สถานการณ์ ณ วันนี้ ผมวิเคราะห์ว่า คะแนนของพรรคอภิสิทธิ์ตีตื้นขึ้นมา ทำให้สุสีกับพรรคของยิ่งลักษณ์ แต่อย่างไรก็ตาม มองว่ายิ่งลักษณ์จะไม่ได้เป็นนายกฯ คนต่อไป หรือถ้าเป็นก็จะอยู่ไม่ได้นาน ไม่ใช่เพราะจะถูกโคนล้มโดยอำนาจนอกระบบ เช่นการปฏิวัติ แต่เพราะเธอขาดความชอบธรรมที่จะมาเป็นนายกฯอย่างสิ้นเชิง ซึ่งเป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยเองก็รู้ (คงไม่ต้องสาธยายว่าทำไมขาดความชอบธรรม) และในเมื่อขาดคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดในวิถีการเมือง การต่อต้านก็จะต้องเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ และจะสำเร็จอีกด้วย วิธีการของฝ่ายต่อต้านก็จะมีหลากหลายและทวีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ อาจไม่จำเป็นถึงขั้นออกมาใช้การเมืองแบบกดดันบนท้องถนน เพราะเป็นวิธีการที่พิสูจน์แล้วว่าไม่สำเร็จไม่ยั่งยืน รังแต่จะลากการเมืองลงสู่เหว มีวีธีอื่นที่ทำได้และไม่ก่อให้เกิดความยู่งเหยิงอย่างที่เคยเกิดขึ้นเมื่อตอนเสื้อเหลืองยึดทำเนียบและเสื้อแดงยึดราชประสงค์

ที่พูดมาเผื่อในกรณีที่ยิ่งลักษณ์ได้เป็นนายกฯ แต่จะบอกว่าการชนะการเลือกตั้งไม่ใช่เป็นวิธีเดียวที่จะได้มาซึ่งความชอบธรรมในการเป็นนายกฯ ผู้แพ้อาจมีความชอบธรรมมากกว่าถ้าเป็นคนดีกว่ามีผลงานในแง่ทำประโยชน์ให้ชาติมากกว่า และมีความตั้งใจมาเป็นผู้นำจริงๆแบบพิสูจน์ได้ ไม่ใช้เป็นความตั้งใจที่อยู่ๆก็โผล่ขึ้นมาโดยไม่มีที่มาที่ไป และในที่สุดพลวรรต หรือ dynamics ของการเมืองจะผลักดันให้ผู้ที่มีความชอบธรรมที่จะเป็นนายกฯเข้าสู่ตำแหน่งนายกฯเอง พูดง่ายๆคือจะมีแรงส่งจากหลายปัจจัยดัน ในขณะที่ผู้ซึ่งใครๆก็เห็นชัดว่าไม่ qualify ที่จะมาเป็นผู้นำในที่สุดไม่ช้าก็จะถูกกวาดให้ลงไปสู่ถังขยะแห่งประวัติศาสตร์ นี่เป็น กฏธรรมชาติของการเมืองหรือ law of politics (เหมือนอย่างที่พล ต อ ประชาเคยโดนกวาดตกถังไปแล้วครั้งหนึ่ง และพยายามไม่รู้กี่ครั้งที่จะกลับมา แต่ก็ยังกลับมาไม่ได้)

ผมจึงเห็นว่าในที่สุดอภิสิทธ์จะได้กลับมาเป็นนายกฯอีกรอบหนึ่ง นี่คือข้อสรุปเบื้องต้น แต่ต้องคอยตรวจสอบอย่างไม่กระพริบว่าจะมีข้อมูลใหม่เผยออกมาใน 3-4 วันข้างหน้าไหมที่จะชวนให้คิดเป็นอย่างอื่น แต่ไม่น่าจะมีหรือถ้ามีก็ไม่มีน้ำหนักพอ เพราะ abstract concept ของความชอบธรรมหรือ legitimacy ซึ่งมีน้ำหนักมากมันเป็นตัวกำหนดตัวค้ำอยู่ และเราไม่ควรไป underestimate ความสำคัญความมีผลของ abstract concept  เหมือนกับที่คนไป overestimate ความสำคัญของ practical concepts อย่างการซื้อเสียง