ทันทีที่ภาพน้ำท่วมนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร แพร่ไปในระบบอินเตอร์เน็ต ผมก็รีบโทรไปหาเพื่อนที่อยู่ชานเมืองกรุงเทพ ที่เคยมีข่าวน้ำท่วมประจำ ว่าให้ระวังเก็บข้าวของขึ้นที่สูง น้ำจะท่วมสูงระดับ 1-3 เมตร หนักกว่าทุกครั้ง เพราะผมรู้ดีว่า โลกที่เราเคยอยู่นี้ ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว แต่ฟังดูน้ำเสียงของผู้คนที่ได้รับโทรศัพท์จะไม่ค่อยเชื่อเท่าไรว่า น้ำจะท่วมกรุงเทพและปริมณฑล ก่อนอื่น อยากให้ท่านทราบก่อนว่า บ้านเกิดของผมอยู่ที่หาดใหญ่ ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา หาดใหญ่ประสบกับอุทกภัยมาแล้ว 2 ครั้ง แต่ละครั้งระดับน้ำสูง 3-4 เมตร เรียกได้ว่าน้ำท่วมมิดหัวหรือระดับน้ำแตะเพดานชั้น 1 ของบ้านอยู่อาศัย ขณะเดียวกันในช่วงต้นเดือนกันยายน ผมได้มีโอกาสเดินทางไปจังหวัดอุทัยธานี เพื่อเยี่ยมญาติที่ป่วยหนัก ได้เห็นน้ำท่วมตลาดอุทัยธานีระดับอก มันยิ่งย้ำเตือนผมว่า โลกใบนี้ไม่ใช่โลกที่จะมีความกรุณาปราณีกับพวกเราเช่นเคยอีกแล้ว มีบ้านหลังหนึ่งในตลาดอุทัยธานี เป็นบ้านเพียงไม่กี่หลังที่อยู่ใจกลางตลาดแต่น้ำไม่ท่วม เนื่องจากมีการก่อกำแพงอิฐที่ประตูบ้านระดับศีรษะก่อนน้ำจะมาเพียง 2 วัน ผมได้มีโอกาสแวะไปเยี่ยมในฐานะคนรู้จัก เจ้าของบ้านเล่าให้ฟังว่า อุทัยธานีเคยมีน้ำท่วมใหญ่เมื่อไม่กี่ปีก่อน ดังนั้นพอเขาได้ข่าวว่าน้ำได้ท่วมจังหวัดทางภาคเหนือหลายแห่งและไม่นานคงต้องไหลลงมาตอนใต้ผ่านจังหวัดอุทัยธานีแน่ จึงได้รีบก่อกำแพงอิฐ แล้วหาเครื่องสูบน้ำที่เรานิยมเรียกว่าไดโว่คอยสูบน้ำที่ซึมเข้ามา ทำให้ร้านเขารอดจากน้ำท่วมได้อย่างอัศจรรย์ สิ่งนี้ทำให้ผมเริ่มเห็นความสำคัญของการเตรียมตัวที่ดีต่อปัญหาน้ำท่วม ประกอบกับการที่ผมเป็นคนสนใจอ่านข่าวสารทั้งหนังสือพิมพ์ ข่าวออนไลน์ ฟังข่าววิทยุและโทรทัศน์ ได้ทราบว่าได้เกิดน้ำท่วมใหญ่ระดับสูง2-3 เมตรในจังหวัดต่างในภาคกลางพร้อมกันถึง 4-5 จังหวัด ได้แก่ อยุธยา ลพบุรี อุทัยธานีและนครสวรรค์ โดยจังหวัดเหล่านี้มีน้ำท่วมขังเป็นเดือน ซึ่งแน่นอนว่าเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อนตลอดอายุ 50 ปีของผม พร้อมทั้งยังมีข่าวว่าเขื่อนใหญ่ๆยังคงต้องปล่อยน้ำออกมาอย่างต่อเนื่องเพราะน้ำเต็มเขื่อน ข้อมูลเพียงเท่านี้ก็คงเพียงพอที่จะทำให้เราๆท่านๆตื่นตระหนกได้แล้ว เราทุกคนได้เคยเรียนมาแล้วว่า