*/
เกาะเต่า-เกาะนางยวน | ||
![]() |
||
ไปเที่ยวมาเมื่อวันที่ 21 - 24 สิงหาคม 2550 มีแต่ฝรั่งเต็มเกาะเลยครับ...... |
||
View All ![]() |
<< | ตุลาคม 2008 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | 4 | |||
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
......เมื่อวันที่ 3 - 5 ผมไปเที่ยวที่ "เก็นติ้งไฮท์แลนด์" ประเทศมาเลเซียมา....ทำให้ไม่ได้ไปต้อนรับคณะนักฟุตบอลโอเคเนชั่นที่ไปเตะกันที่ "หมู่บ้านชลลดา-บางบัวทอง" บ้านของผม....ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย...ทำยังไงได้เพราะเมียอยากไปเลยก็ต้องเอาใจเมีย...ด้วยการพาไปเที่ยวมาเลเซีย...!!! .....แรกเริ่มเดิมทีตั้งใจจะหาเพื่อนไปสักสิบคน...ก็ไปชวนคุณนฤมลภรรยาคุณอดุลย์เพื่อนผมที่เสียชีวิตไปแล้ว...หวังว่าท่านผู้อ่านที่เคยอ่านเรื่อง "เพื่อนรักที่เคารพ" เอนทรีเก่าของผมคงยังจะจำได้....คุณนฤมลเธอก็ชวนลูกๆหลานๆและเพื่อนๆ...ทีแรกก็ทำท่าว่าจะไปได้สวย.....แต่ทีหลังเกิดบ้านโน้นไปไม่ได้บ้านนี้ติดธุระขึ้นมา...ที่สุดก็ไม่มีใครไปด้วยเลย...เหลือเพียงผมกับคุณนายหมูสองคนก็เลยต้องซื้อตั๋วทัวร์ไปกันเอง....สองคืนสามวัน 2,399 บาท...!!! .....เราต้องไปแจมกับครอบครัวจากภูเก็ตซึ่งประกอบด้วยสามครอบครัวซึ่งเป็นเพื่อนกัน....มีเด็กชายเล็กๆวัยกำลังซน 3 คนรวมอยู่ด้วย...แต่ก็สร้างความสุขสนุกสนานรื่นเริงหรรษาให้กับคณะเป็นอย่างดี... .....หลังจากทำพิธีการตรวจคนเข้าเมืองขาออกของด่านฯสะเดาเรียบร้อย....เราก็มาทำพิธีการตรวจคนเข้าเมืองขาเข้ามาเลเซียที่ด่าน Bukit Kayu Hitam แล้วก็ตีรถยาวเข้าทางด่วนมอเตอร์เวย์ของมาเลเซีย มุ่งหน้าไปกัวลาลัมเปอร์ทันที...ระยะทางประมาณ 400 กม. ใช้ระยะเวลาเดินทางประมาณ 5 - 6 ชั่วโมง.... .....ระหว่างทางมอเตอร์เวย์จะมีที่พักรถเป็นระยะ...เรามาแวะจอดทานข้าวเที่ยงกันที่ที่พักรถระหว่างทางที่หนึ่ง....ป้ายที่เขียนว่า Surau (สุเหร่า)นั้นหมายถึงห้องที่ใช้สำหรับละหมาดนะครับ....ไม่ได้หมายถึงโบสถ์ที่ใช้ทำพิธีทางศาสนาที่ใหญ่โตอย่างนั้นจะเรียกว่า...มัสยิด...(Masji)...ครับ....ส่วน Tandas ก็หมายถึงห้องน้ำตามรูปนั้นเลยครับ...Gerai Makan คงเดาออกนะครับว่าหมายถึงร้านอาหาร...Gerai แปลว่าอาหาร...Makan....แปลว่ากินครับ... .....นี่แหละครับ....ผู้สร้างความหรรษาให้กับคณะทัวร์หนนี้...ซ้ายมือสุดเป็นหนุ่มน้อยที่ขี้อายสุดแล้วก็รูปหล่อสุดน้องเขาชื่อ "วัตซัน" เป็นเด็กชาวมุสลิมครับ...ส่วนหนุ่มผู้แอ๊คท่าสุดฤทธิ์สุดเดชนั่นชื่อ "อาร์ม" เป็นผู้ที่ทำให้ผมทึ่งมากในความสามารถของน้อง ไม่ว่าจะเป็นการพูดภาษาอังกฤษ และการไม่กลัวใคร รวมทั้งความซนอย่างเหลือร้าย ซึ่งก็ช่างจับคู่กันได้ดีกับหนุ่มที่ใส่หมวกที่ชื่อว่า "โอ๊ตเล็ก"....แต่แม้ทั้งคู่จะซนแต่ก็ไม่ดื้อนะครับ...พูดอะไรห้ามอะไรก็จะฟัง...อย่างนี้สิครับถึงเรียกว่าเด็กฉลาด....!!! ......ที่ร้านอาหารเราต้องเข้าคิวกันซื้ออาหารครับ...เรียกชื่ออาหารก็ไม่ถูกต้องใช้นิ้วชี้ๆเอาครับ....ก็พอทานได้ไม่ถึงกับเลวร้ายอะไร....