..... คืนวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ สาธุชนหลายพื้นที่ ของไทย ต่างพากันไปสวดมนต์ข้ามปียังวัดต่างๆ

ปีนี้ ฉันมีโอกาสมาเยือนภาคเหนือถิ่นล้านนา รู้สึกปิติที่ได้มาสวดมนต์ข้ามปีกับพี่น้องชาวตำบลเวียง อำเภอ

เชียงคำ จังหวัดพะเยา ที่วัดพระนั่งดิน 

...

...

.....การสวดมนต์ของที่นี่ ไม่ได้สวดภาษาบาลีอย่างที่ชาวพุทธอย่างฉันเคยคุ้น แต่สวดด้วยภาษาล้านนา

ที่ฉันไม่คุ้นเคย แถมท่วงทำนอง จังหวะการสวดยังเป็นการสวดแบบล้านนาล้วนๆ นับเป็นเสน่ห์ทางภาษาธรรม

ที่ฉันได้รับฟังแล้วเกิดอาการต้องมนต์

...

...

.....ตุ๊เจ้า (หลวงพ่อ) ท่านแบ่งกาสวดเป็นสามวาระ เมื่อสวดมนต์กันจนครบวาระที่สอง จะจบที่การนั่งสมาธิ

จากนั้นให้ทุกคนได้พักอิริยาบถ ก่อนจะเริ่มต้นสวดบทพระพุทธคุณ จนข้ามศักราช งานนี้จัดอย่างเรียบง่าย

แต่งดงาม มีนายอำเภอของอำเภอเชียงคำพร้อมคู่ชีวิตมาร่วมพิธีด้วย
...

...

.....เสร็จพิธีสวดมนต์ตุ๊เจ้าได้ให้พวกเราร่วมกันจุดดวงไฟ (โคมลอย) จำนวน 259 ดวง เพื่อเป็นพุทธบูชา

และนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ฉันมีโอกาสได้ปล่อยโคมลอยอย่างตั้งใจจริง เพราะทุกครั้งที่มีการจุดโคมลอย

ฉันมักพบว่าเป็นการปล่อยโคมลอยไปตามกระแสนิยม จนกลายเป็นเรื่องปกติ แต่คืนนี้ การปล่อยโคมลอย

สำหรับฉัน เป็นวาระพิเศษของชีวิต

...

...

.....ฉันได้เรียนรู้โลกใบใหม่อีกใบ โคมลอยไม่ใช่ใครนึกอยากปล่อยก็ปล่อยได้ รู้สึกขอบคุณพี่สาวใจดีคนหนึ่ง

กับลูกสาววัยรุ่นของเธอ ลูกสาวมาช่วยติดไฟที่โคมให้ ผู้เป็นแม่แนะนำให้ฉันตั้งจิตอธิฐาน ฉันหลับตาขณะมือ

ยังจับโคมนั้นไว้ เมื่อลืมตาขึ้น กวาดตามองคนอื่นๆ ต่างปล่อยโคมลอยขึ้นฟ้า สว่างเรืองในฟ้ามืดนั้นแล้ว

...

...

.....พี่สาวคนเดิมบอกว่า “อย่าเพิ่งปล่อยนะคะ จับไว้เบาๆ เดี่ยวได้เวลาเต็มที่ โคมจะไปจากมือเราเอง”

ฉันจับโคมนั้นอยู่นาน แต่โคมก็ยังไม่ยอมละไปจากมือฉัน จนพี่สาวต้องเข้ามาช่วยจับ แล้วแนะนำอีกว่า

“คราวนี้ ทำใจนิ่งๆ นะคะ แล้วค่อยๆ ปล่อยมือ” ฉันทำตาม แล้วโคมในมือฉันก็ลอยสู่ฟ้า
...

...

.....พี่สาวใจดีเล่าว่า การปล่อยโคมลอยของชาวล้านนาหรือพิธีกรรมต่างๆ ทางศาสนามักเกี่ยวข้องกับวัดเสมอ

หากกิจกรรมใดๆ ที่ไม่ได้ทำในวัดหรือไม่เกี่ยวข้องกับวัด แต่เดิมนั้นไม่มีปรากฏในวิถีของล้านนา เรื่องที่ฉันเล่า

ไม่ใช่เรื่องทางวิชาการ แต่เป็นเหตุการณ์ที่ฉันไปพบไปร่วมพิธีกรรมกับชาวล้านนามา ดังนั้นโคมลอยที่รู้จักวันนี้

จึงเป็นโคมลอยที่เกี่ยวข้องงานบุญ แม้ว่าปัจจุบัน จะเกิดการเลื่อนไหลทางวัฒนธรรม จนโคมลอยได้หลอมรวม

อยู่กับเทศกาลอื่นๆ ของคนไทยทั่วทุกภาคแล้วก็ตาม
...

...

...

@ สวดมนต์ภาวนาข้ามศักราช

สิบสองมาศเวียนมาอีกคราหนึ่ง

จดจำสิ่งผ่านมาในคำนึง

ให้ซาบซึ้งและเรียนรู้เป็นครูเรา

@ ปล่อยโคมลอย ลอยเคราะห์ ลอยเรื่องร้าย

เริ่มต้นใหม่ อธิษฐานจิต สลักเสลา

ให้ชีวิต งดงาม ทุกข์บรรเทา

ให้เรื่องราว ที่ผ่านมา จงผ่านไป

@ ประณีตประดิษฐ์ชีวิต อย่างมีแผน

ให้หนักแน่น ให้มีหลัก ไม่หวั่นไหว

ขัดเกลา ปัญญา ให้เลื่อมลาย

กี่มากมาย กี่ขวากหนาม ให้รู้ทัน

@ ให้เธอเป็นจิตรกร ผู้วาดฝันวาดชีวิต

ให้เธอเป็นคนลิขิต เขียนชีวีอย่างสร้างสรรค์

ให้เธอเป็นคีตะบรรเลงเพลง แห่งชีวัน

ให้เธอเป็นนักปั้น ผู้มุ่งมั่นปั้นตนเอง

.....๐๐๐.....

สวัสดีปีใหม่

“ชาลี”

๑ มกราคม ๒๕๕๙