อาร์เซนอลเล่นในบ้านนัดแรกของฤดุกาลพบกับพอร์ทมัธ โดยที่ยังคงร้อนแรง ถล่มผู้มาเยือนแบบไม่ต้องเกรงใจกัน 4-1 โดยที่อาร์เซนอลเล่นไปเพียง 2 นัดในพรีเมียร์ลีกแต่กลับซัดไปแล้ว 10 ประตู แต่ก็เสียประตูทั้ง 2 นัดเช่นกัน โดย 9 ใน 10 ประตูเกิดจากกองหลังและกองกลาง มีเพียงดูดู้คนเดียวเท่านั้นที่มีชื่อเป็นผู้ทำประตูในฐานะศูนย์หน้า

บางคนอาจจะรู้สึกเป็นห่วงนิดๆ ว่า ถ้าวันไหนกองกลางกองหลังไม่ยิง อาร์เซนอลจะกระสุนด้านเอาง่ายๆ แต่สำหรับผมเฉยๆ เพราะระบบ 4-3-3 ที่เวนเกอร์นำมาใช้ในฤดูกาลนี้ มันเปิดโอกาสให้ผู้เล่นในแดนกลางมีโอกาสทำประตูได้มากขึ้น โดยการเติมในแถวสอง โดยที่อาศัยผู้เล่นในแดนหน้าเป็นคนเปิดพื้นที่ให้

ถึงจะยังทำประตูกันไม่ได้ แต่ศูนย์หน้าของอาร์เซนอลคือผู้เปิดทาง และจ่ายบอลให้ผู้เล่นแดนกลางได้ซัดประตูกันเป็นว่าเล่น และผมก็ยังเชื่อว่า เมื่อถึงวันที่ศูนย์หน้าของเราปรับตัวให้เข้ากับระบบใหม่นี้ได้อย่างเต็มที่ หลังจากนั้นพวกเขาคงทำประตูกันได้อย่างเป็นกอบเป็นกำแน่นอน

ในวันเสาร์ที่ผ่านมาบรรยากาศในเอมิเรตส์สเตเดี้ยมคึกคักเป็นพิเศษ อาจจะเป็นเพราะ 2 นัดก่อนหน้านี้นักเตะของพวกเขาโชว์ฟอร์มได้เป็นอย่างดี จนอาจจะอดใจไม่ไหวที่จะได้เห็นด้วยสองตาพวกเขาเอง บรรยากาศที่ดูคึกคักอีกส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะทางทีมบริหารของอาร์เซนอลตัดสินใจที่จะดำเนินแผนการที่เรียกว่า 'Arsenalisation' หรือ 'อารยธรรมปืนโต' โดยที่ทุกที่นั่งในสนามเอมิเรตส์นัดแรกในฤดูกาลนี้ สโมสรแจกผ้าพันคอลายขาวแดงให้กับทุกคน เมื่อมันถูกโบกสบัด ก็ทำให้บรรยากาศดูคึกคัก ตื่นตาและเป็นหนึ่งเดียวกัน

พวกเขาต้องการสร้างประวัติศาสตร์และภาพของความอบอุ่นแบบไฮบิวรี่ ให้เกิดขึ้นอีกครั้งที่บ้านหลังใหม่นี้

"คุณต้องการนำภาพแห่งประวัติศาสตร์ ขึ้นไปประดับไว้บนผนัง
และสร้างประวัติสาสตร์หน้าใหม่ ด้วยความสำเร็จ"

"แต่ตอนนี้เรายังไปไม่ถึงตรงนั้น ทั้งในสนามและนอกสนาม
งานของผมคือต้องนำทีมนี้ไขว่คว้าสิ่งเหล่านั้นมาให้ได้" เวนเกอร์บอก

ดูเหมือนเวนเกอร์จะเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี เอมิเรตส์สเตเดี้ยมที่เปิดมาได้เพียง 4 ปี ไม่มีทางที่จะเทียบได้กับ 96 ปีของไฮบิวรี่ได้อย่างแน่นอน และถึงแม้จะผ่านมาแล้วถึง 4 ปี หลายคนยังไม่ได้รู้สึกว่าที่นี่คือบ้านของอาร์เซนอลเสียด้วยซ้ำ เมื่อเทียบกับไฮบิวรี่ เอมิเรตส์สเตเดี้ยมอาจจะใหญ่กว่า ใหม่กว่า ทันสมัยกว่า แต่สิ่งที่ยังขาดคือ"หัวใจและความอบอุ่น"ในแบบไฮบิวรี่

"ไฮบิวรี่นั้นเต็มไปด้วยจิตวิญญาณและกลิ่นไอแห่งความสำเร็จ ด้วยประวัติศาสตร์ที่ยาวนานของมัน พวกเราสร้างประวัติศาสตร์กันที่นั่น ด้วยการชนะและเป็นแชมป์ และยังสร้างสถานที่ที่แสนอบอุ่นให้กับทุกคนด้วย"

"ประวัตอศาสตร์ของสโมสรถูกทิ้งไว้ไว้ที่นั่น เมื่อเราย้ายบ้านใหม่
แต่เป็นเรื่องที่สำคัญยิ่ง ที่เราจะต้องทำให้ประวัติศาสตร์และคุณค่านั้น
ยังคงมีชีวิต ให้เราได้รู้สึกได้แม้จะอยู่บ้านใหม่แล้ว" เวนเกอร์บอก

เมื่อครั้งที่ไฮบิวรี่ต้องจบชีวิตลง มันได้ทิ้งช่วงเวลาที่สำคัญแห่งประวัติศาสตร์ไว้ 12 อย่าง เหตุการณ์นั้นยังคงฝังลึกในความทรงจำและหัวใจของแฟนๆ อย่างเหนียวแน่น

- ปี 1925 เริ่มต้นยุคของเฮอเบิร์ต แชปแมน ผู้จัดการทีมผู้ยิ่งใหญ่
- ปี 1971 อาร์เซนอลคว้าดับเบิ้ลแชมป์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร
- ปี 1989 อาร์เซนอลคว้าแชมป์ที่แอนฟิลด์ ด้วยลูกยิงประวัตอศาสตร์ของไมเคิล โทมัส
- ปี 1994 อาร์เซนอลคว้าแชมคัพวินเนอร์คัพ เป็นแชมป์ยุโรปครั้งแรกของสโมสร
- ปี 1995 เดนิส เบิร์กแคมป์ เซ็นสัญญาร่วมทีมอาร์เซนอล และกลายเป็นตำนานในที่สุด
- ปี 1996 อาร์แซน เวนเกอร์ เข้ารับตำแหน่งผู้จัดการทีม
- ปี 1997 เอียนไรท์ ทำลายสถิติยิงประตูสูงสุดของ คลิฟ บาสติน
- ปี 1998 อาร์เซนอลคว้าดับเบิ้ลแชมป์ครั้งแรกภายใต้การคมทีมของเวนเกอร์
- ปี 2002 เวนเกอร์นำทีมคว้าดับเบิ้ลแชมป์อีกครั้ง
- ปี 2004 "ไร้พ่าย" อาร์เซนอลคว้าแชมป์ลีกด้วยการไม่แพ้เลยสักนัดเดียว
- ปี 2005 เธียรี่ อองรี ทำสถิติยิงประตูสูงสุดให้กับสโมสร
- ปี 2005 "49 นัดไม่มีแพ้" คือสิ่งที่ทีม"ไร้พ่าย"ทำได้

อีวาน การ์ซิดิส ซีอีโอคนใหม่ของอาร์เซนอล ผู้มีส่วนร่วมสำคัญในโครงการ 'อารยธรรมปืนโต' 'Arsenalisation' ที่หวังจะสร้างให้เกิดขึ้นอีกครั้งที่เอมิเรตส์สเตเดี้ยม บอกว่า

"เป็นเรื่องที่เราต้องเข้าใจที่ว่า แฟนบอลคือศูนย์กลางของสโมสร และพวกเขาก็มีสิทธิ์อย่างเต็มที่ที่จะได้รับประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม เมื่อเขามาชมเกมในสนาม เรารับฟังพวกเขาที่ต้องการให้สนามแห่งนี้รู้สึกเหมือนกับบ้าน เราจึงพยายามคิดหลายๆอย่าง และนี่ก็เป็นเพียงการเริ่มต้น" กาซิดิสกล่าว

"ผมเจอกับผู้คนที่เป็นแฟนอาร์เซนอลมา 50ปี หรือ 60 ปี และหัวใจกับจิตวิญญาณของพวกเขาก็ฝังอยู่ที่ไฮบิวรี่ เราต้องมอบบางสิ่งบางอย่างให้แก่พวกเขา ให้พวกเขาได้รู้สึกว่า โอ้...นี่ล่ะสิ่งที่ฉันได้พบเจอมาตลอดชีวิต" เวนเกอร์บอก

นั่นก็คือความพยายามที่ฝ่ายบริหารจะทำให้บรรยากาศของเอมิเรตส์สเตเดี้ยม ได้รู้สึกเหมือนกับเป็นบ้านจริงๆของอาร์เซนอลเสียที เพราะ2-3 ฤดูกาลที่ผ่านมา ดูเหมือนว่านักเตะอาร์เซนอลจะเล่นนอกบ้านได้ดีกว่าในบ้านเสียอีก ผิดกับเมื่อครั้งที่เป็นไฮบิวรี่ ไม่ว่าใครหน้าไหนมาเยือนก็ต้องหวั่นไหวกับบรรยากาสในสนาม และขาสั่นเมื่อต้องเจอกับขุนพลปืนโต

แต่ไม่ว่าจะพยายามปรับบรรยากาศให้พิเศษเพียงใด แต่สิ่งที่คุณก็รู้ ผมก็รู้ และใครๆก็รู้ นั่นคือสิ่งที่จะทำให้ทุกคนรู้สึกว่าที่นี่เหมือนกับบ้านจริงๆของอาร์เซนอล มีสิ่งเดียวเท่านั้น...

นั่นคือ"การชนะและเป็นแชมป์"

เชียร์!!!

จนกว่าจะพบกันใหม่

Gooners till I die
fat_kj
//

นี่คือบรรยากาศก่อนเกมกับพอร์ทมัธ คึกคักและมีเสน่ห์ไปอีกแบบ

//