สวนทางปืน / (ฉ.802) ผู้เขียนได้รับข้อคิดเห็น ข้อแนะนำ และข้อสังเกตประกอบคำถามจากผู้ตามสถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ อยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะประเด็นสำคัญที่มักได้รับเสมอๆ คือ ขบวนการต่อสู้ของสามจังหวัดนั้น ชอบธรรมหรือไม่? บังเอิญสัปดาห์นี้ ผู้เขียนได้รับบทความคัดลอกจากเวบไซต์ศูนย์ข่าวอิศรา ของสมาคมนักข่าวฯ ซึ่งในบทความได้วิเคราะห์การให้ทัศนะของนักวิชาการเกี่ยวกับการต่อสู้ของมลายูปาตานี เทียบเคียงกับการต่อสู้ของชาวปาเลสไตน์ โดยมองประเด็นพื้นฐานเดียวกันคือ การถูกยึดครองและรุกรานโดยคนต่างถิ่นต่างเผ่ากัน ผู้ส่งบทความให้คงจะข้องใจ และขอให้ผู้เขียนแสดงทัศนะ วิเคราะห์วิจารณ์ให้หน่อย ผู้เขียนจึงขออนุญาต กล่าวตรงนี้พอให้เป็นแนววิเคราะห์ เบื้องต้น ประเด็นของผู้เขียนอยู่ที่ว่า การต่อสู้ใดๆก็ตาม มันจะมีความชอบธรรมหรือไม่? มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับหลักฐานอ้างอิงทางประวัติศาสตร์ หรือ การถูกรังแกเหยียดหยาม เป็นสำคัญ แต่มันขึ้นอยู่กับว่า คุณสู้และตายไปเพื่ออะไรต่างหากที่สำคัญ เหมือนกับบทเรียนการต่อสู้ของโลกที่ผ่านมา คู่ความขัดแย้งย่อมต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนและยิ่งใหญ่เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนเห็นมันมีคุณค่า และสำคัญกว่าชีวิตตนเอง ทั้งหมดนี้เราล้วนเรียกกันรวมๆ ว่า 'อุดมการณ์' ซึ่งก็คือ ปัจจัยที่เป็นเหตุเป็นผลที่สุดในอันจะอธิบายให้มนุษย์เข้าใจ ทั้งอัตตาภายในใจ และอัตตาภายนอก เกิดความรู้สึกที่ดี... รู้สึกสบายใจ...ทำอะไรลงไปก็ให้รู้สึกเป็นสุข แม้แต่ฆ่ากันตายก็ตาม และอุดมการณ์ที่สมบูรณ์แบบนั้น ยังจะต้องทำเพื่อสังคมโดยรวม หรือทำเพื่อประโยชน์สุขของคนอื่นอีกเยอะๆ หลายๆ คนและถ้าจะดีขึ้นไปอีก ก็เพื่อประโยชน์สุขต่อเนื่องไปถึงอนาคตลูกหลานด้วย นอกจากเป้าหมายการต่อสู้แล้ว เรายังคงต้องพิจารณา ถึงข้อเสนอหรือสิ่งที่นำเสนอต่อสังคมว่าจะนำไปสู่ความสำเร็จตามเป้าหมายได้นั้น มีแนวทางอย่างไร? มีกฎกติกาอะไรบ้าง? และกฎกติกามารยาทต่างๆ นั้น จะต้องสอดคล้องกับอุดมการณ์ด้วย กรณีขบวนการต่อสู้ชองชาวปาเลสไตน์นั้น แตกต่างอย่างมากกับขบวนการมลายูสามจังหวัด อย่างน้อย 4-5 ประเด็น หนึ่ง - การเข้ายึดครองของอิสราเอลนั้น เริ่มมาจากศูนย์ คือ ตัวรัฐเดิมของอิสราเอลไม่มี ไม่ได้มีชายแดนติดต่อกัน ไม่เคยรบรากันไปมา ไม่เคยส่งบรรณาการให้แก่กัน ไม่เคยต้องส่งตัวแทนแต่งงานกัน หรือส่งไปปกครองกัน สรุปง่ายๆ ความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ ในรูปของเมืองหรือของรัฐ ไม่มีอะไรต่อกัน ซึ่งตรงข้ามกับปาตานีกับสยาม ที่มีความสัมพันธ์ที่แสดงถึงการเกี่ยวข้องกันในฐานะเมืองต่อเมือง หรือแคว้นต่อแคว้น โดยเป็นไปตามคตินิยมของยุคสมัยนั้นๆ สอง - การเข้ายึดครองของอิสราเอลต่อแผ่นดินปาเลสไตน์นั้น ได้ใช้กำลังคุกคามต่อประชาชนโดยตรง ด้วยการใช้กำลังทหารทำการขับไล่ชาวปาเลสไตน์ออก แล้วปิดกั้นดินแดนที่ยึดได้ค่อยๆสร้างบ้านเรือนให้ชาวอิสราเอลจากที่อื่นๆ ทั่วโลก อพยพเข้ามาอยู่เข้ามาจับจอง แต่ในกรณีของปาตานีกับสยามนั้น ไม่ปรากฏว่าได้ขับไล่ชาวถิ่นเดิมไปไหน แต่ใช้วิธีจัดการโดยการเข้ายึดเอากับเจ้าเมือง และกำลังทหารที่ปกป้อง แต่เมื่อเจ้าเมืองหวาดกลัวภัยจะถึงตัวก็หลบหนีไป การตกเป็นเมืองขึ้น หรือการครอบครองในยุคนั้นเป็นเช่นนั้น ไม่ว่ายุคสยาม หรือยุคอังกฤษครอบครอง ล้วนแล้วแต่จบลงเพราะเจ้าเมืองยอมศิโรราบ และแทบไม่ปรากฏว่าเจ้าเมืองไหนสู้จนตัวตาย นอกจากหลบหนีทิ้งประชาชนให้อยู่กับผู้ปกครองใหม่เท่านั้นเอง สาม - การเข้ายึดครองของปาเลสไตน์ ไม่ใช่เป็นเพียงการอยากได้ดินแดนแผ่นดินหรือที่ดินเท่านั้น แต่เป็นการวางยุทธศาสตร์ทั้งทางทหาร ทั้งทางจิตวิทยา ต่อโลกอาหรับและหรือโลกมุสลิมก็ว่าได้ เพราะจุดที่ตั้งของปาเลสไตน์ถือเป็นจุดเป็นจุดตายของศาสนาอิสลามเลยทีเดียว (สำหรับผู้ที่รู้จักศาสนาอิสลามดี) แต่การรบรากันระหว่างสยามกับปาตานี ไม่ปรากฏหลักฐานว่ามียุทธศาสตร์พิเศษต่อโลกอิสลามแต่อย่างใด และสยามก็ไม่ได้แสดงว่ากำลังต่อสู้กับมุสลิม เพราะกองกำลังทหารของสยามเองประกอบด้วยมุสลิมจากที่อื่นๆ ร่วมอยู่ด้วย และเป็นที่ประจักษ์ว่า การต่อสู้กันและกันของสยามกับปาตานีนั้น ไม่มีเรื่องศาสนาเกี่ยวข้องแต่อย่างใด สี่ - ขบวนการต่อสู้ของชาวปาเลสไตน์ เกิดขึ้นจากประชาชนเอง ทั้งจากการเจ็บแค้นที่ถูกขับไล่และรู้เห็นเข้าใจ ต่อแผนการร้ายของยิวไซออนิสต์ที่มีต่ออิสลาม การจัดตั้งขบวนการจึงได้รับการสนับสนุนจากประชาชนปาเลสไตน์อย่างเต็มที่ ทั้งในและนอกประเทศ แต่การเกิดขึ้นของขบวนการกู้ชาติปาตานี มาจากเจ้าเมืองที่หนีจากประชาชน จัดตั้งขบวนการเพื่อขอกลับเข้าไปมีอำนาจเต็มอีกครั้ง ประเด็นนี้เราสามารถติดตามรายละเอียดข้อขัดแย้ง (เจรจา) ระหว่าง 'รายาปาตานี' กับสยาม ก่อนจะหลบหนีไปรัฐกลันตันได้จากหนังสือมากมาย แม้ต่อมาจะมีการเปลี่ยนแปลงทั้งคนและแนวทางของขบวนการต่อสู้ไปบ้าง แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ว่ามีเป้าหมายอะไร? และเพื่อใคร? เพราะเป้าหมายที่ชัดเจนเท่านั้นจึงจะสามารถกำหนดแนวทางที่ชัดแจ้งได้ เช่นหากต้องการสถาปนารัฐอิสลามขึ้นมา แนวทางที่เดินก็ต้องไม่ผิดหลักการของอิสลาม มิเช่นนั้น จะอ้างเอาอิสลามไปให้ใคร? ในเมื่อตัวเองได้มาด้วยแนวทางอื่น ห้า - ขบวนการต่อสู้ของชาวปาเลสไตน์ ได้รับการยอมรับจากโลก และโดยเฉพาะโลกมุสลิม ถือเป็นภารกิจของโลกอิสลามที่จะต้องร่วมกันต่อสู้ และให้การช่วยเหลือ ทั้งทางตรงและทางอ้อม เรื่องของชาวปาเลสไตน์เป็นเรื่องหนึ่งที่พูดคุยกันอยู่เสมอในโลกมุสลิม ทั้งในระดับรัฐและระดับปัจเจก แต่เรื่องขบวนการต่อสู้ของปาตานี เป็นเพียงขบวนการชาตินิยมหรือเชื้อชาตินิยมในสายตาโลกมุสลิมเท่านั้น และหากจะมีการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ก็เป็นเรื่องปัจเจกบุคคลตามอัธยาศัย เรื่องของปาตานีไม่ได้ถูกหยิบยกขึ้นเป็นปัญหาของรัฐมุสลิม หรือแม้แต่ในเวทีที่ประชุมร่วมระหว่างประเทศมุสลิม หรือ โอไอซี ก็ไม่เคยหยิบยกเป็นวาระการประชุมประจำปี ส่วนกรณีที่มีตัวแทนจาก โอไอซีเข้ามาสังเกตการณ์ในประเทศไทย ก็มาจากการเชื้อเชิญของรัฐบาลไทยเอง และการลงพื้นที่ในสามจังหวัดนั้น ทางตัวแทนโอไอซี แทบจะไม่ได้เดินทางเข้าไปในพื้นที่สีแดงเลย ในขณะที่มีเสียงกระซิบเป็นภาษาอาหรับว่า "ไม่แน่ใจว่าพวกที่ก่อเหตุนั้นจะใช้เราเป็นเหยื่อข่าวหรือเปล่า" ดังนั้น การลงพื้นที่จึงเดินทางวนเวียนกันอยู่แต่ในเมืองเท่านั้น ดังนั้น ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ คงพอจะให้เราได้พิเคราะห์พิจารณ์กันได้พอสมควร ถึงขบวนการต่อสู้ที่มีอยู่ในสามจังหวัดกับขบวนการอื่นๆ ที่มีอยู่ในโลกอิสลาม หากเป้าหมายการต่อสู้เพื่อหวังให้สังคมเกิดการยอมรับในตัวตนความเป็นมลายู ไฉนเลยต้องลงทุนทำบาปถึงขนาดยิงครู ยิงเด็ก หรือเผาวัด เผาโรงเรียน หรือถ้าเป้าหมายเพื่อจรรโลงความยุติธรรม ไฉนเลยต้องฆ่าคนบริสุทธิ์ ฆ่าคนที่ตนเองเพียงแค่สงสัย หรือถ้าสู้เพื่อจะเปลี่ยนการเมือง การเศรษฐกิจ การสังคม ไฉนเลยประชาชนถึงไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้ว่าจะพาไปไหน? จะไปอย่างไร? ไม่ว่าจะเหตุผลใดก็ตาม ผู้เขียนถือว่าขบวนการที่ก่อเหตุอยู่ทุกวันนี้ ทุ่มทุนสร้างมากเกินไป กับผลที่คาดว่าคนดูจะได้รับ หรือประเมินความยิ่งใหญ่ของเป้าหมายของตนเองมากเกินไป จึงไม่รู้ว่าจะพูดกับใครยังไงดี? เข้าทำนองคิดคนเดียว เออออคนเดียว ทั้งๆ ที่คนอื่นเขาไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรเลย และไม่ควรอย่างยิ่งที่ใครจะเทียบเคียงขบวนการของชาวปาเลสไตน์กับขบวนการปาตานี เพราะถือเป็นคนละชั้น คนละระดับ คนละเป้าหมาย และถือเป็นการดูแคลนการต่อสู้ของพี่น้องปาเลสไตน์ให้ต่ำต้อยอีกซะด้วย ให้บังเอิญสัปดาห์นี้ นอกจากเรื่องปาเลสไตน์กับปาตานีแล้ว ยังมีคนที่เคารพนับถืออีกท่าน อุตส่าห์รวบรวมเอามาให้อ่านอีก 2-3 มปึก เป็นเรื่องทัศนะความเห็นของอดีตแม่ทัพภาค 4 อย่างน้อยสองท่าน คือ พล.อ.หาญ ลีลานนท์ และ พล.อ.กิตติ รัตนฉายา ผู้เขียนจึงถึงบางอ้อว่า มิน่าเล่า ทหารถึงได้ส่งกำลังมาเยอะแยะขนาดนี้ เพราะอ่านดูทัศนะของแม่ทัพทั้งสองแล้ว ผู้เขียนบอกได้เลยว่า ถ้าขบวนการสามารถทำได้ และเป็นอย่างที่ท่านประเมินไว้ทั้งหมด ป่านนี้สามจังหวัดคงไม่เป็นอย่างนี้หรอก อาจเกิดรัฐใหม่ขึ้นจริงๆ แล้วก็ได้ โอกาสหน้าผู้เขียนขออนุญาตวิจารณ์ด้วยความเคารพ เพื่อเอาไว้พิเคราะห์กันต่อไป อินชาอัลลอฮ์ |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
<< | ตุลาคม 2007 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 |