แม่น้ำใหญ่ 4 สายได้แก่ ปิง วัง ยม น่าน จะไหลมารวมตัวกันที่นครสวรรค์ เป็นแม่น้ำเจ้าพระยา แล้วไหลลงทิศใต้ ผ่านจังหวัดในภาคกลาง ผ่านกรุงเทพ และออกทะเลที่จังหวัดสมุทรปราการ ผมว่าเราไม่จำเป็นต้องรู้ละเอียดหรอกว่าปริมาณน้ำที่ไหลมานั้น มีขนาดกี่หมื่นกี่พันล้านลูกบาศก์เมตร เพราะถึงรู้ก็นึกภาพไม่ออก เพียงเราคิดอย่างชาวบ้านธรรมดาก็ได้ว่า ปริมาณน้ำที่ท่วมขังใน 4-5 จังหวัดพร้อมกัน อันได้แก่ นครสวรรค์ อยุธยา ลพบุรี อุทัยธานี และปทุมธานี หากไหลมารวมกันและต้องผ่านกรุงเทพ อะไรจะเกิดขึ้น ดังนั้นเมื่อผมรู้ว่านิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนครแตก ผมก็รู้ว่ามันมาแน่ ต้นเดือนตุลาคม ผมเริ่มหาซื้ออุปกรณ์ที่ใช้เตรียมรับน้ำท่วม เช่น ถังบรรจุน้ำ เตาแก๊สปิคนิค ถุงดำและสายโทรศัพท์เพื่อโอนย้ายคอมพิวเตอร์ทั้ง 2 เครื่องขึ้นชั้นสอง ผมอาศัยการคาดการณ์จากจังหวัดที่กำลังมีน้ำท่วมขังว่า ต้องจมอยู่ใต้บาดาลกี่สัปดาห์เป็นแนวทางในการเตรียมรับมือ ผมคิดของผมเองว่า ถ้าบ้านต้องจมอยู่ในน้ำระดับ 1-2 เมตร เป็นเวลาแรมเดือน ผมต้องเตรียมอะไรบ้าง หลังจากที่ผมได้เห็นภาพโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนครมีน้ำไหลบ่าเข้าท่วมสำนักงาน ในวันที่ 6 ตุลาคม 2554 ภาพเครื่องคอมพิวเตอร์ลอยน้ำ ขณะที่แฟ้มเอกสารต่างๆจมน้ำหมด ผมนึกในใจว่า บริษัทนี้มีการสำรอง ( back up ) ข้อมูลไว้รึปล่าว ถ้าไม่มี เขาจะแก้ปัญหาอย่างไร ข้อมูลในคอมพิวเตอร์จมน้ำ ครั้นจะใช้บันทึกที่ทำด้วยมือที่อยู่ในแฟ้มเอกสารต่างๆ ก็จมน้ำเช่นเดียวกัน ผมจึงรีบโทรหาเพื่อนที่เป็นเจ้าของโรงพยาบาลชลลดา บางบัวทอง ซึ่งตอนนั้นน้ำยังไม่ท่วม เตือนเขาว่าให้ระวังระบบข้อมูลด้วยนะ แต่เขาบอกว่าโรงพยาบาลของเขามีระบบสำรองข้อมูลเรียบร้อยไม่ต้องเป็นห่วง ผมจึงโทรหาเพื่อนอีก 2-3 คนที่เป็นเจ้าของสำนักงานที่มีนบุรีและเมืองทองธานี ให้เขาระวังเอกสารและระบบคอมพิวเตอร์ จากนั้นได้ทยอยโทรไปหาคนที่สนิทมักคุ้น ที่รู้ว่าเขาอาศัยอยู่ใกล้แม่น้ำเจ้าพระยา หรืออาศัยอยู่ในที่ลุ่มเช่น บางบัวทอง ลาดกระบัง หนองจอก เป็นต้น แนะให้เขาเตรียมรับมือ โดยการขนของขึ้นที่สูง ถ้าเป็นชั้น 2 ยิ่งดี ผมบอกเขาว่าของบางชิ้น มีชิ้นเดียวในโลก เช่น ภาพตอนเด็ก หรือข้อมูลในคอมพิวเตอร์ หากสูญหายแล้วไม่สามารถซื้อหาใหม่ได้ หากเรายกหนีแล้ว น้ำไม่มา เราก็ได้ออกกำลังกาย ได้จัดของใหม่ ไม่เสียหายอะไร ผมจะบอกทุกคนว่า บ้านผมได้ลงทุนย้ายเครื่องคอมพิวเตอร์พร้อมระบบอินเตอร์เน็ตขึ้นชั้น 2 เพราะผมรับความเสี่ยงไม่ได้ นอกจากนั้นผมยังได้จ้างช่างมาช่วยขนย้ายของหนักขึ้นที่สูง ซึ่งรวมถึงเปียโน และชุดโซฟา พร้อมทั้งให้เขาสร้างกำแพงปูนสูง 1 เมตร เป็นพนังกั้นน้ำที่ประตูเข้าบ้านทุกบาน บ้านผมเป็นหลังแรกในซอยที่สร้างพนังกั้นน้ำ (ราววันที่ 13-14 ตุลาคม) ตอนแรกคนในซอยก็มองแบบยิ้มๆ คงคิดว่าเราเป็นพวกกระต่ายตื่นตูม แต่เมื่อมวลน้ำเข้าโจมตีสถานที่หลายแห่งเช่น นิคมอุตสาหกรรมต่างๆ บางบัวทอง และหมู่บ้านเมืองเอก ตอนนี้เกือบทั้งซอยก็จ้างช่างมาทำกำแพงปูนกันหมด แม้แต่คนที่เคยพูดว่า ผมไม่กลัวหรอก อะไรจะเกิดก็ให้เกิด สุดท้ายก็ได้ข่าวว่ายกของขึ้นที่สูงเช่นกัน ผมยังได้เขียนบทความเตือนคนกรุงเทพในหัวข้อผมไม่เชื่อ มวลน้ำก้อนใหญ่ ผ่านไปแล้ว หลังจากที่ ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ของรัฐบาลได้ออกมาประกาศว่ามวลน้ำก้อนใหญ่ได้ผ่านไปแล้ว ในวันที่ 16 ตุลาคม 2554 ซึ่งท่านสามารถอ่านรายละเอียดได้ในเวบไซต์ www.oknation.net/blog/banyong มาถึงวันนี้ ( 31 ตุลาคม 2554 ) ผมรู้สึกว่า สถานการณ์น้ำท่วมของกรุงเทพ ดีขึ้นกว่าที่ผมคาดไว้มาก เดิมทีผมคาดไว้ว่า มวลน้ำขนาดใหญ่ เมื่อโจมตีนิคมอุตสาหกรรมนวนครแล้ว ควรจะไหลบ่าเข้ากรุงเทพทั่วทุกเขตภายใน 1 สัปดาห์ และจะท่วมเขตเศรษฐกิจชั้นในเป็นเวลา 2-3 สัปดาห์ จากนั้นน้ำจะค่อยๆถูกสูบโดยอุโมงค์ยักษ์ในเมืองที่พระรามเก้า-รามคำแหง และพระโขนงออกไปชานเมือง เช่นหนองจอก มีนบุรีและลาดกระบัง ซึ่งจะทำให้เขตรับน้ำนี้ท่วมต่อไปอีก 4-6 สัปดาห์ แต่วันนี้ นับจากวันที่มวลน้ำเข้าท่วมถนนหน้าห้างสรรพสินค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต เป็นเวลา 1 สัปดาห์แล้ว มวลน้ำยังมาได้เพียงแยกบางเขน (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ตุลาคม) ทำให้ผมเชื่อว่า ย่านบางจาก เขตพระโขนง ที่ผมอาศัยอยู่ อาจจะไม่เจอน้ำท่วมแล้ว เพราะอะไรหรือ เราได้เห็นว่า เมื่อมวลน้ำมาถึงตอนบนของกรุงเทพมหานคร มันได้แยกเป็น 2 แขนง (ภาพจากดาวเทียม) ฝั่งซ้ายน้ำได้ไหลไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ บ่าไปทางปทุมธานี บางบัวทอง บางใหญ่ บางพลัด ทวีวัฒนา บางเลน และกำลังจะไปย่านพุทธมลฑล อ้อมน้อย กระทุ่มแบนและสมุทรสาคร