“สิงห์ปาร์ค เชียงราย” ภายใต้ สิงห์ คอร์เปอเรชั่น ถือว่าเป็นองค์กร "Social Enterprise" ที่ตั้งขึ้นมาดำเนินกิจการเพื่อสังคม แรกเริ่มเดิมที เริ่มต้นจากโครงการทางการเกษตร มุ่งเน้นการสร้างงานให้ชาวบ้านในพื้นที่ให้ได้มีรายได้ และยังพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ เรียกได้ว่าเป็นการดำเนินธุรกิจด้วยความคำนึงถึงการตอบแทนประโยชน์สู่สังคมไทยอย่างแท้จริง

ปัจจุบันกิจกรรมเพื่อสังคมของบริษัทต่าง ๆ เราอาจจะเคยได้ยินคำว่า CSR หรือ CSV ยกตัวอย่างเช่น บริษัทแห่งหนึ่งผลิตคอมพ์ขึ้นมาขาย พอได้เงินมา ก็แบ่งเงินไปทำกิจกรรมบริจาคคืนสู่สังคม หรือ บริษัทสองไม่เคยบริจาคเงินเลย แต่ช่วยลดมลพิษ รวมถึงเริ่มจ้างคนงานนอกพื้นที่มาทำงาน หาหอให้อยู่ 

แต่บริษัทที่สาม ผลิตคอมพ์ แล้วนำคอมพ์ไปขาย โดยจ้างคนพิการ หรือคนในพื้นที่เกือบ 90 % มาทำงาน พนักงานก็จะมีหน้าที่ทำคอมพ์ให้ได้คุณภาพแล้วนำออกไปขาย ซึ่งไม่ได้เน้นกำไร แต่ก็มีเงินหรือรายได้เข้ามาบ้าง เพื่อที่บริษัทจะได้มีเงินเพียงพอในการนำไปจ่ายให้กับพนักงาน นี่คือที่มาของคำว่า Social Enterprise กิจการเพื่อสังคม

กรณี “สิงห์ปาร์ค เชียงราย” กิจการการงานต่าง ๆ ภายในไร่ ทาง “สิงห์ปาร์ค เชียงราย” ก็เลือกที่จะใช้คนในพื้นที่มาเป็นพนักงานกว่า 1,000 คน ไม่ว่าจะเป็นลูกหลานชาวบ้านที่จบการศึกษา หรือเป็นชาวเขา หรือแม้กระทั่งประเทศเพื่อนบ้าน เรียกได้ว่าเป็นการกระจายรายได้สู่ชุมชน โดยที่เด็ก ๆ เหล่านั้นไม่ต้องทิ้งถิ่นฐานของตัวเองไปไหน และยังคงมีรายได้มาจุนเจือครอบครัว 

และในปี  2558 ที่ผ่านมา ทาง “สิงห์ปาร์ค เชียงราย” ก็ริเริ่มมองหาผลงานที่มีคุณค่าทางศิลปะผ่านฝีมือของศิลปินไทย เพื่อหวังที่จะให้การสนับสนุน ให้พวกเขาเหล่านั้นได้มีโอกาสนำผลงาน ไปจัดแสดงบนเวทีศิลปะระดับโลก เริ่มต้นที่คนแรก คุณบรรเจิด เหล็กคง ศิลปินประติมากรรมเหล็กกล้า ผู้ที่คิดและสรรค์สร้างงานศิลปะจากเศษเหล็กออกมาเป็นรูปร่างต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น สิงห์ หนุมาน11 พญาวานร ต่อกายเป็นช้าง 3 เศียรเดินสะบัดงวง องค์พระพิฆเนศ 16 กร พระรามแผลงศร ฯลฯ

แต่กว่าที่ คุณบรรเจิด เหล็กคง จะได้มีโอกาสไปแสดงผลงานที่ต่างประเทศ ก็หาใช่เรื่องง่ายไม่ ต้องฝ่าด่านจากหลากหลายบริษัทสารพัดที่ไม่พร้อมให้การสนับสนุน สุดท้ายได้พบกับ คุณสันติ ภิรมย์ภักดี ในนามของสิงห์ปาร์ค เชียงราย (Singha Park Chiang Rai) องค์กร Social Enterprise เห็นในคุณค่าของศิลปะ และอยากให้คนไทยได้ไปแสดงผลงานสร้างชื่อในระดับโลกจึงพร้อมที่จะให้การสนับสนุน ทำให้ผลงานดี ๆ ของคนไทย ได้ไปจัดแสดงแสดงแบบ Solo Exhibition ที่ Agora Gallery ในมหานครนิวยอร์ก ในชื่องาน Metamorphosis : Banjerd Lekkong a Solo Exhibition เมื่อวันที่ 20 พ.ค. – 9 มิ.ย. 2559 ที่ผ่านมา  นับเป็นความภาคภูมิใจของคนไทย ที่ได้ตัวแทนดี ๆ ไปสร้างชื่อเสียงให้ชาวโลกได้รับรู้ และ ภาคภูมิใจคูณสอง เมื่อมีองค์กรดี ๆ ที่พร้อมให้การสนับสนุนศิลปินไทยอย่าง สิงห์ปาร์ค เชียงราย ในนามองค์กร Social Enterprise

>>>>> ติดตามเรื่องราวและผลงานศิลปะของคุณบรรเจิด เหล็กคง ที่นำไปจัดแสดงที่ New York <<<<< 

http://www.oknation.net/blog/cakecake/2016/06/05/entry-1

จากจุดเริ่มต้น และประสบความสำเร็จอย่างมาก การได้ให้โอกาสคนที่มีฝีมือคือสิ่งที่ สิงห์ปาร์ค เชียงราย ในนามองค์กร Social Enterprise ตระหนักถึง จึงไม่อยากจะหยุดการต่อยอดความฝันของศิลปินคนไทยไว้เพียงเท่านี้ ล่าสุด สิงห์ปาร์ค เชียงราย จึงอยากจะเชิญชวนศิลปินคนไทยที่สนใจเข้าร่วมโครงการ "นำศิลปินไทยสู่สากล" สมัครและส่งภาพผลงานเข้าซึ่งผลงานที่ส่งเข้าประกวดได้คือ ภาพวาด ภาพวาดลายเส้น ประติมากรรม ภาพถ่าย ภาพพิมพ์ดิจิทัล และงานสื่อผสม ก่อนวันที่ 15 สิงหาคม 2559 นี้ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.singhaparksocialenterprise.com/worldclassthaiartist/

นี่เป็นเพียงฟันเฟืองเล็ก ๆ ที่พร้อมจะสนับสนุนศิลปินไทย ได้นำผลงานไปเผยแพร่สู่สายตาชาวโลก ไม่แน่คุณอาจจะเป็นศิลปินคนไทยคนต่อไป ที่ได้นำผลงานไปจัดแสดงที่ New York โอกาสวิ่งเข้ามาหาเรา เราก็ต้องวิ่งเข้าหาโอกาสเช่นกัน ไม่อย่างนั้นแล้ว ผลก็คงจะไม่เกิด ขอให้ศิลปินคนไทยทุกคนโชคดี