ก.ตร.ลงคะแนนลับเลือก ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ (ข) “วิษณุ-จุลสิงห์-สุชาติ-สรพล-ศุภชัย-วงศ์ศักดิ์” ลอยลำ ขณะ “ธาริต-สมบัติ” ปลิว ผบ.ตร.ยันโปร่งใส ถูกต้องตามกฎหมาย

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 20 ม.ค. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง เดินทางมาเป็นประธานการประชุม ก.ตร.วาระพิเศษ เพื่อเลือก ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ (ข) ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญใน 6 สาขา ประกอบด้วย นิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ บริหารงานยุติธรรม อาชญวิทยา และเศรษฐศาสตร์ ทดแทนผู้ที่ดำรงตำแหน่งครบวาระ โดยได้ร่วมรับประทานอาหารกับ ก.ตร.โดยตำแหน่ง และ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิประเภท (ก) ก่อนการประชุม

จากนั้น เวลา 13.00 น. ได้เริ่มประชุม โดยมี พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) นายนนทิกร กาญจนะจิตรา เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต พล.ต.อ.ชลอ ชูวงษ์ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ พล.ต.อ.วุฒิ พัวเวส พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา พล.ต.อ.อดุลย์  แสงสิงแก้ว รอง ผบ.ตร.  พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) และ ก.ตร.ผู้ทรวคุณวุฒิ (ก) ที่เพิ่งได้รับการเลือกตั้งจากข้าราชการตำรวจอีก 5 คน ซึ่งประกอบด้วย พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช พล.ต.อ.วุฑฒิชัย ศรีรัตนวุฑฒิ พล.ต.อ.ชาญชิต เพียรเลิศ พล.ต.อ.บุญฤทธิ์ รัตนะพร และ พล.ต.ท.ศุภวุฒิ สังข์อ่อง เข้าร่วมประชุม โดยมีใช้เวลาในการประชุมประมาณ 30 นาที ก็แล้วเสร็จ

พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวภายหลังการประชุมว่า การเลือก ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิประเภท (ข) ในวันนี้ เป็นการลงคะแนนเสียงแบบลับ มีผู้ถูกเสนอชื่อ 15 ท่าน ใน 6 สาขา ซึ่งผลการเลือกเป็นที่เรียบร้อย โดยสาขานิติศาสตร์ได้ นายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี สาขารัฐศาสตร์ รศ.ดร.สุรชาติ บำรุงสุข อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สาขาเศรษฐศาสตร์ ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์ สาขารัฐประศาสนศาสตร์ ดร.วงศ์ศักดิ์ สวัสดิพาณิชย์ ผู้ตรวจการกระทรวงมหาดไทย สาขาอาชญวิทยา รศ.ร.ต.อ.สรพล สุขทรรศนีย์ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ สาขาบริหารงานยุติธรรม นายจุลสิงห์ วสันต์สิงห์ อัยการสูงสุด ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้ จะนำรายชื่อเสนอโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ก.ตร.ทั้งสองประเภท โดยจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ และยืนยันว่า การเลือก ก.ตร.ครั้งนี้ เป็นไปโดยโปร่งใส ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่มีการเมืองแทรกแซงแต่อย่างใด

ด้าน พล.ต.อ.อชิรวิทย์ กล่าวว่า ขอบคุณ ก.ตร.โดยตำแหน่งทุกท่าน ที่ออกเสียงลงคะแนนครั้งนี้ ตนเองมองว่า ปลอดการเมือง 100 เปอร์เซ็นต์ การเลือกครั้งนี้ เป็นการลงคะแนนแบบลับ กรอกคะแนนใส่ตู้ จากนั้น ไปยำรวมกัน ไม่รู้ว่าใครลงให้ใคร เท่าที่ดูคนที่ได้รับเลือกเป็นนักวิชาการอิสระส่วนใหญ่ มีความเป็นตัวของตัวเอง เชื่อว่าหลังจากเลือกครั้งนี้ อนาคตของตร.จะสดใส ไปสู่มิติใหม่ของการบริหารงานบุคคล ที่การเมืองเข้ามาครอบงำไม่ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายธาริต และ ศ.ดร.สมบัติ ที่การเมืองสนับสนุนไม่ได้ พล.ต.อ.อชิรวิทย์ กล่าวว่า ไม่ได้คะแนนไม่ถึงขั้นตอนต่อไปคือ ต้องส่งรายชื่อ ก.ตร.ประเภท (ข) ทั้ง 6 ท่าน ไปให้ ครม. เมื่อ ครม.รับทราบ ก็มารวบรวมรายชื่อนำความขึ้นกราบบังคมทูล พร้อม ก.ตร. (ก) ที่มาจากการเลือกตั้ง และประกาศในราชกิจจานุเบกษา จึงสามารถทำงานได้ ซึ่งการทำงานก็จะเริ่มจากการดูเรื่องหลักเกณฑ์การแต่งตั้งต่าง ๆ

พล.ต.ท.ศุภวุฒิ สังข์อ่อง อดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ว่าที่ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ (ก) กล่าวภายหลังลงคะแนนเลือก ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ (ข) ว่า พอใจกับผลที่ออกมา โดยพิจารณาคุณสมบัติของผู้ทรงคุณวุฒิแต่ละคน ก็เชื่อมั่นว่าจะช่วยกันทำงาน ก.ตร.ได้ดี โดยตนไม่หวั่นไหวต่อข่าวที่ว่าการเมืองสั่งมา โดยการเลือกก็พิจาณาจากประวุติคุณสมบัติ

ผู้สื่อข่าวรายงาน สำหรับผู้ถูกเสนอชื่ออย่าง นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ ศ.ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดี ม.นิด้า ซึ่งที่ผ่านมา ให้การสนับสนุนรัฐบาลมาโดยตลอด คะแนนไม่มากพอที่จะได้รับเลือกให้เป็น ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ (ข) ในครั้งนี้

“สุเทพ” รับ “ธาริต-สมบัติ” แห้วเก้าอี้ ก.ตร.ไม่เสียหน้า

เมื่อเวลา 13.40 น. วันที่ 20 ม.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เปิดเผยภายหลังการประชุม ก.ตร. ว่า ปรากฎว่า นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และ นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ไม่ได้รับเลือกให้เป็น ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ทั้งคู่ โดยผลจากการลงคะแนนลับของคณะกรรมการ จะเห็นว่า ก.ตร.แต่ละคน ใช้ดุลยพินิจอย่างเป็นอิสระในการโหวตลงคะแนนลับ

เมื่อถามว่า ผลออกมาเช่นนี้ ก็แสดงว่าไม่ได้เป็นไปตามที่มีข้อครหาว่า ฝ่ายการเมืองเข้าไปแทรกแซงมีใบสั่ง นายสุเทพ หัวเราะ พร้อมกล่าวว่า “เขาก็ด่าไปเรื่อย ด่าสั่งไว้ก่อน ด่าให้มันปากกันไปก่อน เราก็ต้องทนอย่างเดียว”

เมื่อถามย้ำว่า รู้สึกเป็นการเสียหน้า หรือถือว่าแพ้ในการล็อบบี้เสนอแต่งตั้ง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ครั้งนี้หรือไม่ ประธาน ก.ตร. กล่าวติดตลกว่า “ผมจะไปแพ้อะไรกับใคร ผมไม่ได้ไปพนันกับใครไว้ ทุกอย่างว่าไปตามหลักการ ผมมันคนมีหลักอยู่แล้ว”

นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด กล่าวว่า เพิ่งทราบข่าวดังกล่าว ซึ่งตนจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด และคิดว่าจะอยู่ในตำแหน่งนี้ได้ โดยยึดหลักไม่เข้าข้างใดข้างหนึ่ง เราต้องเป็นกลาง และมีใจเป็นธรรม ส่วนจะปฏิรูปองค์กรตำรวจอย่างไรนั้น ตำแหน่ง ก.ตร.ให้คุณให้โทษตำรวจได้ แต่ตนเห็นว่าตำรวจก็มีธรรมเนียมปฏิบัติต่าง ๆ อยู่แล้ว ซึ่ง ก.ตร.จะดูแลการเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง โดยยึดหลักเอาความรู้ ความสามารถเป็นหลัก.

..............................................................................

เป็นอันว่า สตช.มี ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ก และ ข เรียบร้อยแล้ว

ที่จะเดินหน้าทำงานเพื่อองค์กรตำรวจ และข้าราชการตำรวจทั่วประเทศ

ดูจากประวัติของแต่ละท่าน ที่ได้รับการเลือกตั้งแล้ว

มาจากหน่วยงานสำคัญ และมีความรู้ความสามารถ

หาก ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ก และ ข และภาคประจำ จับมือกันจริง ๆ

การเมืองทำอะไรไม่ได้ เข้ามาแทรกแซงกิจการตำรวจไม่ได้อย่างแน่นอน

เว้นเสียแต่ บุญคุณ ต้องทดแทน เท่านั้น

อดีต นายกฯ ชวน แนะนำให้ข้าราชการอย่าไปเกรงใจนักการเมือง

เพราะนักการเมืองอยู่ไม่นาน ๔ ปีก็ลาแล้ว ไม่รู้จะกลับมาอีกหรือไม่? แค่ไหน?

ขนาดระดับอดีตนายกฯ แนะนำ ยังไม่มีใครเชื่อ ทำตามเลย

แล้วจะมาหาว่าการเมืองแทรกแซงได้อย่างไร?

โผ ตำรวจ ระดับ รองผู้บังคับการ ถึง สารวัตร

พันตำรวจตรี ยัน พันตำรวจเอกพิเศษ ยังไม่คลอด

เนื่องจากเด็กยังไม่กลับหัว ต้องรอไปก่อน

ก.ตร. ทั้งคณะ จะต้องออกหลักเกณฑ์ มีแผนเผชิญเหตุกับนักการเมืองไว้

และลบคำว่า "โผ การเมือง " ออกไปจาก สตช.

ทำไม? จะต้องแบ่งเปอร์เซ็น เท่านั้น เท่านี้

หากแต่งตั้งข้าราชการตำรวจไปตามใจนักการเมือง

หากเป็นข้าราชการตำรวจไม่ดี(พอ)  ใครจะรับผิดชอบ ?

แน่นอน.....ประชาชนก็รับไปเต็ม ๆ

ต้องติดตามบทบาท หน้าที่กันต่อไป ครับ