาด สร้างความทุกข์ความกังวลให้กับพ่อแม่ เมื่อโตขึ้นหน่อยจักรยานก็เป็นเพื่อนไปจีบสาวในตลาด นั่นคือความสุขอีกแบบหนึ่งของเด็กๆต่างจังหวัดที่มีสภาพแวดล้อมเต็มไปด้วยธรรมชาติ ชีวิตความเป็นอยู่ที่แสนเรียบง่าย มีความสัมพันธ์ที่ดีกันระหว่างเพื่อนบ้าน ปัจจุบันการหัดปั่นจักรยานผิดไปจากแต่ก่อนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เด็กๆไม่ต้องหกล้มหัวเข่าถลอก ใบหน้าไม่ต้องฟกช้ำ เพราะมีจักรยานคันเล็กๆสี่ล้อให้ฝึกหัด ฝึกจนชำนาญรู้จักควบคุมการปั่นการเลี้ยวได้แล้วก็ค่อยถอดล้อค้ำยันด้านขาวหรือด้านซ้ายออก เมื่อมีความมั่นใจแล้วก็ค่อยถอดล้อที่เหลืออีกข้างหนึ่งออก จนกระทั่งนั่งปั่นสองล้ออย่างชำนาญ ปั่นหัวปักหัวปำจนพ่อแม่ต้องคอยระวังกลัวลูกจะเกิดอุบัติเหตุ เราเป็นผู้ใหญ่เมื่อยามที่นั่งมองเด็กๆตัวเล็กๆก็ยังหวั่นๆว่าจะเกิดอุบัติเหตุเช่นกัน ไปปั่นจักรยานเชื่อมความสัมพันธ์ไทย-มาเลเซียไหมค๊ะ ผู้จัดการสาว ธกส.จากย่านตาขาวแจ้งมา พร้อมส่งโปรแกรมมาให้ดู ในใจคิดว่ามันน่าสนใจจริงๆ ลองไปปั่นดูดีไหม เส้นทางคงสวยงามเต็มไปด้วยความร่มรื่นของธรรมชาติรายการดีๆแบบนี้คงไม่เหนื่อยมากหรอกปั่นกันสบายๆไม่รีบร้อน เพราะปั่นกันกลุ่มใหญ่หลายร้อยคน ใช้เวลาตัดสินใจไม่กี่วันก็ตอบรับว่าไปปั่นด้วย ส่งเอกสารการสมัครไปให้น้องเขาดำเนินการ ผู้จัดการสาวยังแจ้งด้วยว่ามีเพื่อนร่วมทีมด้วยมาจากเชียงใหม่เคยปั่น 150 กิโลเมตรมาแล้ว ใจเราก็หวั่นๆเจอแต่นักปั่นตัวจริงทั้งนั้น ผมก็ต้องฝึกซ้อมบ้างซิ อย่างน้อยๆก็ไม่ต้องให้เขาคอยเป็นห่วงคอยพะวงว่าปั่นไหวไหม ระยะทางที่ปั่นไม่ใช่น้อยๆ รวมทั้งเส้นทางแล้ว 170 กิโลเมตรเชียวนะ ผู้จัดการสาวจาก ธกส. จากวันที่ตอบรับจนถึงวันที่จะต้องปั่น ระยะเวลาเพียงสามเดือน ดูเหมือนไม่นานแต่ก็ไม่เร็วเกินไปนัก ผมฝึกซ้อมเพียงเบาๆสัปดาห์ละสามวันบ้างสองวันบ้างตามแต่โอกาสที่จะอำนวย ปั่นทางเลียบบ้าง ขึ้นเขาบ้าง สลับกันไป ปั่นเอากำลังขาโดยขึ้นเขาคอหงส์ โปรแกรมดูดีมาก บ่ายสองโมงกว่าๆของวันที่ 2 กันยายน รถกะบะมาจอดหน้าบ้าน รถจักรยานของผมพร้อมแล้วที่จะนำขึ้นไปเอกเขนกบนรถกะบะคันนั้น สัมภาระเสื้อผ้าสำหรับการปั่นครั้งนี้นอนสงบอยู่ในกระเป่าใบเขื่องพร้อมที่จะใช้งานในช่วงเย็นของวันนี้และวันต่อๆไปอีกสองวันก็ไปอยู่ในรถ ผมพร้อมแล้วที่จะปั่น หัวใจผมลอยล่องไปอยู่ที่ด่านนอก อ.