ผมจบคืนวันเสาร์ด้วยความเจ็บปวด จากการพ่ายแพ้ของอาร์เซนอลที่มีต่อแมนยู ผมหมดพลังไปกับการแหกปากดีใจในนาทีสุดท้ายจากลูกยิงของเพอร์ซี่ ก่อนที่ในอีกไม่กี่วินาทีต่อมามันจะกลายเป็นลูกล้ำหน้า ผมขับรถกลับบ้านด้วยอาการมึนงง

และสงสัยด้วยอาการ"ซึม"ที่ปรากฏชัดบนหน้าของผม เมื่อไปเจอกับด่านแถวๆแยกรามคำแหง คุณตำรวจจึงจัดการเชิญตัวผมไป"เป่า"เพื่อวัดปริมาณแอลกอฮอลล์

ผมอยากตะโกนดังๆ ใส่หน้าว่า "ผมไม่ได้เมา...แค่มึนจากบอลแพ้เฉยๆ"

ทันทีที่เปิดกระจกลง คำแรกที่คุณตำรวจทัก "เป็นไงน้อง ชนะมั้ย" ด้วยความที่ตัวผมนั้นใส่เสื้ออาร์เซนอลสีแดงหรา...เหอะๆ...คุณพี่ตำรวจครับ ดูหน้าผมก็น่าจะรู้ คำว่า"แพ้"แปะอยู่บนหน้าซะขนาดนี้

ถึงแม้ผมจะบอกว่าไม่ได้ดื่ม แต่ไหนๆก็เชิญผมขับรถเข้าด่านเสียขนาดนี้ ไม่ให้เป่าเดี๋ยวจะเสียเที่ยว คุณตำรวจก็เลยจัดแจงจัดการเสียเลย ผมต้องบอกว่านี่เป็นครั้งแรกที่ไดประสบการณ์ในการ"เป่า" เพราะแต่ไหนแต่ไร ขับผ่านด่านทีไร ไม่เคยเลยสักครั้งที่คุณตำรวจจะเรียก

ท่าทางวันนี้จะซวยจริงๆ...

แน่นอนว่าหลังจากเป่า ผมไม่มีปริมาณแอลกอฮอลล์สักนิด และคุณตำรวจก็เฉย และเรื่องก็น่าจะจบลงเพียงแค่นั้น แต่ก่อนที่จะลุกจากเก้าอี้ คุณตำรวจยิงคำถามสุดท้าย

"แพ้ได้ไงน้อง"
"โดนจุดโทษ...แล้วมันยังโหม่งเข้าประตูตัวเองอีกครับพี่"
"แหม๊...ทำไปได้"
"...."

ผมหวัดดีและหันกลับโดยที่ไม่มีบทสนทนาอื่นใดกลับไปอีก เพราะแค่นี้ผมก็เจ็บพอแล้ว

ตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะหลบไปเลียแผลใจสักระยะ และเมื่อวานนี้ฝนมันก็กระหน่ำทั้งวัน มันยิ่งทำให้อารมณ์ผมหดหู่ลงไปอีก แต่วันนี้ผมรู้สึกว่า ด้วยหน้าที่ของคนเขียนคอลัมน์ ผมไม่ควรจะละทิ้งทีมที่ผมรัก และแฟนๆทุกคนที่กำลังเจ็บปวด

ถ้าหากว่ากันที่รูปเกมอาร์เซนอลไม่ได้ด้อยกว่า ยิ่งมาได้ลูกยิงขึ้นนำจากอาชาวิน ในตอนนั้นผมมั่นใจแล้วว่าคืนนี้ยังไงก็ไม่แพ้ แต่ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ เสียจุดโทษโดนตีเสมอยังไม่เท่าใหร่ ตอนนั้นรูปเกมก็ยังไม่ได้เสียอะไรมาก แต่ไอ้การทีดิอาบี้มาโหม่งเข้าประตูตัวเองนี่สิ มันทำเอาทุกอย่างแทบจะจบกัน

แม้ว่าทีมจะพยายามอย่างเต็มที่จนวินาทีสุดท้ายที่จะเอาประตูคืน แต่มันก็ไม่ง่าย เพราะทีมที่เราเจอมันคือแมนยู ไม่ใช่ทีมหนีตกชั้นเสียเมื่อใหร่...

ถึงจะไม่พอใจกับกรรมการ แต่ก็ไม่อยากพูดถึง เพราะมันก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ และเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ ในเกมฟุตบอล

กับการพ่ายแพ้ครั้งนี้ คงไม่สามารถไปโทษใครเป็นรายบุคคลได้หรอก และถึงมีก็ไม่อยากจะโทษ เพราะนี่เป็นเพียงเกมที่ 3 ของพรีเมียร์ลีกเท่านั้น และการพ่ายแพ้ต่อแมนยู มันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเสียหายอะไรมาก เพราะผมว่าทรงบอลของอาร์เซนอลคงไม่แกว่งมากในปีนี้ เพราะนักเตะในตอนนี้ ผมว่าพวกเขาโตพอที่จะ"อยู่กับความพ่ายแพ้เป็น"แล้ว

พวกเราแฟนบอลเองก็ต้องอยู่ให้ได้และอยู่ให้เป็น เช่นเดียวกับนักเตะ...

หลังเกมกับแมนยู มีเรื่องราวตามมาให้เป็นที่พูดถึงพอสมควร โดยเฉพาะกรณีที่เวนเกอร์โดนเชิญตัวออกจากข้างสนาม โดยที่กรรมการและฝ่ายดูแลการแข่งขันมีความผิดพลาด ชนิดที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น พวกเขาปล่อยให้ผู้จัดการทีมอาร์เซนอลฟุตบอลคลับ สโมสรที่มีเกียรติและให้ความเคารพต่อทุกคนที่มาเยือนสนามเอมิเรตส์เสมอ ได้รับการปฏิบัติที่น่ารังเกียจจากแฟนบอลในโอลแทรพฟอร์ด

แม้จะมีการออกมาจัดแจงในการเตรียมที่จะขอโทษเวนเกอร์อย่างเป็นทางการ จากหัวหน้าผู้ตัดสินของเอฟเอ แต่สิ่งที่น่าละอายที่พวกเขาปล่อยให้เกิดขึ้นกับเวนเกอร์ ผู้จัดการทีมที่เป็นที่รักของพวกเรา มันยากที่จะให้อภัยกันได้ง่ายๆ

"ให้ตายสิ...ผมไม่รู้จะพูดยังไง มันเหลือเวลาแค่ 30 วินาทีของการแข่งขัน
มันประหลาดดีแท้...ผมไม่รู้ว่าผมจะต้องไปที่ไหน เขาบอกให้ผมไปที่แสตนด์
แต่มันไม่ทางที่จะไปที่แสตนด์เลย..." เวนเกอร์กล่าว

"แค่ผมเตะขวดน้ำ(เปล่าๆ) ผมไม่ได้พูดอะไร ไม่ได้ต่อว่าใคร
และมันก็เป็นจังหวะการเตะที่ออกจะสวยงาม..." เวนเกอร์กล่าวติดตลกปิดท้าย

ที่แล้วก็แล้วไป...เริ่มใหม่ดีกว่า

เที่ยงคืนวันนี้ตามเวลาต่างประเทศ ตลาดซื้อขายนักเตะก็จะปิดลง และหากมีการซื้อขายในนาทีสุดท้าย ทางสโมสรก็มีเวลาในการเตรียมเอกสารขั้นสุดท้ายไปยืดให้จนถึง 5 โมงเย็นของวันที่ 1 กันยายน และนั่นถือเป็นการปิดตลาดซื้อขายประจำซัมเมอร์ 2009 อย่างเป็นทางการ ก่อนที่ตลาดจะกลับทาเปิดอีกครั้ง ในวันที่ 1 มกราคม 2010

วันนี้หนังสือพิมพ์จากฝั่งอังกฤษ ก็ยังคงโหมกระพือข่าวลือออกมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนชื่อที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับอาร์เซนอลก็ยังคงเป็นชื่อเดิมๆ มารูยาน ชามัคห์ แพททริค วิเอร่า มาตุยส์ดี ฟานเดอฟาท และล่าสุด ยังมีชื่อของฟานบุยเต็น เข้ามาเกี่ยวข้อง

ส่วนมันจะเกิดขึ้นจริงหรือเปล่า ไม่ต้องลุ้นกันนาน เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็รู้แล้ว ส่วนตอนนี้ก็ทำใจสงบๆ ไปก่อน

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกหยุดพักไป 1 สัปดาห์ หลีกทางให้ทีมชาติได้เตะฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกกัน จะกลับมาอีกทีก็วันที่ 12 กันยายน โดยที่อาร์เซนอลมีคิวไปเยือนเมืองแมนเชสเตอร์อีกครั้ง โดยที่จะพบกับแมนเชสเตอร์ซิตี้ โดยที่ความน่าสนใจก็คือ เหล่านักเตะอาร์เซนอลจะได้ดวลแข้งกับเพื่อนเก่า อย่างอเดบายอและตูเร่

สุดท้ายผลการจับสลากฟุตบอลรายการคาลิ่งคัพ อาร์เซนอลจะเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ เวสบรอมวิสอัลเบี้ยน ในวันที่ 22 กันยายน

เชียร์!!!

จนกว่าจะพบกันใหม่

Gooners till I die
fat_kj
//