ณ พระตำหนักเวนคอร์ต (Vane Court)

ในเดือนกันยายน พุทธศักราช ๒๔๘๐ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีฯ ทรงย้ายไปประทับ ณ พระตำหนักแห่งใหม่ นามว่า พระตำหนักเวนคอร์ต (Vane Court) ที่หมู่บ้านบิ๊ตเด็นเต็น ในจังหวัดเค้นท์ (Kent) ซึ่งเป็นย่านเก่าแก่มาแต่ต้นคริสต์ศตวรรษที่ ๑๗ ร่วมสมัยกับกวีเอกเชคสเปียร์ (Shakespeare)

พระตำหนักองค์นี้มีขนาดไม่ใหญ่มาก ภูมิอากาศดีกว่าที่ประทับเดิมเพราะว่าอยู่ใกล้ทะเลกว่า เหมาะสมแก่พระพลานามัยที่ทรงพระประชวรขณะนั้น มีสวนไม้ดอกไม้ประดับซึ่งทรงวางผังปลูก รดน้ำพรวนดินพอเหมาะแก่กำลังพระวรกาย มีสะพานหินเล็ก ๆ ข้ามบ่อน้ำที่ทรงเลี้ยงเป็ดเทศ และปลานานาชนิด พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ ทรงดูแลดอกคาร์เนชั่น ซึ่งสมเด็จฯ ทรงตัดมาทรงปักแจกันไว้ทุก ๆ วัน

ขณะประทับ ณ พระตำหนักเวนคอร์ต ชาวหมู่บ้านบิ๊ตเด็นเต็น มีโอกาสเห็นอดีตพระมหากษัตริย์แห่งสยามในฐานะสมาชิกของหมู่บ้าน ทรงปฏิบัติพระองค์อย่างสามัญชน เช่น ทรงจักรยานไปตามถนนเล็ก ๆ เพื่อทรงซื้อสินค้าจากร้านค้าในหมู่บ้าน ทรงพระดำเนินกับ "แซม" สุนัขพันธุ์แอร์เดล และยังทรงเป็นขวัญใจของเด็ก ๆ ในหมู่บ้านด้วย

คนไทยในอังกฤษเริ่มกล้าไปเฝ้าฯ มาขึ้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ได้แข่งขันเทนนิสกันที่สนามส่วนพระองค์ เสด็จฯ ไปร่วมงานชุมนุมของนักเรียนไทยโดยสมเด็จฯ ทรงร่วมแข่งขันเทนนิสด้วย ครั้งหนึ่งทรงครองตำแหน่งรองชนะเลิศที่พระตำหนักนี้ สมเด็จฯ โปรดทรงเรือกรรเชียงในสระ ทรงโดยเสด็จฯ พระราชสวามีไปทรงฝึกหัดขับเครื่องบิน แต่ยังทรงบินเดี่ยวไม่ได้

ในช่วงพุทธศักราช ๒๔๘๐ - ๒๔๘๒ สมเด็จฯ โดยเสด็จพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว อย่างสามัญธรรมดากับพระประยูรญาติเพียง ๒-๓ พระองค์ไปทรงพักผ่อนที่สวิสเซอร์แลนด์ และเสด็จฯ ไปทอดพระเนตรโบราณสถานที่ประเทศ กรีซ ตุรกี และอียิปต์

หลังจากเสด็จฯ กลับจากอียิปต์ มีข่าวว่ารัฐบาลไทยได้ยื่นฟ้องทั้งสองพระองค์ว่าทรงยักยอกเงินแผ่นดินนำไปใช้ต่างประเทศ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวตั้งพระราชหฤทัยสู้ความเต็มที่ เพราะทรงแน่พระราชหฤทัยว่าทางนิตินัยจะทรงชนะ แต่ในที่สุดก็ทรงแพ้คดี รัฐบาลริบสวนไกลกังวล วังศุโขทัย และทรัพย์สินส่วนพระองค์

สมเด็จฯ ได้ทรงอธิบายเรื่องนี้ในภายหลังว่า ได้ทรงทำหนังสือไว้ก่อนเสด็จฯ ไปยุโรปแล้วว่าจะทรงเบิกเงินที่ฝากไว้ที่เมืองนอกมาทรงใช้สอยแทนเงินที่รัฐบาลจัดถวายที่เมืองไทย แต่หนังสือสำคัญฉบับนี้หายไป เมื่อมีการฟ้องจึงจะทรงเข้ามาสู้คดีแต่รัฐบาลไม่ยอม อีกทั้งภาวการณ์สงครามไม่เอื้อต่อการสู้คดี

เมื่อสงครามโลกคั้งที่สองเริ่มตั้งเค้า พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเตรียมรับสถานการณ์ที่บริเวณพระตำหนักเวนคอร์ต อาจถูกประกาศเป็นเขตทหาร ด้วยการย้ายไปประทับในหมู่บ้านเว้นท์เวอร์ธ ตำบลเวอร์จิเนียร์ วอเตอร์ แถบที่เคยประทับอยู่แต่เต็ม ระหว่างทางรอการตกแต่งพระตำหนักแห่งใหม่ได้เสด็จฯ ไปรักษาพระองค์โดยสรงน้ำแร่ที่เมืองรัวยาต์ (Royal) ประเทศฝรั่งเส เมื่อเสด็จฯ กลับอังกฤษประกาศสงครามกับเยอรมันพอดี จึงเสด็จฯ ไปประทับ ณ พระตำหนักคอมพ์ตัน เฮาส์ (Compton House) ในเดือนกันยายน พุทธศักราช ๒๔๘๒

พระตำหนักเวนคอร์ต (Vane Court)

ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านบิ๊ตเด็นเต็น องค์พระตำหนักเป็นตึกผนังถือปูนสีขาว ประกอบท่อนไม้โอ๊ค (Oak beamed) ทาสีดำแบบทิวดอร์ โดยรอบพระตำหนักมีพื้นที่สำหรับทำสวนปลูกไม้ดอกไม้ประดับ โดยเฉพาะดอกคาร์เนชั่นในเรือนกระจก ตกแต่งสวนด้วยสะพานหินเล็ก ๆ ข้ามบ่อน้ำ เลี้ยงเป็ดเทศ และปลานานาพันธุ์ พระตำหนักเวนคอร์ตมีสนามเทนนิสสำหรับทรงออกกำลังพระวรกายเช่นเดียวกับพระตำหนักอื่น ๆ

ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง ทหารอังกฤษขอเวนคืนใช้เป็นกองบัญชาการทหาร ต่อมาได้เปลียนเจ้าของหลายครั้ง ปัจจุบันเป็นบ้านส่วนบุคคล

ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ  อย่างหาที่สุดมิได้