หนักไก่เข้าไว้ก็เท่านั้น....ส่วนพ่อค้าคนนี้ขายถั่วต้มขีดละ 3 ริงกิตหรือ 30 บาทแนะ...แพงกว่าของไทยเยอะเลยครับ.... .....เรามาแวะเที่ยวที่แรกที่ถ้ำอิโปร์ที่เปรัค....เป็นถ้ำของทางพระจีนด้านในก็มีพระพุทธรูปจีนองค์ใหญ่ตั้งอยู่...แล้วก็มีภาพวาดเซียนอยู่ตามผนังถ้ำ...มีรูปเจ้าแม่กวนอิม....ไว้ให้คนกราบไหว้เคารพ...แล้วก็มีบันไดสูงๆขึ้นไปเพื่อไปชมวิวเมืองอิโปร์.....ผมอ่านประวัติดูแล้วก็งั้นๆ...ทำนองว่ามีพระจากจีนเข้ามาสร้างไว้เมื่อ 60 ปีก่อน....แล้วก็มีคนนับถือศรัทธาเข้ามาบริจาคให้สร้างเพิ่มเติม...จนถือได้ว่าเป็นวัดถ้ำที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในมาเลเซีย....ก็แค่นั้น...!!! .....ภายในถ้ำก็ไม่ลึกอะไรครับ....เข้าไปสัก 100 เมตรก็ตันแล้ว...แต่จะมีห้องมีซอยแยกย่อยออกไปเยอะหน่อย...แต่ละซอยละห้องก็มีรูปปั้นพระจีนวางอยู่.... .....นี่แหละครับ....มีภาพวาดและรูปปั้นพระและเซียนอย่างนี้..... .....ผมเดินเข้าไปสำรวจหมดแล้ว....ก็เห็นเด็กๆไต่บันไดถ้ำสูงๆขึ้นไปก็ตามไปบ้าง...ได้ผลครับหอยฮักเลย...เพราะบันไดชันไม่ใช่เล่น...แต่เมื่อขึ้นไปสูงสุดก็ดีนะครับ...ได้ชมวิวของเมืองอิโปร์แล้วก็มีลมเย็นๆพัดมาเบาๆพอให้หายเหนื่อยได้.... ....คณะเรามาถึงเก็นติ้งไฮท์แลนด์ก็เย็นพอดีครับ....เก็นติ้งไฮท์แลนด์เป็นสวนสนุกและคาสิโนที่ตั้งอยู่บนภูเขา ซึ่งสูงจากน้ำทะเลมากกว่า 1,800 เมตร และอยู่ห่างจากเมืองหลวงของมาเลเซีย "กรุงกัวลาลัมเปอร์" เพียง 51 กิโลเมตรเท่านั้น......คืนแรกถือได้ว่าคณะเราโชคดี...เพราะทัวร์เขาจองห้องบนโรงแรมที่เก็นติ้งไม่ได้ เขาก็เลยต้องจองโรงแรมที่เชิงเขาให้แทน ซึ่งปรากฎว่าเป็นโรงแรมห้าดาวที่ดีกว่าโรงแรมบนเก็นติ้งเสียอีก...ชื่อว่าโรงแรม "Awana".... ....หลังจากแนะนำตัวกันรู้จักมักจี่กันแล้ว...ก็ถ่ายรูปร่วมกันไว้.... .....โรงแรม "Awana"...ได้ตกแต่งบริเวณไว้อย่างสวยงามน่าชม...สมกับเป็นโรงแรมระดับห้าดาว...การบริการก็พอใช้ได้แต่ถ้าเทียบกับไทยแล้วของเรายังกินขาดครับ....ในภาพหญิงสาวสองนางนี้เป็นภาพวาดที่ตั้งจำหน่ายในร้านค้าภายในโรงแรม เห็นว่าสวยดีก็เลยถ่ายมาไว้ให้ชมครับ.... ....เมื่อเช็คอินเรียบร้อย....เราก็เดินทางไปเที่ยวกันบนยอดเขา "เก็นติ้ง" ทันที... .....บนเขาเก็นติ้งมีโรงแรมตั้งอยู่ถึง 6 โรงแรมมีห้องพักอยู่มากกว่า 10,000 ห้อง...บนเก็นติ้งไฮท์แลนด์มีทั้งสวนสนุกนานาชนิดทั้ง Indoor - Outdoor มีร้านค้าสำหรับช้อปปิ้งมากมายเป็นร้อยๆร้านและมิคาสิโนสำหรับผู้ใหญ่ที่แต่งกายสุภาพให้เข้าไปหาความสนุก เพลิดเพลิน ถ้าหากว่าเล่นได้....แต่มันก็พร้อมจะเป็นความพินาศและฉิบหายขึ้นมาทันทีหากว่าหลงมัวเมาเล่นมันจนหมดตัว....!!! ....ในภาพนี้จะเป็นสวนสนุกประเภท Indoor ครับ...ก็มีเครื่องเล่นหลากหลายไม่ว่าชิงช้าสวรรค์...เรือเหาะ..รถไฟ...แต่ที่ผมชอบก็คือล่องเรือเวนิช....ที่ดูเหมือนมีคนแจวอยู่ข้างหลังนั้นที่จริงเป็นหุ่นนะครับ...เรือจะแล่นไปช้าๆอัตโนมัติตามสายสลิงด้านล่าง ซึ่งจะมองไม่เห็น ไหลไปตามน้ำเรื่อยๆรอบหนึ่งก็ประมาณ 10 นาที...บรรยากาศสองด้านจะถูกตบแต่งเป็นสไตล์ "เมืองเวนิช" ของอิตาลี....แถมยังมีเพลงสไตล์เวนิชคลอไปด้วยระหว่างล่องเรือ.... ....สำหรับผู้ชอบช้อปปิ้งก็สามารถที่จะหาเลือกซื้อสินค้าที่ถูกใจได้....เพราะมีร้านค้าให้เดินดูได้มากมายจริงๆ...แต่ส่วนตัวผมเดินดูได้สักพักก็รู้สึกว่าของไม่ถูกสักเท่าไหร่ เมื่อเทียบกับบ้านเรา ก็เลยไม่ได้ซื้ออะไร...แวบเข้าไปชมคาสิโนได้สักพักก็ต้องออกมา....ไม่ได้เล่นหรอกครับ....แต่เที่ยวเดินดูว่าเขามามีอะไรเล่นกันบ้าง บางอย่างก็ไม่รู้จักครับ ยืนดูอยู่นานก็ยังงงๆว่าเขาได้เสียกันอย่างไร...บางอย่างก็พอมองออก เช่น ไฮโล เป็นต้น แต่เขาไม่ใช่คนเขย่าเหมือนคนไทยเล่น แต่ใช้เครื่องเขย่าสองที แถมไม่ต้องตั้งลูกให้ออกหน้าสี่ ทั้งสามลูกก่อนด้วย...ประมาณว่าลูกอยู่อย่างไรก็เขย่าอย่างนั้น...แต่ก็เห็นคนยังนิยมแทงอยู่...ผมดูไม่เป็นว่าแต่ละช่องเขาจ่ายเขาแทงกันกี่เท่าอย่างไร...หยุดดูสักพักก็เดินไปดูอย่างอื่น...ที่ง่ายที่สุดเห็นจะเป็นไพ่สามใบ...ประมาณว่าแจกไพ่คนละสามใบรวมทั้งเจ้ามือ...หงายไพ่ออกมาใครแต้มสูงกว่าก็ได้เสียกัน...แต้มต่ำสุดศูนย์...แต้มสูงสุดก็เก้าแต้ม....ยกเว้นได้แจ๊ค แหม่ม คิงส์ ถือเป็นแต้มสูงสุดชนะเก้าแต้มอีกที...ส่วนเรียงหรือตองนั้นไม่นับนับเป็นแต้มปกติ....อีกวันหนึ่งผมก็เลยลงทุนเล่นไอ้ไพ่สามใบนี่แหละ...ลงทุนสองพันบาทกะว่าถ้าเสียสองพันก็เลิก ได้สองพันก็เลิก ควักเงินมาเลเซียออกแลกชิพ 200 ริงกิต เขาให้กลับมาแค่ 4 ชิพ เป็นชิพราคา 50 ริงกิต หรือ 500 บาท 4 อัน...หมายความว่าผมต้องแทงครั้งละ 500 บาทเชียว....!!! ....แต่เหมือนโชคเข้าข้าง...ผมแทงไป 4 ครั้ง...แต่ไม่ติดต่อกันทุกครั้งอาศัยดูจังหวะที่เจ้ามือน่าจะแต้มน้อย ก็แทงไป โชคดีชนะเจ้ามือทุกครั้ง ก็ได้ชิพ 50 ริงกิต เพิ่มมาอีก 4 เหรียญ พอแล้วเรา...!!! ...นี่ขนาดเล่นได้ทุกครั้งนะครับ...ใจผมยังเต้นตูมตามๆ...ไม่รู้ว่าคนที่นั่งเล่นอยู่ตรงหน้าผมนี่ ชินชากับอารมณ์หรือไงก็ไม่รู้ ไม่เห็นมีใครตื่นเต้นกันเลย....ผมแลกชิพเป็นเงินมาเลเซีย 400 ริงกิต...แล้วก็ออกมาจากคาสิโน ในสภาพที่เหม็นควันบุหรี่ เพราะด้านในเขาสูบบุหรี่กันครับ...แหมจะมีโซนสำหรับผู้ไม่สูบบุหรี่อยู่แต่ก็ไม่ได้กั้นเป็นห้องหับไว้อย่างชัดเจนครับ... ....ที่ร้านค้าร้านหนึ่งมีของเล่นเป็นคนปั่นจักรยานอยู่ครับ...เป็นของเล่นตั้งโชว์ที่เก๋ไก๋ทีเดียวเพราะจักรยานจะถูกปั่นตลอดนะครับ...นี่ผมถ่ายเป็นภาพนิ่งมานะครับ ก็เลยมองไม่ออกว่านักจักรยานกำลังปั่นอยู่...มีป้ายเขาโฆษณาไว้ว่าใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ด้วย....ไม่ต้องเปลืองพลังงานอย่างอื่น...แต่ราคาขายค่อนข้างแพงครับพันกว่าบาทแน่ะ...ผมก็เลยไม่ได้ซื้อมา...!!! .....ในคืนแรกเราเที่ยวกันอยู่ไม่นานครับ...เพราะค่อนข้างเพลียกับการเดินทาง....ประมาณสักสี่ทุ่มประเทศไทยซึ่งก็เท่ากับห้าทุ่มมาเลเซีย....เราก็กลับกันมานอนที่โรงแรม Awana ด้านล่างเก็นติ้ง...โรงแรมที่นี่ดีจังครับไม่ต้องใช้แอร์คอนดิชั่นเพราะมีอากาศที่หนาวเย็นตลอดทั้งปี...