ด้านนี้ต้องถือว่าหนักหน่วงเพราะเป็นน้ำปริมาณมาก จึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงน้ำท่วมได้ อีกครึ่งหนึ่งได้ถูกรัฐบาลพยายามที่จะผลักไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ โดยใช้คลองระพีพัฒน์ และคลองรังสิต ช่วยรับน้ำไป แต่จากมวลน้ำที่มีปริมาณมาก ทำให้มีน้ำล้นบ่าเข้าท่วมกรุงเทพตอนบนได้แก่ รังสิต ดอนเมือง หลักสี่และบางเขน แต่ด้วยศักยภาพของ กทม. ทำให้น้ำที่ล้นเข้ามาถูกสูบออกลงแม่น้ำเจ้าพระยาและคูคลองต่างๆในกรุงเทพ โดยอุโมงค์ยักษ์ของ กทม. ทำให้น้ำคืบคลานเข้ามาได้ช้ามาก ดังนั้น จากเดิมที่ผมคาดว่าเขตชั้นในที่เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจอันได้แก่ เขตบางรัก สาทร ปทุมวัน หรือวัฒนา จะได้รับผลกระทบคือมีน้ำท่วมขังประมาณ 1 เมตรนาน 2 สัปดาห์ ตอนนี้ จากสภาพการณ์ที่เปลี่ยนไป ในกรณีเลวร้าย หากจะท่วมก็คงไม่เกิน 1 สัปดาห์ แต่ถ้าเป็นไปตามที่ผมคาด จากฐานข้อมูลปัจจุบัน เขตชั้นในน่าจะรอดจากน้ำท่วม คือไม่ท่วมเลย การที่น้ำได้แยกออกเป็น 2 แขนง ซ้าย ขวา ไปทางทิศตะวันตกและตะวันออก ทำให้กำลังมันถูกลดทอนลง อีกทั้งในฝั่งพระนครที่มวลน้ำได้ทอดเวลาในการเดินทางออกไป การไหลบ่าเป็นไปอย่างล่าช้า เพราะถูกทาง กทม.สกัดไว้ ทำให้กระแสน้ำอ่อนกำลังลง หากไม่มีฝนตกหนักลงมาเพิ่ม(ซึ่งควรจะไม่มี เพราะเข้าหน้าหนาวแล้ว) ไม่มีการไหลมาสมทบเพิ่มของน้ำจากทิศเหนือ (ซึ่งน่าจะมีน้อยมาก เพราะจังหวัดตอนบน น้ำทยอยแห้งหมดแล้ว) และไม่มีใครไปทำลายพนังกั้นน้ำย่านรังสิตให้แตกขนาดยาวเกิน 10 เมตรขึ้นไป เชื่อว่ามวลน้ำที่ล้นไหลมาจากทิศเหนือ จะเดินทางมาได้ถึงเพียงเขตดินแดงหรือพญาไทเท่านั้น ถึงตอนนั้นทางกทม.ซึ่งได้สร้างอุโมงค์ยักษ์ที่มักกะสันเตรียมไว้แล้ว ก็จะดูดน้ำระบายออกไปอย่างรวดเร็ว จากวันนี้ มีเวลาอีกประมาณ 7-10 วันกว่าน้ำจะมาถึงมักกะสัน กทม.ก็คงได้ค่อยๆพร่องน้ำรอบๆกรุงเทพไปพอสมควร จนระดับน้ำไม่สูงกว่าคันคลองแต่ละแห่งแล้ว ทำให้น้ำกลับไปอยู่ในคูคลองตามปรกติ และกรุงเทพชั้นในก็จะรอดจากน้ำท่วมได้ และ นี่คือบันทึกความคิด ความเชื่อของผมที่มีต่อน้ำท่วมครั้งนี้ครับ |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
<< | พฤศจิกายน 2011 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | ||
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 |