...โรคหลอดเลือดหัวใจคืออะไร...???

...อันว่าโรคหลอดเลือดหัวใจตามเอกสารแผ่นพับ ของสถาบันโรคทรวงอก ที่คุณหมอท่านแจกมาให้ผมอ่าน เขาเขียนไว้ดังนี้...

... “โรคหลอดเลือดหัวใจ เกิดจากการตีบและแข็งของหลอดเลือด ที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ ภายในหลอดเลือดหัวใจ มีการสะสมของไขมันและหินปูนขึ้น การสะสมของไขมันและหินปูนนี้ เป็นสาเหตุให้การไหลเวียน ของเลือดและออกซิเจนเข้าสู่หัวใจน้อยลง เมื่อหัวใจขาดออกซิเจนและเลือดมาหล่อเลี้ยง ก็จะทำให้เกิดอาการเจ็บหน้าอก โดยอาจจะจุกแน่นกลางหน้าอก หรืออาจจะร้าวไปที่แขนหรือเลยไปถึงกรามก็ได้ และถ้าหลอดเลือดหัวใจอุดตัน อาจมีอาการหัวใจวาย ช็อก หรือหยุดเต้น ซึ่งจะทำให้เสียชีวิตอย่างกะทันหัน”...!!!

...การวินิจฉัยโรค...

... “แพทย์ผู้ชำนาญด้านโรคหัวใจ จะวินิจฉัยโรคได้จากอาการของผู้ป่วย, ผลการตรวจคลื่นหัวใจไฟฟ้า, คลื่นเสียงสะท้อนหัวใจ, การวิ่งสายพานและการเอกซเรย์หลอดเลือดหัวใจ โดยปกติแพทย์จะมีวิธีการรักษาอยู่ 3 แบบคือ

1.การให้ยาในการรักษา เพื่อเพิ่มการไหลเวียนชองเลือดในหลอดเลือดหัวใจ

2.การรักษาโดยการขยายหลอดเลือดด้วยบอลลูน โดยการขยายหลอดเลือดหัวใจ ในจุดที่ตีบแคบให้กว้างขึ้น เพื่อให้เลือดไหลเวียนได้ตามปกติ

3.การรักษาด้วยการผ่าตัดต่อหลอดเลือดหัวใจ เป็นกระบวนการผ่าตัด โดยใช้เส้นเลือดที่ขาและผนังหน้าอก เพื่อทำการต่อเชื่อมเส้นเลือดในส่วนที่อุดตัน หรือในส่วนที่มีภาวะตีบของหลอดเลือด”

...ผู้ที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้...

...1.ผู้ที่มีประวัติโคเลสเตอรอลสูง

...2.โรคเบาหวาน

...3.โรคความดันโลหิตสูง

...4.สูบบุหรี่

...5.บุคคลในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคหัวใจ

...6.อ้วน

...7.เตรียด

...8.ไม่ค่อยออกกำลังกาย

...การฉีดสีหลอดเลือดหัวใจ...

... “หมายถึง การสอดสายสวนหัวใจเข้าไปในหัวใจ จากบริเวณหลอดเลือดแดงที่ขาหนีบ ข้อพับแขน หรือที่ข้อมือทางใดทางหนึ่ง โดยใช้สารทึบสีฉีดเข้าไปในหลอดเลือดหัวใจ และถ่ายภาพในลักษณะของการเอกซเรย์หลอดเลือดหัวใจ เพื่อตรวจหาความผิดปกติของหลอดเลือดเลี้ยงหัวใจ และระบบการไหลเวียนของเลือดในหัวใจด้านซ้าย ”...

...ผลข้างเคียงจากการฉีดสีหลอดเลือดหัวใจ...

... “ในการทำหัตถการทุกอย่างทางการแพทย์ ไม่มีคำว่า “ไม่อันตราย” เพียงแต่จะมากหรือน้อย และมีการระมัดระวังตามมาตรฐานหรือไม่ ปกติแล้วโรคแทรกซ้อน จากการฉีดสีหลอดเลือดหัวใจ มีไม่เกิน 1 ใน 1,000 ราย ถึง 1 ใน 10,000 ราย ผลข้างเคียงที่ร้ายแรงถึงแก่ชีวิตมีไม่เกิน 1 ใน 10,000 ราย แต่เนื่องจากในห้องสวนหัวใจมีการใช้เครื่องมือติดตามสัญญาณชีพ เหมือนในห้องผู้ป่วยหนักตลอดเวลา ทำให้อัตราเสี่ยงในการที่จะเกิดอันตรายถึงแก่ชีวิต ลดน้อยถอยลงไปอย่างมาก ส่วนผลข้างเคียงที่ไม่ถึงกับชีวิตที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ได้แก่

...1.การแพ้สารทึบรังสี ซึ่งในปัจจุบันพบได้น้อย เนื่องจากมีการใช้สารที่ไม่ค่อยทำให้เกิดอาการแพ้ และมีการฉีดยาแก้แพ้ป้องกันไว้ก่อน

...2.เส้นเลือดแดงฉีกขาด ส่วนใหญ่มักไม่เกิด ยกเว้นในรายที่เส้นเลือดคดเคี้ยวมาก

...3.เลือดออกบริเวณที่แทงเข็ม มักเกิดหลังทำการรักษาเสร็จแล้ว หรือใช้ยาละลายเลือดบางชนิดร่วมด้วย

...4.กล้ามเนื้อหัวใจตายจากการอุดตัน หรือฉีกขาดของเส้นเลือดที่ขยาย ปัจจุบันเกิดขึ้นได้น้อยมาก เนื่องจากอุปกรณ์ทางการแพทย์ และเทคนิคในการรักษาพัฒนาไปมาก”...

.........พุทโธ ธัมโม สังโฆ ขออย่าเป็นหนึ่งในพันในหมื่นเลย เพี้ยง!!......