ประหยัดทั้งงบประมาณ...ประหยัดทั้งค่าใช้จ่าย...และลดภาวะโลกร้อนไปในตัวด้วยครับ...!!! ....ในภาพเป็นสวนที่จัดไว้อย่างสวยงามในโรงแรม Awana ครับ.... ....ชื่อดอกอะไรก็ไม่รู้ครับ...เห็นสวยดีก็เลยถ่ายมาฝาก.... ......เป็นธรรมดาของโรงแรมห้าดาวทั้งหลายแหละครับ....ที่จะต้องจัดมุมไว้ให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูป...มุมนี้คงจัดไว้เพื่อแสดงถึงศิลปวัฒนธรรมของชาวมลายู....จะเห็นได้ว่ามีการเล่นว่าว....และกวนอะไรอยู่สักอย่าง....ส่วนคำว่า "Selamat Datang" นั้น...ก็คือคำว่า "สวัสดี" ของชาวมาเลเซียเขาครับ.... ....เช้าวันใหม่การผจญภัยก็เริ่มต้นขึ้น....หลังจาก Breakfast กันเรียบร้อย....เราก็เดินทางไปขึ้นกระเช้าเพื่อขึ้นไปบน...เก็นติ้ง ไฮท์แลนด์....ดูท่าสองหนุ่มน้อยนี้สิครับ...อย่างจ๊าบเลยครับ...!!! ....เริ่มเดินทางออกจากสถานีแล้วครับ...กำลังมุ่งหน้าสู่...ยอดเขาเก็นติ้ง....!!! .....กระเช้าต้องเดินทางยาวถึง 3.38 กิโลเมตรเชียวครับ...ผ่านทัศนียภาพป่าเขาเขียวชอุ่มที่งดงามมากครับ.... ....รถกระเช้าเบอร์ 12 ของผม...ผ่านฟากฟ้าและทะเลหมอกขึ้นไปบนยอดเขา...อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ... ....ถึงด้านบนจะเห็นไอหมอกกระจายไปทั่วเลยครับ... .....ภาพนี้ถ่ายก่อนเข้าเที่ยวชมสวนสนุกในโซน Outdoor ....ก็เลยถ่ายเป็นที่ระลึกไว้ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปเล่นตามแต่ใจปรารถนา....เน้นถ่ายน้อง "วัตซัน" เสียหน่อย...เพราะรูปหล่อแถมขี้อายสไตล์พระเอกหนังไทย...!!! ....ภายในมีเครื่องเล่นสำหรับทั้งเด็กและผู้ใหญ่เพียบเลยครับ....มีทั้งชนิดหวาดเสียวและชนิดพอเพลิดเพลินเจริญอารมณ์.... .....ผมขึ้นชิงช้าสวรรค์กับคุณนายหมูสองคน....ชิงช้าสวรรค์ที่นี่เราขึ้นไปได้จนกว่าเราจะเบื่ออยากจะลงก็ค่อยยกมือบอกเขา....ส่วนสะพานที่เป็นโครงกระดูกไดโนเสาร์นั่นเป็น "ไดโนเสาร์แลนด์" ครับ....ด้านในจะจัดเป็นลำธารเล็กๆล่องเรือเข้าไปผ่านถ้ำภายในมีจัดแสดงการกำเนิดและวิถีชีวิตของได้โนเสาร์เป็นทำนองแสง สี เสียง ก็พอดูได้ครับ.... .....ราคาค่าเข้าที่นี่ประมาณ 500 - 700 บาทครับแล้วแต่เด็กหรือผู้ใหญ่...สามารถเล่นเครื่องเล่นได้ทุกชนิดทั้งใน Indoor และ Outdoor ยกเว้นก็แต่เครื่องเล่นพิเศษ เช่น เมืองหิมะ ที่ต้องจ่ายค่าเข้าชมเป็นกรณีพิเศษ...แต่ของผมซื้อตั๋วมาจากที่บริษัททัวร์ซึ่งเขาได้ราคาพิเศษมาเพียง 350 บาทต่อคนเท่านั้น ก็เลยประหยัดไปได้หลายร้อยบาทอยู่.... ....เมื่อซื้อตั๋วเข้าไปแล้ว พนักงานเขาจะมีซีลเป็นกระดาษพันรอบข้อมือเอาไว้ เพื่อใช้ยืนยันว่าได้ชำระค่าเข้าชมสวนสนุกแล้ว....ทีนี้ไม่ว่าเราจะเดินเข้าเดินออกในสวนสนุกเมื่อไหร่ก็ได้ ภายในหนึ่งวัน หรือจะเล่นเครื่องเล่นชนิดไหน ซ้ำแล้วซ้ำแล้ว ก็ได้....แต่กำหนดภายในหนึ่งวันเท่านั้น....กระดาษซีลนี้เหนียวนะครับ อาบน้ำก็ยังไม่เปื่อยเลย ฉีกด้วยมือก็ไม่ขาด ต้องใช้กรรไกรตัดแนะครับถึงจะเอาออกได้.... ......อันนี้ผมไม่ได้เล่นครับ....