เป็นกระแสฮิตถล่มทลายเลยทีเดียว หลังจากที่

เจ้า Furby (เฟอร์บี้) ของเล่นสัตว์เลี้ยงสุด Hi- Tech ที่เป็น

เหมือนตุ๊กตาลักษณะคล้ายนกฮูก แต่มีความพิเศษสุดตรงที่

สามารถโต้ตอบ พูดจา ร้องเพลง หรือเต้น กับเจ้าของคนที่

เล่นด้วยการขยับตัว ขยับปาก และกระพริบตาที่เป็นจอไฟ

LED ให้เปลี่ยนรูปไปตามแต่ละอารมณ์ของมันได้ Turn Back

กลับมาขายตามท้องตลาดกันอีกครั้ง

             ย้อนกลับไปประมาณ 12 ปีก่อนที่สหรัฐอเมริกา

เมื่อปี 2000 บริษัท Hasbro คือผู้ผลิตและให้กำเนิดเจ้า

ตุ๊กตา Furby.....ณ เวลานั้น มันสามารถสร้างกระแสถล่ม

ทลายด้วยยอดขายทั่วโลกกว่า 40 ล้านตัว แต่ด้วยกระแส

นิยมที่มีเพียงระยะเวลาอันสั้น สุดท้ายกระแสฮิตของเจ้า

Furby ก็ซบเซาไป โดยสาเหตุหลักๆ เป็นเพราะเจ้า Furby

พูดได้แต่ภาษาเฟอร์บิชของมันเอง!!! ทำให้เป็นอุปสรรคต่อ

เจ้าของหรือคนเล่นที่ไม่สามารถรับรู้ถึงความต้องการและซึม

ซับความผูกพันจากการสื่อสารกับเจ้า Furby เท่าไหร่นัก

(ตุ๊กตา Furby ในยุคแรกเริ่ม)

            หลังจากนั้น 7 ปี ต่อมา ก็มีบ. ในประเทศไทยนำ

เข้าเจ้าตุ๊กตา Furby หลังปรับปรุงใหม่ในเวอร์ชั่นที่ 2 ตก

ราคาตัวละ 2,000 กว่าบ. ออกมาวางขายเช่นกัน แต่กลับไม่

เป็นที่นิยมดังเปรี้ยงป้างเหมือนเวอร์ชั่นแรก

            ล่าสุดประมาณกลางเดือนธ.ค.ปลายปีที่แล้ว บ. แมพ

แอคทีฟ ประเทศไทย จำกัด ที่เป็นผู้นำเข้าสินค้าของเล่นจาก

Hasbro รายเดียวในประเทศไทย ก็ได้ทำการเปิดตัวเจ้า

Furby เวอร์ชั่นล่าสุดที่พูดภาษาอังกฤษได้อย่างเป็นทางการ 

สนนราคาจำหน่ายตามห้างอยู่ที่ตัวละ 3,995 บ. แต่ก็ยังไม่

เห็นว่าจะมีกระแสคลั่ง Furby ของเล่นชนิดนี้กันเท่าไรนัก

            แต่เมื่อเหล่าดารา-คนดังในวงการบันเทิงต่างพร้อมใจ

กันหันมาเล่นหรือสะสมเจ้าตุ๊กตาชนิดนี้ พร้อมอัพรูปคู่ตุ๊กตา

Furby ผ่าน Facebook, Twitter และ Instagram ประมาณ

1 เดือนที่ผ่านมา กระแส Furby Fever ดังกล่าวเลยกลายเป็น

ที่กล่าวขาน เพราะนอกจาก Fan Club ดารารวมทั้งคนธรรมดา

หลาย ๆ คน จะสนใจ อยากได้ อยากมี จนต้องตามหาซื้อจน

ของเล่นขาดตลาด และอยากซื้อในราคาที่ถูกกว่าปกติตาม

ห้างทั่วไปแล้ว หลายคนเลยหันมาหาซื้อผ่านสื่อออนไลน์

ตามช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ เป็นผลให้หลายๆ คนคิดลง

ทุนทำธรุกิจชั่วคราวหันมาหิ้วเจ้า Furby จากต่างประเทศ

กลับมาขายทำกำไรอย่างรวดเร็วตัวละไม่ต่ำกว่า 1,000 ถึง

2,000 บาท ขณะที่อีกหลายๆ คนนั้น ก็ต้องสูญเสียเงินไป

ไม่ต่ำกว่าครึ่งหมื่นจากการสั่งซื้อผ่านคนขายที่เป็นพวกต้มตุ๋น

จนเป็นผลให้เรื่องดังกล่าวปรากฎอยู่ในข่าวหน้าหนึ่งรายวัน

เช่นกัน

(ภาพสุดท้ายนี่...ไม่ได้ซื้อ...และไม่ใช่เจ้าของ! 555+)

furby ตัวสีชมพูนี้ แวะมาเดินเล่นที่โต๊ะเศรษฐกิจ

Nation Channel.....ToyJoy เลยอดใจไม่ไหว.....

คว้ามา "จ๊วบ" ซะเลย :D

งานนี้ ใครจะชอบ จะคลั่งไคล้อะไรนั้น ก็ต้องประมาณ

เงินในกระเป๋าพร้อมตรวจสอบที่มาของแหล่งซื้อกันให้ดีๆ

ไม่เช่นนั้น จากกระแสฮิต Furby Fever ที่ว่านี้ จะกลายมา

เป็น Furby ทำให้ Fever ปวดหัว เป็นไข้แทน เพราะเสีย

เงินไปกับเจ้าของเล่น Hi-Tech ใส่ถ่านตัวละราคาหลายพัน

 โดยที่หลายๆ คนเองก็ยังไม่แน่ใจว่ามันจะ Hit ต่อไปได้

แบบนี้.....อีกนานสักแค่ไหน ???

เขียนโดย: กนกวรรณ มณีแสงสาคร

Writer: Kanokwan Maneesangsakhon

ToyjoyKandygirl