ชีวิตของจิโร่...ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะในวัยเด็กนั้น เมื่อจบ ป. 1 เขาก็ถูกครอบครัวกดดันให้ออกจากบ้านเพื่อฝึกพึ่งพาตัวเอง พร้อมยื่นคำขาดว่า "แกไม่มีบ้านให้กลับแล้ว" จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาแทบจะไม่รู้จักพ่อแม่ของเขา เขาจึง"เชื่อมั่น"ในเรื่องให้ทุกคนทำงานหนัก "ผมแปลกใจที่พ่อแม่สมัยนี้สั่งสอนลูกว่าหากลูกล้มเหลวก็ให้กลับมาบ้าน พอพ่อแม่พูดโง่ๆแบบนั้นออกไป ลูกก็จะกลายเป็นคนไม่เอาถ่าน" จิโร่กล่าวถึงแนวคิดของเขา นั่นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่แค่"ขนม"ลูกชายของเขาจึงต้องเรียนรู้ทดลองทำเป็นปี แต่หากใครดูหนังเรื่องนี้ ก็จะเข้าใจว่านั่นคือ"ปรัชญา"การทำงาน(และทำอาหาร)ของจิโร่ ผู้ถือคติมาโดยตลอด นั่นคือ "I've never once hated this job. I fell in love with my work and I gave my life to it" "ไม่เคยสักครั้งที่ฉันเกลียดงานนี้ ฉันตกหลุมรักงานของฉันและพร้อมทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อมัน" นี่คือความสำเร็จของ"จิโร่"...ชายผู้ตกหลุมรัก"ซูชิ"
ผมบอกแล้วว่าดูหนังเรื่องนี้แล้ว"อิ่ม" เพราะกว่าจะกลายเป็นเจ้าของภัตตาคาร 3 ดาวของมิชลินๆกด์นั้น จิโร่ไม่ได้เดินมาบนพรม หากแต่แทบจะคลานมาบนพื้นที่มีทั้งกรวดและทราย แต่เขามาถึงจุดนี้ได้เพราะ"รัก" เหมือนที่เขาย้ำเสมอว่า "คุณต้องรักในสิ่งที่คุณทำ" อันนี้ผมสรุปแบบ"สั้นที่สุด"จากประโยคยาวๆ .."Once you decide on your occupation... you must immerse yourself in your work. You have to fall in love with your work. Never complain about your job. You must dedicate your life to mastering your skill. That's the secret of success... and is the key to being regarded honorably." จิโร่"รัก"ในซูชิและทำให้คนอื่นเชื่อว่าเขารักมันจริงๆ จึงไม่ใช่เรื่องแลปกที่พ่อค้าข้าวชั้นดีรายหนึ่ง ถึงกับปฏิเสธข้อเสนอซื้อข้าวจากโรงแรมใหญ่อย่างไฮแอทฯ โดยให้เหตุผลว่าเขาต้องการเก็บไว้ขายให้กับ"จิโร่" เพียงคนเดียว ด้วยเหตุผลสั้นๆคือ จิโร่รู้วิธีหุงข้าวของเขา…ให้อร่อย "มันจะมีประโยชน์อะไร หากคุณได้วัตถุดิบที่ดีไป แต่ไม่รู้การปรุงที่ถูกวิธี" พ่อค้าข้าวกล่าว เรื่องราวของ"จิโร่"ที่ผมเขียน คงไม่สามารถทำให้คุณเข้าถึง"แนวคิด"ได้ดีเท่ากับการหาภาพยนตร์(สารคดี)เรื่องนี้มาชม เพราะนี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ย้ำเสมอว่า "Shokunin try to get the highest quality of fish and apply their technique to it, we don’t care about money." (สุดยอดของการเป็นเชฟซูชิก็คือการหาปลาที่ดีที่สุดและทำมันออกมาให้ดีที่สุด เราไม่ได้ทำเพื่อเงินหรอก) นี่คือ"จิโร่"ผู้ชายวัย 85 ที่ถือคติ"“I’ll continue to climb, trying to reach the top, but no one knows where the top is"(ฉันยังคงปีนต่อไปเรื่อยๆ เพื่อที่จะไปให้ถึงจุดสูงสุด แต่ก็ไม่มีใครรู้หรอกว่าจุดที่ว่านั้นมันอยู่ที่ไหน) เพราะสำหรับเขาแล้ว"สุดยอด"ไม่ใช่จุดที่เขาไปถึง หากอยู่ที่"คนอื่น"เป็นคนบอก "ผมรักงานนี้ ถ้าผมยังทำมันได้ดี ผมก็จะทำมันต่อไป…ลูกค้าจะเป็นคนบอกเองว่า ผมควรจะหยุดเมื่อไหร่" ดูหนังจบ...หิวซูชิขึ้นมาเลยครับ