เชื้อแบคทีเรีย "ซูโดมอลิไอ" (B. pseudomallei) ตัวการทำให้เกิดโรคเมลิออยโดสิส (Melioidosis) หรือมีชื่อเรียกแบบไทยๆ ว่า "ไข้ดิน", "ไข้ตาย" นั้น เป็นโรคที่เกษตรกรชาวไทยต่างรู้สึกหวาดผวา เพราะเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้ อาศัยอยู่ในดินของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นโรคติดเชื้อที่คร่าชีวิตคนไทยมากเป็นอันดับ 3 รองจากวัณโรคและโรคเอดส์ !!
จากสถิติมีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้เฉลี่ยไม่ต่ำกว่าปีละ 2 พันราย ขณะที่โรคเอดส์ที่คร่าชีวิตคนไทยอันดับ 1 เฉลี่ยปีละ 2 หมื่นราย และลำดับที่ 2 วัณโรคเฉลี่ยปีละ 1 หมื่นราย
คนไทยอาจคุ้นเคยกับโรคเอดส์และวัณโรคเป็นอย่างดี แต่โรค "เมลิออยโดสิส" นั้น นอกจากแพทย์หรือบุคลากรในวงการสาธารณสุขแล้ว ดูเหมือนคนไทยส่วนใหญ่ยังไม่เคยได้ยินมาก่อน ล่าสุด ข้อมูลสำนักระบาดวิทยาเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา บ่งชี้ว่า ดินในอีสานเป็นแหล่งเชื้อโรคอันตรายชื่อ "เมลิออยโดสิส" โดยจะพบเชื้อแบคทีเรีย "ซูโดมอลิไอ" ในพื้นดินทั่วไป และแหล่งน้ำเฉพาะในภาคอีสาน เชื้อแบคทีเรียตัวนี้มีความทนทานต่อสภาพแวดล้อม ชอบอยู่ในดินเค็มที่มีความเป็นกรดสูง ทำให้ดินภาคอีสานของเมืองไทยกลายเป็นแหล่งสะสมเชื้อตัวนี้มากที่สุด เนื่องจากมีลักษณะดินร่วนปนทรายและเค็ม
ข้อมูลกระทรวงสาธารณสุขระบุว่า แต่ละปีจะพบผู้ป่วยโรคเมลิออยโดสิสไม่ต่ำกว่า 5,000 ราย มีอัตราการเสียชีวิตสูงถึงร้อยละ 40-50 หรือประมาณ 2,000 คนต่อปี จังหวัดที่มีผู้ป่วยจำนวนมากที่สุด คือ อุบลราชธานี อุดรธานี และขอนแก่น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยมีอุบัติการณ์โรคเมลิออยโดสิสสูงที่สุดในโลก พบผู้ป่วย 21 คนในประชากร 1 แสนคนต่อปี ผู้ป่วยโรคนี้ส่วนใหญ่พบในเอเชีย เช่น ลาว เวียดนาม พม่า สิงคโปร์ มาเลเซีย ไต้หวัน จีน ฯลฯ
ความร้ายแรงของเชื้อดังกล่าว เว็บไซต์วิกิพีเดีย อ้างว่า สหรัฐอเมริกาเคยศึกษาเชื้อตัวนี้ เพื่อวิจัยว่าจะพัฒนาไปเป็นอาวุธชีวภาพได้หรือไม่ แต่ถึงปัจจุบันยังไม่เคยมีรายงานว่าถูกใช้ทำเป็นอาวุธเชื้อโรคจริง ?!!
ศ.นพ.อมร ลีลารัศมี ผู้เชี่ยวชาญโรคติดเชื้อ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ที่ปรึกษาสมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย อธิบายว่า โรคเมลิออยโดสิสมีความรุนแรงจนทำให้ผู้ติดเชื้อเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว เนื่องจาก 3 สาเหตุด้วยกันคือ 1.เชื้อแบคทีเรียตัวนี้เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วจะแทรกแซงเข้าไปในอวัยวะต่างๆ ทำให้เกิดโรคได้หลากหลายรูปแบบ และเกิดหนองในอวัยวะต่างๆ ด้วย เช่น ปอดอักเสบ ฝีในตับ ฝีในปอด 2.เชื้อจะซึมเข้ากระแสเลือดและแพร่กระจายไปทั่วร่างกายได้ทันที และ 3.บางครั้งเชื้อโรคจะเข้าไปหลบอยู่ในอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย ทำให้เกิดอาการเรื้อรังและเป็นซ้ำได้ในอนาคตหากรักษาไม่หายขาด
"เมื่อ 30 ปีที่แล้ว หมอยังไม่ค่อยรู้จักเชื้อตัวนี้มากนัก คนไทยตายเยอะ ส่วนใหญ่ระบบหายใจล้มเหลว ติดเชื้อในปอดในสมองหรือเข้าเส้นเลือด ผู้ป่วยจะเป็นชาวนาชาวไร่ในภาคอีสาน อาการไข้หนาวสั่นสะท้าน กินยาลดไข้กี่วันก็ไม่หาย เหนื่อยหอบ ถ้าหมอวินิจฉัยโรคไม่ถูกจะเสียชีวิตในเวลาไม่กี่วัน ต่อมาหมออีสานรู้กันแล้วว่าต้องให้ยาปฏิชีวนะแก่ผู้ป่วยที่มีอาการนี้ อัตราผู้เสียชีวิตจึงน้อยลง ถ้าจะตายก็เพราะมาโรงพยาบาลช้าเชื้อลุกลามไปทั่วร่างกายแล้ว คนไข้มักติดเชื้อนี้มาจากดินหรือน้ำในฟาร์มเกษตร เช่น เป็นแผลสดแล้วไปโดนดินที่ปนเปื้อนเชื้อตัวนี้"
ศ.นพ.อมร ยอมรับว่า เคยได้ยินว่าบางประเทศพยายามนำเชื้อตัวนี้ไปพัฒนาผลิตเป็นอาวุธเชื้อโรคจริง หรือที่เรียกว่าอาวุธชีวภาพ เพราะเชื้อตัวนี้มีคุณสมบัติพิเศษคือ สามารถซ่อนตัวอยู่ในอวัยวะของมนุษย์ได้นานหลายปี เมื่อร่างกายอ่อนแอเชื้อจะแสดงอาการออกมาทันที ทำให้รักษาไม่ทันเสียชีวิตได้ง่าย
ขณะที่ ผศ.ดร.สุรศักดิ์ วงศ์รัตนชีวิน ผอ.ศูนย์วิจัยโรคเมลิออยโดสิส คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า คนไทยเสียชีวิตจากโรค 2 ประเภท คือ โรคไม่ติดเชื้อ เช่น มะเร็ง เบาหวาน ฯลฯ และโรคติดเชื้อ เช่น ไวรัสเอดส์ ไวรัสไข้หวัดใหญ่ ฯลฯ ซึ่งโรคเมลิออยโดสิสถือเป็นโรคติดเชื้ออันดับ 3 ที่ทำให้คนไทยเสียชีวิตมากที่สุด คนไทยในอีสานติดเชื้อนี้มากที่สุดปีละไม่ต่ำกว่า 5,000 ราย กลุ่มเสี่ยงคือผู้ป่วยเรื้อรังด้วยโรคเบาหวาน ธาลัสซีเมีย หรือมีภูมิต้านทานร่างกายต่ำ
ในอดีตเชื่อกันว่าเชื้อโรคตัวนี้อาศัยอยู่ในดินเท่านั้น แต่ต่อมาจึงรู้ว่าน้ำในแปลงเกษตรก็เป็นแหล่งเชื้อโรคด้วยเช่นกัน เชื้ออยู่ในน้ำได้เป็นเวลานาน การดื่มน้ำที่มีเชื้อโดยตรงทำให้ติดโรคได้ด้วย เคยมีงานวิจัยเอาปูนขาวโรยเพื่อฆ่าเชื้อโรค ปรากฏว่าได้ผลดีแต่พืชเกษตรไม่เจริญเติบโต วิธีนี้จึงไม่ได้รับความนิยม ดังนั้นการป้องกันที่ดีสุดคือ เมื่อร่างกายมีบาดแผลที่เท้า ที่มือ ควรใส่รองเท้าบู๊ท ถุงมือยาง เพื่อป้องกันการสัมผัสเชื้อโรค "ตอนนี้กำลังเร่งทำวิจัย เพื่อไขปริศนาว่าทำไมดินอีสานจึงเป็นแหล่งเชื้อโรคอันดับ 1 ของโลก อาจมีอาหารหรืออะไรสักอย่างที่เชื้อแบคทีเรียตัวนี้ชอบเป็นพิเศษ" ผศ.ดร.สุรศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย
เรื่องน่ารู้ของ "โรคเมลิออยโดสิส" 1. "โรคเมลิออยโดสิส" หรือ "โรคเมลิออยด์" ชาวบ้านเรียก "โรคไข้ดิน" หรือ "โรคไข้ตาย" เพราะผู้ป่วยจะมีไข้แล้วตายอย่างรวดเร็ว 2. เกิดจากสัมผัสดินและน้ำทางผิวหนังที่มีเชื้อแบคทีเรีย "ซูโดมอลิไอ" โดยตรง หรือกินอาหารและน้ำที่มีแบคทีเรียปนเปื้อน ไม่ติดต่อจากคนสู่คน หรือสัตว์สู่คน 3. ระบาดหนักช่วงฤดูฝน ซึ่งเป็นช่วงทำนาของเกษตรกร 4. คนไข้มีอาการหลายรูปแบบ เช่น ปอดอักเสบ ไข้สูงหนาวสั่น ฝีในตับ ไอเรื้อรังเหมือนวัณโรค ทำให้ยากต่อการวินิจฉัย 5. คนไทยไม่ค่อยรู้จักโรคนี้ เพราะกว่าห้องแล็บจะเพาะเชื้อเสร็จ ผู้ป่วยส่วนใหญ่เสียชีวิตและญาตินำศพกลับบ้านไปแล้ว 6. ไม่สามารถรักษาได้ด้วยยาปฏิชีวนะทั่วไป ต้องใช้ยาปฏิชีวนะเฉพาะโรคนี้เท่านั้น - ทีมข่าวรายงานพิเศษ คมชัดลึก 02/08/2555
|
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
<< | กันยายน 2012 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | ||||||
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 |