จำได้ว่าเคยเล่นที่ดรีมเวิร์ลแล้วมันเสียวท้องน้อยมากเวลาเขาปล่อยเครื่องเล่นลงมาเร็วๆ...กลัวเลยไม่กล้าเล่นอีก....เดี๋ยวจะฉี่ราดเสียก่อน...!!! .....กำลังเดินเข้าไปใน "ไดโนเสาร์แลนด์" ก็เล็งเห็นหินก้อนนี้สวยกำลังเหมาะเจาะก็เลยได้ถ่ายเอามาโชว์.... ....ก่อนเข้ามาเขาก็จะแจกแผนที่ให้เราสามารถเดินหาของเล่นที่เราต้องการได้....แผนที่ก็ดูง่ายดีครับ...เพียงแต่ว่าบรรดาเครื่องเล่นแต่ละแห่งนั้นถูกวางอยู่ภายในพื้นที่จำกัดไปหน่อย...รวมถึง Landscape ที่จัดวางพื้นที่ให้สวยงามนั้น ยังสู้ดรีมเวิร์ลบ้านเราไม่ได้....แต่บ้านเราก็มีข้อเสียตรงอากาศร้อนนี้แหละครับ....ผมไปเที่ยวกับหลานครั้งล่าสุดเสื้อนั้นเหงื่อชุ่มเป็นน้ำเลยครับ....แต่บนเก็นติ้งอากาศหนาวกำลังสบายแถมมีเมฆหมอกมาก....แดดไม่เยอะทำให้สนุกสนานกับเครื่องเล่นได้เต็มที่... .....ผมล่องเรือใน "ไดโนเสาร์แลนด์" กับคุณนายหมูสองคน....ก็ผลัดกันถ่ายรูปเพราะวิวด้านหลังนั้นสวยกำลังดี... .....เรือจะล่องมาแล้วก็หยุดภายในถ้ำที่จัดทำไว้ หลังจากนั้นก็จะมีแสง สี เสียง บรรยายถึงกำเนิดและชีวิตของไดโนเสาร์.... .....ขึ้นจากล่องเรือ....ก็มาเที่ยวชมพื้นที่ที่จะจัดไว้เป็นโซนเพื่อให้ชมวิวทิวทัศน์...ก็เป็นที่ถูกใจตากล้องสมัครเล่นอย่างผมครับ.... ....ตึกที่เห็นเป็นสีสันสองตึกคู่กันนั้นแหละครับเป็นที่พักของผมในคืนนี้ชื่อว่าโรงแรม "First World" มีห้องสองตึกรวมกันเกือบหนึ่งหมื่นห้อง....และต้องใช้เวลาเช็คอินนานถึง 5 ชั่วโมง....!!! ....ผมชอบ "ไลเคน" ที่ขึ้นอยู่ตามต้นไม้นี่จังครับ...มันแสดงถึงความชุ่มชื้นของอากาศที่เย็นทั้งปี...รวมทั้งสภาพป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก เมื่อมองผ่านลงไปตอนขึ้นกระเช้า.... .....ทีแรกผมต้องนอนโรงแรม First World แห่งนี้ทั้งสองคืนแหละครับ...แต่พอดีว่าทัวร์เขาจองโรงแรม First World ได้เพียงคืนเดียว...คืนแรกก็เลยได้ไปนอนโรงแรม Awana อย่างที่ได้เล่าให้ฟังแล้ว...ซึ่งก็ถือว่าโชคดีไป เพราะโรงแรม Awana ถือว่าเกรดดีกว่า First World ..... ....ตัวตลกหลอกเด็กก็สร้างความสนุกสนานให้แก่ผู้เข้าชม ตามสไตล์ของสวนสนุก ดรีมเวิร์ลของเราก็มี แถมมีเยอะกว่าด้วย....แต่ดูเด็กน้อยคนนี้เธอจะเบิกบานมากนะครับ...!!! ....ผมถูกคุณนายหมูเธอบังคับให้ยืนถ่ายรูปตรงผนังซึ่งเป็นภาพวาดตรงนี้....คงจะเห็นเสื้อแจ็คเก็ตสีชมพูของผมเข้ากันกับรูปที่วาดหรือไงไม่ทราบ... ....ผมกลับมาเที่ยวในโซน Indoor เพราะดูฝนทำท่ากำลังจะตก...ได้มาล่องเรือไสตล์เวนิชสมใจอยาก...ที่อุตส่าห์หมายตาไว้ตั้งแต่เมื่อคืน... .....เที่ยวจนเหนื่อยแล้วก็เลยหาที่พักพิงดื่มกาแฟเสียหน่อย...แถมยังเป็นการรอเช็คอินเข้าโรงแรมด้วย...พี่ดำซึ่งเป็นทั้งโชเฟอร์และไกด์บอกว่ามารอเช็คอินตั้งแต่ห้าโมงเช้าแล้ว ได้คิวเช็คอินที่ 606 ซึ่งตอนนั้น คิวเช็คอินที่กำลังเรียกเพิ่งจะอยู่ที่ 200 กว่าๆเอง...!!! ....กาแฟสตาร์บัคที่นี่จะแพงกว่าที่กรุงเทพฯ...ผมสั่ง "คาราเมล มัคคิอาโต" ถ้วยกลาง ซึ่งที่กรุงเทพฯปกติขาย 110 บาท แต่ที่นี่ขาย 140 บาท (14 ริงกิต)...ขนมเค้ก "บลูเบอรี่ชีสเค้ก" ปกติที่กรุงเทพฯขาย 80 บาท แต่ที่นี่ขายถึง 110 บาท (11 ริงกิต)...!!! ....กินกาแฟมันก็ต้องมีหนังสือดีๆอ่านไปด้วย....ก็เลยงัดเอา "มาร์ยอก้า สวรรค์รสส้ม" ของ "วิริยา ศรีมันตะ" หรือ "น้ององ" ผู้เชียน "เด็กหญิงหมวกดาวแดง" อันลือลั่นมานั่งอ่าน.... .....กาแฟหมดไปนานแล้วแต่คิวเช็คอินยังไม่เข้าใกล้ 600 เลย...ก็เลยต้องเดินออกมาถ่ายภาพเล่นอีกช็อตหนึ่ง... .....เดินมาสดุดใจกับร้านนี้ ซึ่งเขารับทำภาพสามมิติและสองมิติ โดยใช้วิธียิงแสงเลเซอร์สกัดเข้าไปในเนื้อแก้ว...ดูแล้วน่าทึ่งกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ดี...แต่ราคาก็ค่อนข้างจะแพงได้ใจเหมือนกัน...หากเป็นภาพสองมิติถ่ายสองคนจะราคา 1,350 บาทหรือ 135 ริงกิต แต่ถ้าทำเป็นสามมิติจะราคาสูงถึง 1,850 บาทหรือ 185 ริงกิต...ผมกับหมูก็เลยตกลงทำอย่างสองมิติ...!!! .....แล้วก็ออกมาได้อย่างนี้....!!! ....กลับมาที่เคาน์เตอร์เช็คอินอีกครั้ง...คิวขยับมาที่ 580 กว่าๆแล้วครับ...สังเกตภาพบนนั่นแหละครับเป็นเคาน์เตอร์เช็คอิน มีทั้งหมดถึง 31 เคาน์เตอร์...เขาจะมีเครื่องแสดงคิวที่เช็คอินติดตั้งไว้ให้แขกเข้ามาดูเอง เมื่อถึงคิวเราจะปรากฏ เลขเคาน์เตอร์เช็คอินด้านหลัง เราต้องไปเช็คอินตามหมายเลขเคาน์เตอร์นั้น...เช่น หมายเลขคิวที่ 586 ก็ต้องไปที่เคาน์เตอร์เช็คอินหมายเลข 21 หรืออย่างของคณะเราได้หมายเลขคิวที่ 606 ก็ต้องไปที่เคาน์เตอร์เช็คอิน เลขที่ 16...คุณผู้ชมเคยเจอการเช็คอินอย่างนี้ที่โรงแรมไหนไหมครับ...!!! ....เพื่อนในกลุ่มที่มาเที่ยวด้วยกันคนหนึ่ง...เขาทำงานโรงแรมเหมือนกัน...เขาบอกว่าที่โรงแรมเขาหากแขกมาเช็คอินแล้วบริการเขาช้าสักสิบนาที ก็โดนด่าเปิงแล้ว....แต่ที่นี่กว่าจะเช็คอินได้ใช้เวลากว่า 5 ชั่วโมง...ไม่มีใครบ่นสักคำ...แถมบริการยกกระเป๋าอะไรก็ไม่มี รับการ์ดเข้าห้องได้ก็ต้องบริการตัวเองหมด ยกกระเป๋าเอง หาห้องเอง เช้าก็ไปทานอาหารเอง เวลาเช็คเอ้าต์ก็ไม่ต้อง การ์ดก็ไม่ต้องคืน ไปได้เลย เพราะเขาเก็บเงินค่าที่พักล่วงหน้าเรียบร้อย...!!! .....มาคราวนี้ค่อนข้างจะโชคดีเรื่องที่พักครับ....อย่างในคืนแรกก็ได้พักที่ Awana มาคืนที่สองที่ต้องพักที่ First World ซึ่งตามคำบอกเล่า...เขาว่าห้องพักจะแคบและค่อนข้างเก่า...บางคนกล่าวถึงขนาดว่ากลับตัวยังไม่ได้...ขนาดนั้น...!!! แต่พอเช็คอิน...พี่ดำเขาก็บอกว่าพวกเราโชคดีที่ได้พักในตึกสองหรือ Tower 2 ซึ่งห้องพักจะใหม่กว่า สะอดากว่าและกว้างขวางกว่าเดิมพอสมควร...แล้วมันก็เป็นจริงตามนั้น...ลองดูที่พักในห้องสิครับ...ใช้ได้ทีเดียว...แล้วก็เหมือนที่ Awana เช่นเคยคือไม่มีแอร์คอนดิชั่น...แต่ใช้เปิดกระจกหน้าต่างให้อากาศเย็นจากภายนอกเข้ามา... ....ระหว่างจะรอลงไปหาอาหารเย็นทานก็นั่งอ่าน "มาร์ยอก้า สวรรค์รสส้ม" ต่อไป....ส่วนภาพเงินริงกิตมาเลเซียก็เป็นอย่างที่ถ่ายมาให้ชมนี่แหละครับ...ในภาพจะเป็นธนบัตรขนาด 1, 5, 10 และ 50 ริงกิต ซึ่งก็คือ 10, 50, 100 และ 500 บาทไทย...เพราะความที่ค่าเงินของไทยกับมาเลเซียมักจะไม่ผันผวนระหว่างกัน....ที่ชายแดนไทยและมาเลเซียอย่างที่ ต.ด่านนอก อ.สะเดา พ่อค้าแม่ค้าที่นี่ก็เลยใช้สกุลเงินทั้งสองอย่างในการแลกเปลี่ยน....โดยยึดถือ 1 ริงกิตคือ 10 บาทตายตัว ไม่มีขึ้นลง อย่างในท้องตลาด....เวลาที่ซื้อของที่ด่านนอกบางครั้งจึงอาจจะได้เงินทอนมาเป็นเงินของมาเลเซียก็ได้...ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของที่นี่ครับ....!!! .....ตอนเช้าของวันที่สามเราลงมาจากยอดเขาเก็นติ้ง...กลางทางได้แวะเที่ยวที่วัดจีนซึ่ง...ตันศรี ลิ้มโก๊ะตง ผู้สร้างสวนสนุกเก็นติ้งไฮท์แลนด์เป็นผู้สร้างไว้....เป็นวัดที่มีทัศนียภาพที่งดงามมากครับ...เวลาถ่ายแล้วเหมือนอยู่บนสรวงสรรค์ยังไงยังงั้น....มุมมองจากวัดจีนยังแลเห็นอาคารเก็นติ้งไฮท์แลนด์อยู่ไกลๆ.... .....น้อง "โอ๊ตเล็ก" กำลังวิ่งขึ้นบันไดขึ้นไปชมทัศนียภาพเบื้อบนพอดีกับที่ผมถ่ายไว้....ถ้าเมื่อไหร่มีการประกวดภาพถ่ายอีกผมจะส่งรูปนี้เข้าประกวดให้ชื่อภาพว่า...."ทางสู่สวรรค์"....!!! ....ภาพเจดีย์แปดชั้นนี้เวลาถ่ายออกมาแล้วเหมือนอยู่บนสวรรค์ไหมครับ... .....นี่แหละครับ...ท่านตันศรี ลิ้มโก๊ะตง....ผู้สร้างเก็นติ้ง ไฮท์แลนด์...มีเรื่องเล่าว่าวันหนึ่งขณะท่านกำลังนั่งเล่นหมากรุกจีนอยู่กับเพื่อนๆ ท่านก็ปรารภขึ้นมาว่าอยากจะสร้างสวนสนุกไว้ให้เด็กๆและทุกๆคนได้มาเที่ยว...จากนั้นจึงไปขอเช่าที่บนภูเขา ซึ่งเวลานั้นเป็นป่าทึบไม่มีผู้คนอยู่อาศัยจากสุลต่านประจำรัฐในอัตราหนึ่งปีต่อหนึ่งริงกิต เป็นระยะเวลา 99 ปี....จากนั้นท่าก็ลงมือสร้างและพัฒนาเก็นติ้ง ไฮท์แลนด์ ไปตามความฝันของท่าน ตั้งแต่ปี 1960 เป็นต้นมา...ปัจจุบันนี้ท่านเสียชีวิตไปแล้วด้วยสิริอายุถึง 96 ปี....หลงเหลือสิ่งสำคัญอันเป็นคุณูปการของชาติ ไว้เชิดหน้าชูตาชาวมาเลเซียต่อไป....!!! .........สวยไหมครับ....!!! .....คณะเราหยุดถ่ายภาพกันที่วีดจีนแห่งนี้ ด้วยความตลึงตะลานตาเชียวครับ.... .....ภายในวัดยังมีที่พักสำหรับผู้ที่จะมาถือศีลกินเจนั่งสมาธิด้วยนะครับ....ทำเป็นเสมือนโรงแรมทีเดียว.... .....เรากลับเข้ามาเที่ยวในกัวลาลัมเปอร์....สถานที่ที่เราต้องมาชมก็นี่แหละครับ...ตึกแฝด "ปิโตรนาส" ที่ครั้งหนึ่งเคยได้ชื่อว่าสูงที่สุดในโลก.... ....ภาพซ้ายนั่นคือตึกแฝดส่วนภาพขวาเป็นป้ายโฆษณาข้างทางที่ทำได้เก๋ไก๋แปลกตาดี...ถ่ายเอามาให้คุณอะหนึ่ง...เผื่อจะได้ไอเดียในการดีไซน์งาน.... .....อีกแห่งหนึ่งที่ไปก็คือพระราชวังของสุลต่านมาเลเซีย....หน้าประตูวังก็จะมีทหารรักษาพระองค์ยินม้าเฝ้าระวังอยู่...ส่วนประตูวังนั้นปิดเข้าไปไม่ได้...ทหารก็เลยกลายเป็นที่ถ่ายภาพของนักท่องเที่ยวไป....ในภาพน้องวัตซันกับคุณแม่คนสวยก็ยืนถ่ายภาพกับทหารม้าเช่นกันครับ.... .....พระราชวังสุลต่านที่เห็นไกลๆนั่นแหละครับ...ถ้าจะว่าเรื่องความสวยงามและศิลปะ ไม่น่าจะสู้พระบรมมหาราชวังของเราได้... ....ที่สุดท้ายในกัวลาลัมเปอร์ก็คืออาคารเก่าแก่ ซึ่งเป็นที่ทำการของรัฐบาลอังกฤษ เมื่อครั้งยังยึดครองมาเลเซียอยู่ ปัจจุบันกลายเป็นที่ทำการศาลและกระทรวงวัฒนธรรมของมาเลเซียไปแล้ว....ส่วนภาพบนขวามือนั่นเป็นเสาธงที่สูงที่สุดของมาเลเซียครับ.... .....ที่เห็นเป็นธงชาติมาเลเซียห้อยยาวลงมาเป็นแถบนั่น...เป็นสนามเมอร์เดก้า สนามกีฬาแห่งชาติของมาเลเซียเขาครับ... .....ออกจากกัวลาลัมเปอร์ก็มาเที่ยว "ปุตตราจายา" เมืองหลวงใหม่ของมาเลเซีย ที่จัดสร้างและรวบรวมสถานที่สำคัญของทางรัฐบาลมาไว้ที่แห่งนี้ แต่ยังสร้างไม่เสร็จนะครับ ยังไม่มีคนเข้าอยู่ แต่ดูเพียงตึกรามอาคารต่างๆ ก็โอ่อ่าตระการตาแล้วครับ....แต่ละอาคารก็สร้างในแบบต่างๆกัน ไม่ซ้ำแบบเลยสักอาคาร...ซึ่งต่างจากบ้านเรานะครับ ที่ชอบสร้างอาคารเหมือนๆกัน แล้วบอกว่าประหยัดงบ.... ....พี่ดำโชเฟอร์และไกด์ของเราบอกว่ารัฐบาลมาเลเซียแอบสร้าง "ปุตตราจายา" เพราะกลัวว่าจะมีคนมากว้านซื้อที่ดินโดยรอบไปเพื่อเก็งกำไร....ประชาชนเพิ่งมารู้ทีหลังก็เมื่อมีการสร้างไปแล้วกว่าครึ่ง....แต่ผมยังไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่...เพราะถ้าเป็นเมืองไทย ทำยังงี้ถูกประท้วงอยู่ไม่ได้ไปแล้ว....!!! ...."ปุตตราจายา"....แปลว่า "เจ้าชายแห่งความเจริญ"...ปุตราคือเจริญ....จายาคือเจ้าชายครับ...!!! ........อาคารแต่ละแห่งใน "ปุตตราจายา" ครับ.... ....ไฮไลท์ของปุตตราจายากลับมาอยู่ที่สะพานแขวนแห่งนี้ครับ...สร้างได้ทันสมัยและดูสวยงามเหลือเกิน... .....ถ่ายภาพกันเพลินไปเลยครับ...แต่แดดที่นี่ร้อนแรงและแผดเผาเหมือนกับที่เมืองไทยเลยครับ.... ....ร้อนๆแต่ก็อยากจะถ่ายครับ..... .....ด้วยท่านี้คุณ "ปริศนา" แม่น้องวัตซันกินนางแบบขาดเลยครับ...... ......พี่ดำขับรถมาส่งพวกเราให้ทานอาหารเที่ยงกันที่อีกด้านหนึ่งของ "ปุตตราจายา" ซึ่งเป็นอาคารรัฐสภากับ "มัสยิดสีชมพู" ที่งดงาม...ด้านล่างนั้นจะมีบันไดเดินลงไป เป็นร้านอาหารติดแอร์คอนดิชั่นอย่างดี...แถมได้ดูวิวริมแม่น้ำอย่างสวยงามอีกด้วย... .....เราพักทานอาหารเที่ยงที่นี่เป็นที่สุดท้ายสำหรับการทัวร์ครั้งนี้...ออกจากที่นี่เราก็ตรงดิ่งกลับบ้านทางด่านฯสะเดา ประเทศไทย...!!! .....ทัวร์มาเลเซียเที่ยวนี้น่าจะสนุกสนาน ทั้งคณะที่ไปเที่ยวด้วยกันต่างก็มีไมตรีจิตที่งดงาม บรรยากาศการเที่ยวและเครื่องเล่น ต่างก็น่าจะทำให้สุขใจได้โดยง่าย...หากไม่มีข่าวร้ายข่าวหนึ่งซึ่งได้รับก่อนออกเดินทางว่า "สุทธิพันธุ์ บุญมา" เพื่อนร่วมรุ่น "ศุลการักษ์ 17" ของผมคนหนึ่ง เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจล้มเหลว ที่แม่สอด ขณะที่กำลังลงจากรถทัวร์เพื่อจะไปทำงานที่ด่านศุลกากรแม่สอด....นับว่าเป็นเพื่อนร่วมรุ่น "ศุลการักษ์ 17" รายแรกของรุ่นที่เสียชีวิต...ผมเศร้าใจกับข่าวร้ายนี้มาก....ดังนั้น แม้ว่าทัวร์ครั้งนี้จะน่าสนุกสนานเพียงไร แต่ลึกๆในใจของผมนั้น ก็มิอาจจะลบเลือนอารมณ์โศกเศร้านี้ได้....ถ้าท่านผู้อ่านสังเกตจะเห็นได้ว่าภาพผมที่ถ่ายออกมาไม่มีสักภาพเดียวที่ผมจะยิ้มออก...ไปดีเถอะเพื่อน...."สุทธิพันธุ์ บุญมา"...!!! |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |