*/
<< | กันยายน 2016 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | ||||
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
ถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่าง! ถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่าง! ถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่าง! เมื่อได้ยินวลีนี้ทุกคนคงทราบว่าหมายถึงอะไร หมายถึงการรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นคำเสียดสีที่กลายเป็นคำตลกร้ายที่ผู้บริหารการรถไฟยังยิ้มรับ แต่เป็นวลีที่ทำให้ชาว ค.ร.ฟ.ปวดใจมาก พวกเราชาว ค.ร.ฟ.ส่วนใหญ่ชื่นชอบการเดินทางด้วยรถไฟ เพราะเรามีสิทธิได้นั่งรถไฟฟรีในแต่ละปี ๒ ครั้ง ตลอดทุกเส้นทาง เมื่อได้ยินวลีนี้เมื่อไหร่ทำให้เศร้าหมองจิตตก มันจึงเกิดคำถามขึ้นมาในใจว่าทำไม่ถึงเป็นเช่นนี้ ร้อยปีที่ผ่านมามันเหมือนกับว่าไม่ได้พัฒนาอะไรเลย ที่พัฒนาขึ้นหน่อยก็คือการซื้อตั๋วในระบบออนไลน์ แต่ก็ใช้ได้ไม่นานเพราะยกเลิกไปแล้ว ในทางตรงข้ามผู้โดยสารอย่างผมได้พัฒนาขึ้นมากจากเคยนั่งรถไฟชั้น ๓ สมัยต้องไปเรียนหนังสือที่บางกอก ต่อมาค่อยๆพัฒนาขึ้นมานั่งรถไฟชั้น ๒ นั่ง และขยับขึ้นเป็นรถชั้น ๒ นอน เมื่อเร็วๆนี้มีการส่งภาพเปรียบเทียบรถไฟของไทยกับมาเลเซีย ทำให้ผู้บริหารการรถไฟออกมาแก้ตัวกันอุตลุดพร้อมทั้งชี้แจงข้อเท็จจริง และพูดคล้ายกับว่าคนลงภาพเปรียบเทียบดูหมิ่นดูแคลนการรถไฟของไทย ไม่มีความรู้เรื่องการบริหารการรถไฟ ทั้งๆที่เป็นความจริงที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ เท่าที่ได้สัมผัสตั้งแต่ใช้บริการมาเมื่อครั้งสามสี่สิบปีก่อนจนปัจจุบันมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ ภาพจาก ทีม พีอาร์ การรถไฟแห่งประเทศไทย จะถามว่าเข็ดหลาบไหมกับการใช้บริการรถไฟของไทยไหม ในบางอารมณ์ก็ทำให้หงุดหงิดหัวใจเป็นอย่างยิ่ง ปัญหาที่ซ้ำๆซากๆแต่แก้ไขไม่ได้ ไม่รู้ว่าเขาบริหารเวลายังไง ทั้งๆที่รู้ปัญหา รู้สาเหตุของปัญหา แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ แต่ในบางอารมณ์ก็อยากจะนั่งในเมื่อชีวิตของเราไม่ได้เร่งรีบจะต้องไปทำธุรกิจหรือทำอะไรที่ต้องเร่งด่วนเหมือนนักธุรกิจพันหมื่นล้าน จะอย่างไรก็ตามผมก็ยังมีใจโอนเอียงที่จะใช้บริการการรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นเพราะเรามีความรู้สึกผูกพัน ผมยังเฝ้ารอให้รถไฟไทยพัฒนาไปตามแผนที่ได้วางไว้ ผมยังรอที่จะใช้บริการการรถไฟที่ทันสมัย สะดวก รวดเร็ว ตู้โดยสารใหม่ที่จะเริ่มให้บริการ 4 เส้นทางในเดือนตุลาคม (ภาพจากทีม พีอาร์ การรถไฟแห่งประเทศไทย) เย็นวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๙ กระเป๋าสัมภาระของ พวกเรา ๖ คน ก็อยู่บนรถไฟสายบัตเตอร์เวิร์ธ-กรุงเทพฯ จุดหมายปลายทางของเราอยู่ที่เพชรบุรี รถไฟยังออกช้าตามปกติ ตามเวลาจะออกเวลา ๑๘.๔๕ น. แต่ก็ออกเวลา ๑๙.๒๐ น. จากต้นทางสถานีปาดังเบซาร์(ในประเทศไทย) รถมาถึงหาดใหญ่ก็เสียเวลาไปแล้ว ๓๕ นาที แล้วปลายทางสถานีที่เราจะลงจะเสียเวลาอีกสักเท่าไหร่ พอจะเดาได้ว่ากี่นาทีหรือกี่ชั่วโมง จะว่าไปแล้วการนั่งรถไฟก็เหมือนได้ฝึกธรรมะ ฝึกความอดทนอดกลั่น ฝึกจิตสมาธิ ทำใจให้ปลอดโปร่ง การถึงจุดหมายปลายทางตรงเวลาถือว่าเป็นเรื่องของความฝัน แต่ปัจจุบันคือความล่าช้า ฟ้ามืดค่ำ ขบวนรถไฟค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากสถานี ได้ยินเสียงล้อบดไปบนรางเหล็กเพียงเบาๆ ขบวนรถไฟโยกไปตามจังหวะของรางที่บางช่วงคดโค้ง ซ้ายบ้างขวาบ้าง ชั่วโมงเศษแล้วที่รถไฟออกจากสถานีหาดใหญ่ สถานีต่อไปนี้คือสถานีพัทลุงที่รถไฟจะหยุดรับผู้โดยสาร รถไฟค่อยๆชลอความเร็วจนจอดสนิทเรามองออกไปนอกหน้าเห็นผู้โดยสาร ๓ คนกำลังรออยู่ แล้วสัมภาระของเขาเหล่านั้นก็ทยอยขึ้นสู่ขบวนรถไฟ เขามาสมทบกับพวกเราเพื่อจะไปเพชรบุรีด้วยกัน ฟ้าสางแล้ว ขอบฟ้าด้านตะวันออกปรากฏแสงสว่างเรือง อีกประเดี่ยวเดียวคงจะถึงหัวหิน ทุกคนตื่นแล้วทุกคนผ่านเวลาพักผ่อนบนที่นอนบางๆที่ยุบจนเป็นแอ่งกระทะ เวลานอนก็คอยขยับพลิกซ้ายบ้างขวาบ้างเพราะความเมื่อยขบ ถึงแม้ที่นอนจะเป็นอย่างนั้นก็ยังมีผู้โดยสารหลายคนที่มีความสุขดื่มด่ำกับการนอนส่งเสียงกรนสนั่นลั่นตู้โดยสาร สถานีหัวหินเป็นสถานีที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของความเป็นไทย อาคารเป็นสถาปัตยกรรมที่ได้รับอารอนุรักษ์ กาแฟร้อน ชาร้อนพร้อมปาท่องโก๋ ยังคงอยู่คู่กับสถานีรถไฟหัวหินไม่ว่าจะผ่านไปกี่สิบปีแล้ว ผมยังคงชื่นชอบความเร่งรีบในการซื้อการขายของผู้โดยสารและพ่อค้าแม่ค้าอยู่ทุกวันนี้ เพราะให้ความรู้สึกตื่นเต้น ต้องเอาใจช่วยทั้งผู้โดยสารและพ่อค้าแม่ค้าว่าจะซื้อขายทันเวลาไหมในเมื่อรถไฟกำลังเคลื่อนตัวออกไป ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายต้องยอมรับความเสี่ยงที่เกิดขึ้น คือคนขายจะทอนเงินให้ผู้โดยสารทันไหม...รถไฟกำลังเคลื่อนตัวออกแล้วทิ้งความสวยงามของสถานีไว้เบื้องหลัง แต่ความทรงจำยังคงอยู่ ลงไปถ่ายรูปเป็นที่ระลึก เมื่อรถจอดที่สถานี ๐๗.๒๖ น. ตามเวลาในทิกเก็ตที่แจ้งไว้รถไฟจะถึงเพชรบุรี แต่นี่เพิ่งจะออกจากหัวหิน คำนวณเวลาในใจราวๆอีกชั่วโมงคงจะถึง ใจไม่รุ่มร้อนนั่งชมต้นไม้ชมทุ่งนาเขียวสดไปตามเส้นทาง เพชรบุรี จังหวัดที่มีประวัติความเป็นมาที่น่าศึกษา เป็นเมืองที่เคยรุ่งเรืองมาตั้งแต่สมัยโบราณ มีวัดเก่าแก่และบ้านเรือนทรงไทยที่ยังปรากฏหลงเหลืออยู่อีกจำนวนมาก แก่งกระจานเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวมักปักหมุดไว้เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวว่าต้องไปสักครั้ง แก่งกระจานมิใช่จะหมายถึงเขื่อนแก่งกระจานเพียงอย่างเดียว ยังมีอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน พะเนินทุ่ง บ้านกร่างแคมป์ ที่เรานั่งรถไฟมากันครั้งนี้เราจะไปไหนกันบ้าง ไปทุกที่ที่กล่าวมา เราจะแวะไปเขื่อนแก่งกระจาน จะไปดูนกที่บ้านกร่าง จะไปชมทะเลหมอกและดูนกที่พะเนินทุ่ง รถไฟเสียเวลาไปร่วมชั่วโมง โจ๊ะผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านกับลูกน้องที่เรานัดหมายไว้เอารถมารับ ๒ คัน เราแวะไปทานอาหารเช้ากันในตัวเมือง แล้วก็ออกเดินทาง เราแวะเขื่อนแก่งกระจาน เพราะครั้งนี้เราตั้งใจไว้มากว่าจะต้องแวะเขื่อนแก่งกระจานให้ได้ เราไปดูนกที่บ้านกร่างนับสิบครั้งไม่เคยแวะเลยสักครั้ง ครั้งนี้ไม่ขอพลาด เขื่อนแก่งกระจานเป็นเขื่อนดินกั้นแม่น้ำเพชรบุรี นกปรอดสวน ( Streak-eared Bulbul ) ป่าหลังฝนเย็นชุ่มช่ำ ต้นไม้ใหญ่ๆชูใบแข่งขันกันอวดความเขียวสด เส้นทางที่เข้าไปยังอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานตัดผ่าผืนป่า เมื่อหันหลังกลับมามองเส้นทางรถยนต์เหมือนกับงูยักษ์เลื่อยผ่านป่าทำให้เกิดเส้นทางราบเรียบเป็นทางยาวไม่รู้จบ บางช่วงเป็นเนินสูงที่ต้องไต่ขึ้นไปแม้ไม่ชันนักแต่รถก็ต้องปรับเปลี่ยนเกียร์เพื่อเพิ่มกำลังฉุด บางช่วงคดโค้งไปตามแนวป่าริมขอบเนินเขา ต้นไม้ทุกต้นสดชื่นรอรับน้ำฝนน้ำค้างที่หล่นมาจากฝากฟ้า ถึงแม้จะสายแล้วแต่หมอกยังลอยเอื่อยอ้อยอิ่งอยู่ตามยอดไม้ บางช่วงบางตอนของเส้นทางลอยเรียดตามทุ่งหญ้า เส้นทางคุ้นเคยยังกับว่าเราจะจำต้นไม้หนองบึงคดโค้งได้เกือบหมดทั้งเส้นทาง ด่านสามยอดเริ่มต้นหลักกิโลเมตรที่ 0(ศูนย์) ซึ่งเป็นด่านแรกที่เข้าเขตอุทยาน เราเริ่มเห็นต้นไม้หนาทึบขึ้น ไม่มีร่องรอยของการแผ้วถ่างเพื่อทำนาทำสวนของชาวบ้าน ผ่านเลยไปสักหน่อยเราก็พบกับต้นไม้ที่แทบจะปกคุลมเส้นทาง สวยงามจนอดที่จะยกกล้องขึ้นมาถ่ายไม่ได้ในขณะที่รถกำลังวิ่งผ่านไป และเราก็หมายตาไว้่ว่าขากลับเราต้องลงมาถ่ายภาพ ณ จุดนี้ รถผิ่งผ่าผืนป่าไปถึงกิโลเมตรที่ ๙ รถชลอความเร็วลงจนเกือบจะหยุด เราสังเกตุไปที่ต้นไม้สูงด้านขวามือ ซึ่งนักดูนกได้มาพบนกกระเต็นลาย แต่พวกเราพบกับความเงียบเหงาไม่มีใครสักคนที่มาเฝ้าดู แสดงว่านกไม่อยู่ตรงจุดนั้นแล้ว เส้นทางเข้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ขณะฝนโปรยปรายลงมารถเราก็แล่นมาถึงกิโลเมตรที่ ๑๔ เราสังเกตุเห็นรังนกที่กำลังเป็นรูปเป็นร่าง ซึ่งอยู่ระหว่างการสร้างรังเพื่อเป็นเรือนหอ เราก็รู้ทันทีว่าเป็นรังนกพญาปากกว้างท้องแดง ที่เราทราบเพราะเราเจอทุกครั้งที่เราไปแก่งกระจาน นกชนิดนี้มักทำรังอยู่ตามต้นไม้ริมถนน มันเป็นพฤติกรรมของนกชนิดนี้ ท่ามกลางฝนโปรยปรายลงมาบางๆ แต่พญาปากกว้างท้องแดงก็ไม่ย่อท้อต่อการสร้างเรือนหอ กิโลเมตรที่ ๑๕ บ้านกร่างแคมป์ เราคุ้นเคยมากกับสถานที่แห่งนี้ ลานกางเต็นท์บนผืนหญ้านุ่มเขียวสด ดูไปราวกับศิลปินได้มาวาดระบายสีให้ให้เป็นผืนพรมผืนใหญ่นุ่มนวลน่านอน แต่คืนนี้เราไม่นอนที่นี่เราจะขึ้นไปให้ถึงพะเนินทุ่งเพื่อสัมผัสบรรยากาศที่สดชื่นพร้อมกับได้ชมทะเลหมอกและนกที่หลากหลาย เกือบๆสามโมงเย็นเราก็ถึงพะเนินทุ่ง ท้องฟ้าปิดเมฆครึ้มลมกรรโชกแรง เต็นท์ที่เจ้าหน้าที่กางไว้ให้ต้องแรงลมจนเกือบจะปลิวไปตามแรงลม ความหวังที่จะได้ชมทะเลหมอกในเช้าวันพรุ่งนี้เกือบเป็นศูนย์ พะเนินทุ่งยามเย็น พะเนินทุ่งในยามค่ำคืนที่ผ่านมาเปียกแฉะด้วยสายฝนที่โหมกระหน่ำมากับสายลม พื้นที่นอนถึงแม้จะปูด้วยแผ่นรองนอนก็ยังคงอับชื้น เราหลับๆตื่นๆฟังเสียงสายฝนตั้งแต่หัวค่ำจนกระทั่งรุ่งสาง เช้านี้อากาศยังขมุกขมัว แต่บางช่วงเวลาฟ้ายังมีเมตตาเปิดให้เราได้เห็นแสงสีสดใสของฟ้าบ้าง เช้านี้บนพะเนินทุ่งเต็มไปด้วยเด็กนักเรียนที่มาทัศนศึกษา ตรงจุดชมวิวทะเลหมอกผู้คนจึงเนืองแน่น จากจุดชมวิวทะเลหมอกเราเดินไปยังที่พักรับรองโดยหวังว่าจะเจอนกกกบินผ่านขุนเขา ปีกสีเหลืองตัดกับขุนเขาสีเขียวจะเป็นภาพที่สวยงามมาก เรารออยู่นานจนกระทั่งต้องกลับ ระหว่างทางที่เดินลงไปหวังว่าจะเจอกะเต็นลายที่เคยเจอมาครั้งหนึ่งเมื่อห้าปีก่อน แต่ไม่เจอ เรากลับพบบรรยากาศที่อึกทึกของนักเรียนราวๆ ๓๐๐ คน ที่นำเสบียงเดินขึ้นไปหาที่นั่งกิน นกระวังไพรปากเหลืองก็เช่นเดียวกัน ผมไม่พบมาหลายปีแล้ว เจอเพียงสองครั้งตั้งแต่มาดูนกที่แก่งกระจานครั้งแรกๆ ครั้งนี้มาเจอโดยบังเอิญรู้สึกตื่นเต็นมาก เพราะนกเคลื่อนไหวตลอดเวลาประกอบกับไม่ค่อยมีแสงสว่างจึงเป็นเรื่องยากที่จะถ่ายภาพให้ได้ชัดเจน นกระวังไพรปากเหลือง ( White-browed Scimitar-Babbler ) ได้เวลาเราก็กลับลงมาบ้านกร่างแคมป์ ระหว่างทางเราแวะดูนกมาเรื่อยๆ ลงมาถึงกิโลเมตรที่ ๒๗ เราจึงหยุดเพื่อจะดูพญาปากกว้างหางยาว ช่วงนี้เป็นช่วงจับคู่ทำรัง และพฤติกรรมของเขาก็เช่นเดียวกันกับพญาปากกว้างท้องแดง ที่ชอบทำรังตามต้นไม้ริมถนน เฝ้ารอสักครู่เราไม่เจอ ระหว่างรอเราพญาปากกว้างหางยาว เราเจอนกจับแมลงที่คาดว่าน่าจะเป็นนกจับแมลงอกสีส้มเพศเมีย หลังจากนั้นจึงเดินลงมากิโลเมตรที่ ๒๖ เราเจอกับจาบคาเคราแดงที่กำลังให้อาหารลูก เราระมัดระวังเพื่อไม่ให้รบกวนนกมากเกินไป จึงเฝ้าดูห่างๆในระยะพอประมาณที่จะไม่ทำให้นกหวาดระแวง พ่อแม่นกไม่ยอมป้อนอาหารให้ลูก เขาคาบเหยื่อมาแล้วก็พยายามส่งเสียงเรียกให้ลูกออกมาจากรัง เนื่องจากลูกนกโตพอที่จะออกมาจากรังและโบยบินเพื่อหาอาหารมาช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว นับเป็นกุศโลบายที่แยบคาย จาบคาเคราแดง ( Red-bearded Bee-eater ) เรานั่งรถต่อลงมาที่ลำธาร ๓ เจอนักดูนกจำนวนมากกำลังเฝ้าดูพญาปากกว้างอกสีเงินเลี้ยงลูกอยู่บนต้นไม้สูง บริเวณนี้ยังมีนกกะเต็นน้อยสามนิ้วหลังดำ ที่นักถ่ายภาพนกกำลังรอคิวเพื่อเข้าไปถ่าย ทำให้บริเวณนี้เต็มไปด้วยนักดูนกและนักถ่ายภาพนก พญาปากกว้างอกสีเงิน ( Silver-breasted Broadbill ) นกชนิดนี้เป็นที่ชื่นชอบของทุกคน หน้าตาบุคลิกของนกดูน่ารัก สีเทาแกมขาวทำให้ดูเหมือนสีเงินยวงดูแล้วนุ่มนวลสายตา ตัวเมียสวมสร้อยคอสีขาวเหมือนกับสร้อยมุกที่ประดับบนร่างเทพี ดูแล้วน่าหลงไหล หากไปแก่งกระจานคราใดถ้าไม่เจอพญาปากกว้างอกสีเงินเหมือนกับขาดอะไรไปสักอย่าง บ่ายแก่เราลงมาถึงบ้านกร่างแคมป์ เราสั่งอาหารจานเดียวจากครัวคุณสมพงษ์หัวหน้าหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ (หน่วยบ้านกร่างแคมป์ ) ที่เรารู้จักมักคุ้นกันเป็นอย่างดี หลังจากนั้นเราก็พักผ่อนตามอัธยาศัย หลังเหนื่อยหนักกับการเดินชมนก ได้เวลาพักโดยการอ่านหนังสือ พักผ่อนได้สักครู่ เราก็ออกไปส่องนกกันต่อ เดินไปตามเส้นทางถนนยางมะตอยที่ปรับปรุงจนไร้ฝุ่น เราเจอทั้งนกพญาปากกว้างเล็กและพญาปากกว้างท้องแดง พญาปากกว้างเล็ก ( ตัวเมีย ) พญาปากกว้างเล็ก ( Black- and-Yellow Broadbill ) ตัวเมีย พญาปากกว้างเล็ก ( ตัวผู้ ) พญาปากกว้างเล็กตัวผู้และตัวเมียมีลักษณะคล้ายกันมากแตกต่างเพียงแถบดำที่กลางอกพาดเชื่อมต่อกันและไม่ต่อกันเท่านั้น ตัวผู้แถบดำเชื่อมต่อกัน ส่วนตัวเมียไม่ต่อกัน ตามทางระหว่างกิโลเมตรที่ ๑๕ ต่อเนื่องไปกิโลเมตรที่ ๑๓ จะมีพญาปากกว้างท้องแดงจับคู่ทำรังอยู่เยอะมาก ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดความสมบูรณ์ของป่าและปราศจากการล่า นกพญาปากกว้างจึงมีการแพร่พันธ์เป็นจำนวนมาก ก่อนหน้านี้สักหกเจ็ดปีที่ผ่านมา กว่าจะพบนกชนิดนี้ถือว่ายากเหมือนกัน พบบ้างเพียงเฉพาะตัวสองตัว แต่มาครั้งนี้พบเยอะมาก เด็กน้อยต่างชาติก็สนใจในการส่องนก ค่ำนี้ฟ้าโปร่งขึ้น พอดึกหน่อยฟ้าส่งเสียงครืนๆเหมือนกำลังโกรธใครสักคน ปล่อยเม็ดฝนลงมาบางๆ ลงมากระทบหลังคาเต็นท์ดังเปาะแปะๆแทบตลอดคืน ทำให้ใจคอเราไม่ค่อยสุขนัก ค่อยแต่กังวลว่าหากฝนฟ้ากระหน่ำลงมาแบบไม่ลืมหูลืมตาเราคงต้องลุกขึ้นมานั่งจับเจ่าเอาผ้าซับน้ำเป็นแน่ เพราะเต็นท์ที่เช่าจากหน่วยบ้านกร่างไม่ค่อยจะแข็งแรงและแน่นหนาเท่าไหร่ แต่โชคดีที่ฝนฟ้าไม่พิโรธ เรานอนฟังเสียงครืนครันตลอดจนรุ่งสาง เช้านี้นกกางเขนดงมาเยี่ยมทักทายถึงเต็นท์ มาจับแมลงที่หลงเหลืออยู่บนพื้นดิน นกชนิดนี้มีความคุ้นเคยกับนักท่องเที่ยวมาก ไม่ตื่นตกใจก้มหน้าก้มตาจิกแมลงโดยไม่สนใจว่าใครจะจ้องมองดูด้วยตาเปล่า ดูด้วยไบน๊อก หรือจะลั่นชัตเตอร์เสียงระรัว นกกางเขนดง ( White-rumped Shama ) นกกางเขนดง เป็นนกที่สามารถร้องเป็นท่วงทำนอง เมื่อยามที่เราเข้าป่ามักจะได้ยินเสียงนกกางเขนดงร้องอยู่ประจำเกือบทุกป่า เหมือนกับว่าป่าต้องอยู่คู่กับนกชนิดนี้ เช้านี้พวกเราก็ออกไปที่ลำธาร ๓ กันอีกครั้งหนึ่งเพื่อจะหาโอกาสไปดูกะเต็นน้อนสามนัิ้วหลังดำ เนื่องจากว่าเมื่อวานนี้มีนักดูนกนักถ่ายนกเป็นจำนวนมากที่เข้าคิวรอดู เช้านี้เราจึงไปแต่เช้า แต่เราก็ยังสายอยู่ดีเพราะมีนักถ่ายนกเข้าไปตั้งบังไพรจนแน่นหมดแล้ว โชคดีที่เราไปกับเจ้าหน้าที่ของหน่วยบ้านกร่าง ทำให้เรามีช่องที่จะเข้าไปนั่งดูได้บ้าง แต่มันก็เช้าเกินไปทำเลที่จะดูก็ไม่ดี แสงก็ไม่ดีมุมไม่ดีแต่ถือว่าได้มาดูได้มาเห็น กะเต็นน้อยสามนิ้วหลังดำ ( Black-backed Kingfisher ) กำลังคาบแมงมุมมาป้อนลูกน้อย กะเต็นน้อยสามนิ้วหลังดำ ( Black-backed Kingfisher ) กำลังคาบเหยื่อมาป้อนลูกน้อย ลานกางเต็นท์บนผืนหญ้านุ่มเขียวสด ดูไปราวกับศิลปินได้มาวาดระบายสีให้นุ่มนวลน่านอน แล้วใครจะอดใจไหวกับผืนหญ้านุ่มนวลอย่างนี้ เรากำลังจะกลับกันแล้ว ขอถ่ายภาพกับสนามหญ้าหญ้าสวยๆนุ่มๆกันหน่อย แล้วพบกันใหม่ปีหน้าเราจะมาเยี่ยมกันอีก ทั้งนกแสนสวยและเจ้าหน้าที่ที่มีมิตรไม่ตรีแสนอบอุ่น แม่มดตนนี้มีอายุหลายร้อยปี แต่มีอิทธิฤทธิทำให้หน้าตาสดใสอย่างนี้ตลอดกาล ทริปนี้เจอนกไม่มากนักแต่เต็มไปด้วยความสุข เราไม่ได้คาดหวังว่าเราจะพบนกกี่ชนิด ฝนจะตกแดดจะออก เราตัดความกังวลนั้นออกไป ปล่อยให้ใจล่องลอยไปกับธรรมชาติและผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ เราได้สัมผัสกับผู้คนรอบข้างที่มีไมตรีต่อกัน สัมผัสกับชีวิตน้อยๆของสัตว์ปีกที่โบยบินอยู่ในฝากฟ้า แต่เมื่อยามเขาบินลงเกาะกิ่งเราก็ได้เห็นเขาอย่างใกล้ชิดด้วยกล้องสองตาและกล้องถ่ายภาพที่ถ่ายภาพได้แม้จะอยู่ในระยะไกล เราจะไม่ไปรบกวนเขามากจนเกินไป เรารักษาระยะเพื่อให้เขามั่นใจว่าเขาจะปลอดภัย ซึ่งดูเขาก็มีความสุขที่เรามาชื่นชมเขา เราอยากให้เขาอยู่คู่ป่าตลอดกาล มีลูกหลานให้คนรุ่นต่อไปได้ชื่นชม ก่อนถึงด่านสามยอดเราไม่พลาดที่จะเก็บภาพสวยๆจากอุโมงค์ต้นไม้ เราตั้งใจตั้งแต่ขามาแล้วว่าวันกลับเราจะลงมาถ่ายภาพตรงนี้
ก่อนถึงสถานีรถไฟเราแวะร้านไอศครีม Swis Palazzo มีไอศครีมให้เลือกหลายอย่าง ทุกอย่างที่เราสั่งอร่อยทั้งนั้น เจ้าของร้าน(คนยืน) อัธยาสัยดีมาก เป็นกันเอง ________________________ ถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่าง! ถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่าง! ถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่าง! เพชรบุรีสถานีรัก มีใครบ้างไหมในยุคนี้ที่คิดจะนั่งรถไฟเพื่อเดินทางไปทำธุระหรือท่องเที่ยว คิดว่าน้อยกว่าน้อย นอกเสียจากเขาไม่มีทางเลือก เพราะอยู่ในจังหวัดที่ไม่มีสนามบิน ผมเคยได้ยินคนกล่าวว่าใครนั่งรถไฟโง่จัง เดี่ยวนี้ราคาตั๋วเครื่องบินไปกลับเท่ากับราคารถไฟรถทัวร์เที่ยวเดียว ใช้เวลาในการเดินทางตั้ง ๑๕ - ๑๖ ชั่วโมง ถ้าคิดตามตรรกนั้นก็นับว่าโง่จริงๆ แล้วพวกเราที่ใช้บริการรถไฟเป็นเช่นนั้นจริงไหม?
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชม
|
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |