ผมเป็นคนที่ชอบดูหนังรอบดึกคืนวันศุกร์เป็นพิเศษ เพราะหลังจากที่เหน็ดเหนื่อยกับงานมาทั้งสัปดาห์ วิธีหาความสุขใส่ตัวที่ดีที่สุดให้กับตัวเองคือการเข้าโรงหนังคนเดียว หลังจากนั้นก็นอนให้ตื่นสายที่สุดเท่าที่จะทำได้ในวันเสาร์

อีกเหตุผลที่เข้ารอบดึกนั่นก็เพราะประชากรในโรงหนังมักจะน้อยกว่าปกติ แต่ก็ไม่ถึงขั้นวังเวงนัก สำหรับหนังใหญ่ๆ หรือหนังในกระแสสักเรื่อง และคืนนี้ก็เช่นเคย ผมเลือกหนังเรื่อง DISTRICT 9 สำหรับช่วงเวลาแห่งความสุขของผมในคืนนี้

DISTRICT 9 ถูกให้ชื่อภาษาไทยว่า "ยึดแผ่นดิน เปลี่ยนพันธุ์มนุษย์" ซึ่งก็อีกเช่นเคย ที่คนที่คิดชื่อหนังก็หวังเพียงการเรียกกระแสคนให้เข้าโรงหนังเท่านั้น โดยที่เรื่องราวในหนังไม่ได้ตรงกับชื่อเลย

แต่ถึงอย่างไร มันก็ไม่ได้แย่นัก หากเทียบกับชื่อหนังเรื่องหนึ่งก่อนหน้านี้ ที่เล่นเอาผมส่ายหน้า และถึงขั้นไม่ยอมเข้าโรงดู นั่นคือ BLOOD ที่เขาให้ชื่อไทยกันว่า "ยัยตัวร้าย สายพันธุ์อมตะ" รับไม่ได้จริงๆ

"ยึดแผ่นดิน เปลี่ยนพันธุ์มนุษย์" หากได้ยินชื่อหนังเรื่องนี้ ใครๆก็ต้องคิดว่า หนังเรื่องนี้คงเกี่ยวกับการรุกรานโลกของมนุษย์ต่างดาว และคงมันทะลุจอถึงเรื่องราวการทำสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์...ซึ่งนั่นไม่ใช่เลย

ความสนใจแรกที่ผมเลือกที่จะไปดูหนังเรื่องนี้ ก็คือการนำเสนอแบบงานหนังสารคดี ซึ่งผมเป็นคนที่สนใจงานแบบนี้เป็นพิเศษ ซึ่งผู้กำกับ นีลล์ บลอมแคมป์ ก็นำรูปแบบนี้มาใช้ประโยช์ได้อย่างฉลาดและสร้างความน่าสนใจกับหนังเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี

DISTRICT 9 หรือ พื้นที่หมาย 9 ในเมืองโยฮันเนสเบิร์ก ประเทศแอฟริกาใต้ เป็นเขตกักกันผู้อพยพชาวต่างดาว ที่มีประชากรราว 1 ล้าน

20 ปีผ่านไป พวกเขามีประชากรเพิ่มขึ้น อีก 8 แสน และตอนนี้ทางหน่วยงาน MNU ซึ่งตั้งขึ้นมาเพื่อดูแลชาวต่างดาวนี้ มีแผนที่จะอพยพพวกเขาไปสู่พื้นที่ใหม่ ที่ห่างไกลออกไปจากเมือง

ตลอดระยะเวลา 20 ปี โยฮันเนสเบิร์กผ่านความขัดแย้ง จราจล การเรียกร้องสิทธิ ทั้งของมนุษย์ และอมนุษย์ พื้นที่หมายเลข 9 ไม่ต่างจากสลัม ที่ถึงจะตั้งบนพื้นที่โลก แต่มันคือแดนสนธยา ที่ไม่มีมนุษย์ธรรมดาคนไหนกล้าย่างกรายเข้าใกล้ และถึงแม้จะผ่านมาถึง 20 ปี ชาวต่างดาวกับชาวเมือง ก็ยังเป็นเพียงคนแปลกหน้าต่อกันไม่เคยเปลี่ยนแปลง

ไม่มีการเรียนรู้ เชื่อมโยง หรือทำความเข้าใจต่อกัน...

วีคัส เป็นเจ้าหน้าที่ MNU ที่เพิ่งได้เลื่อนตำแหน่ง เขาถูกมอบหมายให้เป็นหัวหน้าทีมในการนำหมายแจ้งย้ายไปให้กับเหล่าชาวต่างดาวเซ็น ซึ่งเป็นไปได้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงของการ"ไล่ที่"ในครั้งนี้ มันมีอย่างอื่นแอบแฝง

MNU นอกจากจะดูแลชาวต่างดาวเหล่านี้ พวกเขายังเป็นผู้ผลิตอาวุธรายใหญ่ของโลก โดยที่พวกเขานำเอาเทคโนโลยีที่ยึดมาจากชาวต่างดาว มาพัฒนา และขายมันให้กับลูกค้า แต่ก็ไม่ใช่ว่าพวกเขาจะทำมันได้ง่ายนัก เพราะอาวุธของชาวต่างดาวนั้น มันทำงานเชื่อมกับ DNA ของพวกเขา

ชาวต่างดาวที่ไม่มีใครเคยใยดี และไม่เคยถูกมองว่าเป็นสิ่งมีชีวิตแบบเดียวกับมนุษย์ ถูกนำมาเป็นสัตว์ทดลองอย่างลับๆ เพื่อค้นหาความลับที่ซ่อนอยู่ในรหัสพันธุกรรมของพวกเขา

ในระหว่างการเข้าไปเปิดบ้านของชาวต่างดาว อาวุธร้ายแรงถูกค้นพบและถูกยึดไปโดย MNU มันน่าแปลกใจเหลือเกิน ผ่านมาแล้ว 20 ปี อาวุธที่มีอานุภาพร้ายกาจเหล่านี้ ไม่เคยถูกนำมาทำร้ายมนุษย์ และไม่เคยมีภาพปรากฏว่า พวกเขานำมาทำร้ายกัน

คริสโตเฟอร์ เป็นชาวต่างดาวระดับมันสมอง ที่กำลังวางแผนที่จะหาทางกลับบ้าน โดยที่เขาใช้เวลา 20 ปีที่ผ่านมา สะกัดเชื้อเพลิงชนิดพิเศษ ที่จะสามารถทำให้ยานแม่ที่ลอยนิ่งอยู่เหนือกรุงโยฮันเนสเบิร์ก สามารถทำงานได้อีกครั้ง แต่แท่งที่บรรจุเชื้อเพลิงนั้นกลับถูกยึดไปโดย วีคัส เสียก่อน

ด้วยความไม่รู้ของ วีคัส สารบางอย่างที่อยู่ภายในหลอดบรรจุเชื้อเพลิง กระเด็นเข้าใส่เขา วีคัส ติดเชื้ออย่างรุนแรง เชื้อที่ทำให้เขาค่อยๆกลายพันธุ์ไปเป็น อมนุษย์ เช่นเดียวกับคริสโตเฟอร์ แต่แทนที่เขาจะได้รับการช่วยเหลือจากหน่วยงาน วีคัส กลายเป็นสัตว์ทดลองชั้นดี และนั่นทำให้เขาถูกไล่ล่า และผลักให้เขาไปอยู่อีกฝ่าย

และที่ที่เดียวที่ วีคัส จะหลบซ่อนได้ ก็มีเพียงแค่ที่ DISTRICT 9 เท่านั้น...

หนังเรื่อง DISTRICT 9 ใส่ประเด็นเข้มข้นทางสังคมเข้าไปในหนังบันเทิงสไตล์ฮออลลีวู้ดได้อย่างลงตัว โดยที่ไม่ได้ถูกลดทอนความสำคัญลงเลย และด้วยรูปแบบการนำเสนอ มันยังทำให้ประเด็นเรื่อง"สิทธิมนุษยชน" ที่ทั้งโลกพยายามพูดถึงกันอยู่สามารถดูได้แบบไม่หนักอึ้ง แถมยังสนุกมากอีกด้วย นี่มันหนังคือ "คัลต์ ไซ-ไฟ" เกรดเอชัดๆ ที่นำเสนอในแบบ "ม็อคคิวเมนทารี่" อย่างตัวที่สุด

DISTRICT 9 ถูกจัดเรต "น15+ ภาพยนต์ที่เหมาะสำหรับผู้ชมอายุ 15 ปีขึ้นไป"

และเรื่องราวในหนังมันก็ใกล้ตัวเราเหลือเกิน ในเมืองไทยเอง แรงงานต่าวด้าว ผู้อพยพ ชนกลุ่มน้อย คนชายขอบเหล่านี้แทบไม่มีตัวตนเลยในสายตาของหลายคน บางทีอาจจะไม่ได้เห็นว่าเขาเป็นคนเหมือนเราเลยก็ได้... 

ดูหนังเรื่องนี้แล้วก็นึกถึง"น้องหม่อง เครื่องบินกระดาษ" ที่กว่าจะถูกยอมรับในฐานะมนุษย์จากบางคน ก็ต้องผ่านการต่อสู้พอสมควร นี่ถ้าไม่ได้อยู่ในช่วงที่รัฐบาลกำลังต้องการเสียงและภาพที่ดีจากประชาชน เรื่องของน้องหม่อง ไม่มีทางจบแบบแฮปปี้ง่ายๆ แน่...

ต่างกับเรื่องราวของคริสโตเฟอร์และผองเพื่อนจากต่างดาว ที่พวกเขากำลังเคว้งหลังขาดผู้นำ และมาหยุดที่โลกอย่างไร้ที่ไป แทนที่มนุษย์จะมีโอกาศได้เรียนรู้ถึงวัฒนธรรมที่แตกต่าง แต่สิ่งที่พวกเขาสนใจกลับเป็นเพียงเทคโนโลยีด้านอาวุธ และมองพวกเขาเป็นเพียงสัตว์เดียรัจฉาน

โลกยังคงมีที่ว่างพอสำหรับพวกเขา...แต่หัวใจเราต่างหากที่มันเต็มเกินไป และถูกปิดล็อคไว้อย่างแน่นหน้าเพียงเพราะว่าอีกคน "ไม่เหมือนเรา"

"คน ไม่มีความเป็นมนุษย์...แต่อมนุษย์ กลับมีความเป็นคน" 

สรุปว่า DISTRICT 9 เป็นหนังที่ดูสนุกมากสำหรับผม แถมยังทิ้ง "ใจความ" ที่มีคุณค่าไว้ให้ได้คิดต่ออีกมาก มันเป็นคืนที่มีความสุขจากการดูหนังสำหรับผมจริงๆ...

fat_kj
//