สะเดา ผมจะได้ปั่นแล้วหลังจากที่ฝึกซ้อมมาหลายวัน รถกะบะมุ่งหน้าไปทางทิศใต้ โดยมีระยะทางถึงจุดหมายปลายทางประมาณ 60 กิโลเมตรต้องผ่านไฟเขียวไฟแดงมากมายนับสิบๆป้อม สี่โมงเศษเราก็ถึงที่พักเพื่อเตรียมตัวปั่นในวันพรุ่งนี้ ถึงทีพักเช็คอินและทำการลงทะเบียนตามที่ได้สมัคร เรียบร้อยแล้วก็เข้าห้องพัก แต่เย็นนี้เรามีกำหนดการเพื่อปั่นไปชมหลักหมุดประวัติศาสตร์สมัยรัชกาลที่ ๕ ผมพร้อมแล้วที่จะออกไปปั่นเพื่อวอมร์มร่างกาย ลงทะเบียน ได้เวลาแล้วที่เราจะออกไปปั่นเพื่อวอร์มร่างกายสำหรับวันพรุ่งนี้ เราออกไปปั่นเพื่อไปยังหลักหมุดประวัติศาสตร์สมัยรัชกาลที่ ๕ ระยะทางไปกลับประมาณ 10 กิโลเมตร ขากลับเราแวะชม Jurassic world Dinosaur park ทีมนักปั่นที่เคยร่วมรายการของเนชั่น หลักหมุดประวัติศาสตร์สมัยรัชกาลที่ ๕ เส้นทางระหว่างชายแดนไทยและมาเลเซียที่เพิ่งตัดใหม่ เพื่อความสะดวกในการค้าระหว่างชายแดน ไดโนเสาร์ มักทำให้เด็กๆตื่นเต้นและกระตุ้นความอยากรู้อยากศึกษา ภาพยนต์จูราสสิค พาร์ค ที่เข้ามาฉายในไทยเมื่อปี 2536 ทำให้เด็กๆหรือว่าผู้ใหญ่อยากเข้าชมอยากศึกษาอยากดูความสนุกตื่นเต้น อยากดูการผจญภัยในโลกยุคจูราสสิค ผมก็เช่นเดียวกันที่ไม่พลาดกับการชมภาพยนต์เรื่องนี้ เมื่อภาพยนต์เรื่องนี้ฉายไปแล้วทำให้ธุรกิจเกี่ยวกับไดโนเสาร์เกิดขึ้นอย่างหลากหลาย พวกเรานักปั่นทั้งหลายเมื่อปั่นมาถงที่นี้ก็ไม่พลาดที่จะเข้าไปชมไปสัมผัสแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของภาคใต้ อยู่ติดชายแดนไทย แหล่งท่องเที่ยวที่กำเนิดขึ้นนี้วัถตุประสงค์หลักเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย เท่าที่สังเกตุดูก็มีนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียเข้ามาชมกันมากทีเดียว เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเหมาะกับครอบครัว ผมก็ไม่พลาดที่จะถ่ายภาพให้ติดไดโนเสาร์ เจ้าไทรันโนซอรัส (T.rex) อ้าปากหมายจะขย้ำผู้จัดการสาว คามาราซอรัส เจ้ายักษ์ใหญ่ใจดี วันที่ 3 กย.59 ตั้งแต่เช้ามืดทุกคนต่างก็คึกคักออกจากห้องพักกันเกือบจะพร้อมๆกัน เช้านี้มีนักปั่นมารวมตัวกันร่วมหกร้อยคน ทำให้บริเวณโรงแรมที่พักเต็มไปด้วยสีสันของเสื้อผ้าของนักปั่น ดูละลานตาไปหมดใครเป็นใครแทบจะจำกันไม่ค่อยได้ ทุกคนพร้อมแล้วที่จะปั่นไปสู่จุดหมาย Alor Setar ระยะทาง 70 กิโลเมตร หลังจากทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาตามที่กำหนดเราปั่นจากที่พักไปที่ด่านเพื่อทำเรื่องผ่านแดน แล้วเราก็รวมตัวกันอีกครั้งที่ชายแดนมาเลเซีย เพื่อรอพิธีเปิดเป็นทางการของมาเลเซียในกิจกรรมปั่นเชื่อมความสัมพันธ์ไทย-มาเลเซีย ปั่นไปด่านมาเลเซียเพื่อดำเนินการเรื่องผ่านแดน สีสันนักปั่นจากนครศรีธรรมราชหลังจากผ่านด่านมาเลเซีย เท่ห์ๆกับตำรวจทางหลวงมาเลเซีย ตม.สาวไทยขวัญใจของนักปั่น พร้อมแล้วสำหรับการปั่น เราเริ่มต้นปั่นกันที่ชายแดนมาเลเซีย ในระยะเริ่มต้นเส้นทางเต็มไปด้วยธรรมชาติ ขึ้นเนินลงเนินสูงๆต่ำๆที่ไม่ชันมากนัก ปั่นกันสบายๆซึ่งไม่หนักหนาอะไร แต่เมื่อพ้นเขตธรรมชาติออกสู่ถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ของเขา ความร้อนของแดดก็เพิ่มขึ้นดีกรีความร้อนถึงขีดเดือดทำให้หลายๆคนอ่อนระโหย ประกอบกับไม่มีจุดพักให้น้ำ นักปั่นบางคนมีน้ำมาเพียงขวดเดียวแต่ก็ซดซะหมดตั้งแต่ปั่นได้ระยะทางไม่เท่าไหร่ เพราะคิดว่าระหว่างทางมีจุดให้น้ำ เส้นทางธรรมชาติ ทิ้งระยะกันเพราะแรงไม่เท่ากัน น้อง Bee อดีตเคยร่วมงานสถาบันเดียวกัน เจอกันโดยบังเอิญขณะหยุดรอเพื่อนร่วมก๊วน ถึงจุดที่พัก 10 โมงครึ่ง เล่นเอาแทบแย่ไปตามๆกัน เพราะแดดแรงประกอบกับความร้อนที่ปะทุขึ้นมาจากถนน ทำให้เหนื่อยล้าและกระหายน้ำกันสุดๆ ระยะทางที่ปั่นมาปาเข้าไป 40 กิโลเมตรเข้าไปแล้ว ไม่ได้หยุดพักกันเลย
ถึงจุดพักด้วยความระโหยโรยแรง กับรองนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองสะเดา ที่ใจดีซื้อสปอนเซอร์ให้ดื่มดับกระหาย พร้อมเงาะสดๆจากต้น เราหยุดพักร่วมห้าสิบนาที หลังจากพักเหนื่อยดื่มน้ำทานขนมนิดหน่อยเราก็ปั่นกันต่อ ระยะทางช่วงนี้เต็มไปด้วยเปลวแดดยามใกล้เที่ยง ความอ่อนล้าถาโถมเข้าสู่นักปั่นทั้งรุ่นเยาว์และรุ่นใหญ่ รวมเวลาในการปั่นระยะนี้อีกร่วมสองชั่วโมง นักปั่นก็ทอยกันถึงจุดหมายปลายทางนั่นคือหอคอย Alor Setar Tower Alor Setar Tower สัญญลักษณ์ของเมือง
ใกล้ค่ำเรามีนัดปั่นรอบเมือง สถานที่นัดหมายคือลานหน้ามัสยิด เธอบินตรงมาจากอเมริกาเพื่อปั่นงานนี้โดยเฉพาะ 4 กันยายน 2559 หลังอาหารเช้าถ่ายภาพกับทีมนักปั่นจากตรัง ไปรวมตัวกันที่ Alor Setra Tower ได้เวลานักปั่นก็เริ่มสตาร์ทออกจากจุดรวมตัว โดยมีตำรวจราจรมาเลเซียอำนวยความสะดวก สส.รัฐเคดาห์ มาต้อนรับพร้อมทั้งเลี้ยงอาหาร เราเดินทางกันต่อ เหลือระยะทางอีกราวๆ 40 กิโลเมตร
บางครั้ง ฟ้าใจดีบอกใบ้ว่าพายุกำลังจะมา แต่บางคราฟ้าซ่อนอารมณ์ไม่ไหว ปล่อยให้น้ำตาไหลเป็นสายฝนในวันแดดสวย หากไม่มีร่มไม้ใบบังคงต้องเปียกปอนไป หลายครั้งในชีวิต เราไม่ได้เตรียมเสื้อกันฝนหรือกางร่มไม่ทัน ...................... เราเริ่มหวั่นใจ เมื่อเห็นท้องฟ้าใสสดแปรเปลี่ยนในพริบตาเป็นเทาทึม ครึ้มไปด้วยเมฆฝนมาแต่ไกล จะรอดไหมเนี้ย ( จากหนังสือ นับหนึ่งใหม่ ไม่เป็นไร โดยปะการัง )
ฝนหนาหนักพรางพรมลงมาเปียกปอนทั้งตัว ปากเขียวคล้ำ ฝ่ามือขาวซีด ผ้าเช็ดหน้าที่เตรียมไว้ซับเหงื่อเปียกชุ่มโชกไปด้วยฝน รองเท้าถุงเท้าชุ่มช่ำซับน้ำหนักอึ้ง ฝนยังคงกระหน่ำไปตลอดเส้นทางอันยาวไกล ผมเคยเผชิญกับแดดกล้าลมแรง แต่ไม่เคยเผชิญกับสภาวะฝนฟ้าตกกระหน่ำลงมาอย่างนี้ แต่แล้วเสื้อผ้ารองเท้าถุงเท้าก็ค่อยๆเหือดแห้งเพราะแดดกล้ามาโลมเลีย
ขอความสวัสดิภาพจงมีแด่ทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |