ผบ.ตร. โต้ "อชิรวิทย์" อ้างรับร้องเรียนแต่งตั้งตำรวจระดับ ผบก.-สว.ไม่เป็นธรรมถูกการเมืองแทรก ยันมีกติกาชัดเจนป้องกันได้ 100 เปอร์เซ็นต์ แจงคำสั่งออกล่าช้าสามารถตรวจสอบได้ ฯ 
       
       (ผู้จัดการ) วันนี้(1 ก.พ.)ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช อดีตรองผบ.ตร.ว่าที่ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ออกมาระบุถึงการได้รับร้องเรียนว่ามีความไม่ชอบมาพากลในการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับรองผบก.-สว. วาระประจำปี 2553 เนื่องจากถูกฝ่ายการเมืองแทรกแซง ว่าการแต่งตั้งครั้งนี้ตนมีวิธีที่จะรักษาหลักคุณธรรม โดยยึดหลัก 4 อย่าง ไม่ให้เกิดการแทรกแซง นั่นคือ หลักความเป็นกลาง เสมอภาคไม่ฝักใฝ่การเมืองฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด หลักความมั่นคง หลักความรู้ความสามารถ ซึ่งคนที่ความสามารถมากกว่าก็มีโอกาสที่จะฟาสท์แทรคขึ้นมา คนขึ้นใหม่ก็ต้องอยู่โรงพักเล็กก่อน นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดปลีกย่อยอย่างกรณี3จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็เอาคนที่อยู่มาเกิน 3 ปีแล้วอยากย้ายออก เราคนใหม่ใส่เข้าไปในพื้นที่ ซึ่งกรอบกติกาตรงนี้ตนพยายามใช้มาตรฐานเดียว มันเป็นหน้าที่ของระดับสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ต้องคุมมาตรฐานการแต่งตั้งของทุกกองบัญชาการตามที่ได้กระจายอำนาจไป ซึ่งการระดับตร.มีหน้าที่คุมมาตรฐานไม่ให้การแต่งตั้งถูกแทรกแซงจากภายนอก ซึ่งยอมรับว่าไม่สามารถคุมได้ 100% เป็นเหตุให้คำสั่งล่าช้า
       
       พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวอีกว่า กฎหมายรัฐธรรมนูญก็ระบุห้ามแทรกแซงการแต่งตั้งข้าราชการอยู่ว่าเรื่องนี้เป็นความผิด ซึ่งการแต่งตั้งนั้นคนทำก็ระวังอยู่แล้วเพราะน่ากลัว เพราะหากแต่งตั้งทำไม่ถูก ผิดหลักเกณฑ์ มีช่องทางเอาผิดคนทำการแต่งตั้งทั้งการฟ้องศาลปกครอง พอชนะยังไปฟ้องศาลอาญาก็มีสิทธิ์ติดคุก และไม่มีใครอยากติดคุกหรอก
       
       เมื่อถามว่าการออกคำสั่งล่าช้ากว่ากรอบเวลาอาจถูกครหาถึงความไม่โปร่งใสหรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า มันก็มองได้ 2 ด้าน หากออกเร็วแล้วผิดพลาดมาก็ถูกฟ้องร้องได้จึงต้องตรวจสอบว่าคำสั่งที่ออกไปถูกต้องหรือไม่ ช้าก็โปร่งใส ช้าๆได้พร้าเล่มงาม ฯ

.............................................

ปัญหาการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ เกิดทุกปี และจะต้องเกิดต่อไป

(หากโลกแตกจริง ในวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ ก็แล้วไป)

ทุกหน่วยงานภาครัฐ มักมีข้อสงสัยว่าการเมืองเข้าไปล้วงลูกแต่งตั้ง

ก็ต้องปรับแก้ไข กฎกติกาให้การเมืองเข้ามาไม่ได้ หรือเข้ามาแต่ขัดต่อกฎเกณฑ์ที่วางไว้

ปัญหา ก็มาจาก ระบบอุปถัมภ์ ที่ฝังรากลึกมานาน และองค์กรไปยอมรับเองเออเอง

และ กำหนดกฎเกณฑ์กติกาขึ้นมา เพื่อรองรับระบบอุปถัมภ์ดังกล่าว

หากแก้ไขได้ (ชาติหน้าตอนบ่าย ๆ ก็ยังดี )

นำระบบคุณธรรมมาได้ถึง ๘๐ เปอเซ็นต์ พร้อมกับ

ออกกฎเกณฑ์รองรับไว้ ยังไง ๆ การเมืองก็เข้ามาไม่ถึง เข้ามาไม่ได้

ส่วนอีก ๒๐ เปอเซ็นต์ ยอมให้เป็นระบบเน่าเสีย เข้ามาได้แค่นี้

ตัวอย่างเช่น ตำแหน่ง รองผู้กำกับ จะมีสิทธิเข้ารับการพิจารณาเป็นผู้กำกับการ

กติกาว่า อย่างน้อย ต้องเป็นรองผู้กำกับมา ๓ ปี

จึงเป็นที่มาที่ไป ของการวิ่งเต้น แต่งตั้งข้ามหัวกัน

ทำไม? ไปกำหนดเกณฑ์ขั้นต่ำไว้มากเกินไป ????

หากกำหนดไว้สัก ๗ - ๘ ปี หน้าไหนจะไปวิ่งเต้นได้

ในขณะที่ รองผู้กำกับ อายุราชการในตำแหน่ง

มีตั้งแต่ ๑๔ ปีลงมา มากมายทั่วประเทศ

แต่คนที่ได้รับการแต่งตั้ง ๓ ปีบ้าง ๔ ปี หรือ ๕ ปีบ้าง

ซึ่งส่วนนี้ จะต้องไปอยู่ในกลุ่มระบบเน่าเสีย ๒๐ เปอเซ็นต์ (เท่านั้น)

แม้จะมีการปรับ ปฎิรูปอย่างไรก็ตาม ???

ล่าสุด ระบบคุณธรรม ก็ได้แค่ ๓๓ เปอเซ็นต์ เท่านั้น

ที่ว่าการเมืองไม่แทรกแซง แต่ตำรวจที่วิ่งเต้น ก็เข้าหาสายการเมืองทั้งนั้น

กำลังนักการเมืองในพื้นที่ไม่แรงพอ ก็พากันไป ฝากฝังกัน กับอดีตนักการเมืองใหญ่ ๆ

เป็นทอด ๆ ไป

อาจารย์อชิรวิทย์ฯ เคยเป็นนายตำรวจระดับ รอง ผบ.ตร. คนสนิท อดีต ผบ.ตร.

จึงรู้ดี ทราบดี เส้นทางการเข้าแทรกแซงองค์กร เป็นอย่างไร

และในสมัย ผบ.ตร.โกวิทฯ ก็ไม่ใช่ปราศจากการแทรกแซงจากการเมือง

และในการแต่งตั้งตำรวจ พวกใครก็อยากให้พวกตัวเองได้ดี เอาไว้รับใช้ พูดง่ายกว่า

ระบบ ๓-๕-๗ เป็นตัวการที่เข้ามาทำให้ระบบคุณธรรมเลวร้ายลงไปอีก และ

ไม่ใช่เฉพาะนักการเมืองขั้วรัฐบาลเท่านั้น นอกจากนักการเมือง ก็มีนักการทหาร

หัวหน้าหน่วยงานองค์กรต่าง ๆ ที่ให้คุณให้โทษกับองค์กรตำรวจได้

อดีตนายตำรวจใหญ่ ก.ตร. / ก.ต.ช. / และจากมือ(ถือ) ที่มองไม่เห็น อีกด้วย

สังคมไทยเรา เป็นสังคมพุทธ บุญคุณต้องทดแทน แค้นต้องชำระ

เป็นสังคมเครือญาติ พี่น้อง พรรคพวก เพื่อนฝูง สังคมญาติเกี่ยวดองกัน รักนามสกุล

ญาติ หลานเหลน ฯลฯ เป็นของธรรมดา ที่จะต้องช่วยเหลือค้ำจุนกัน

ไม่ช่วยพวกแล้วจะไปช่วย........ที่ไหน??????

เป็นแต่อย่าให้น่าเกลียดจนเกินไป รวมทั้งขึ้นอยู่กับวินัยของตำรวจคนนั้น ๆ ด้วย

ที่ควรจะเจริญเติบโต ตามขั้นตอน และระยะเวลา

ไม่ใช่ประเคนยศ ประเคนตำแหน่งกัน

สมัยก่อนให้ตำแหน่ง ยังติดยศไม่ได้เลย

เพราะเงินเดือนยังไม่ถึง ???? 

ไม่ใช้เส้นทางลัด ไม่มีคำว่ารุ่นพี่รุ่นน้อง สถาบัน บัดดี้กัน

ที่สำคัญ อย่าเหยียบบ่าเพื่อนขึ้นไป

ดาวบนบ่า เป็นของศักดิ์สิทธิ์ ยศได้รับพระราชทาน

จะต้องได้มาอย่างสมศักดิ์ศรี ไม่ใช่ไปวิ่งเต้น ซื้อหามา ไม่มีใครเขาศรัทธา

โกหกใครได้ แต่อย่าหลอกตัวเอง  

หากเลิกชั้นยศตำรวจ ได้ อาจลดการทะเยอทะยานได้บ้างไม่มากก็น้อย

แต่คงเลิกไม่ได้ เพราะร้านจำหน่ายเครื่องหมายดาวเงินคงไม่ยอมแน่ ๆ

ไม่ว่าท่านอชิรวิทย์ฯ จะได้ข้อมูลมาอย่างไร และท่านวิเชียรฯ จะแจ้งอย่างไร?

ช่วยกันเถิดครับ แก้ไขระบบ แก้ไขหลักเกณฑ์ กฎ กติกา ร่วมกัน

หากทำได้  รับรองว่า ในส่วนระบบเน่าเสีย ๒๐ เปอเซ็นต์ (ก็ทะเลาะกันตายไปเอง)

การเมือง นักการเมือง หมดความหมาย ครับท่าน