ค่ำคืนอันหนาวเหน็บบนเส้นทางลัดเลาะริมฝั่งแม่น้ำโขงหมายเลข ๒๑๑ ผมขับรถออกจากตัวเมืองหนองคาย มุ่งหน้าสู่ตำบลบ้านม่วง อำเภอสังคม แม้ระยะทางเพียงแค่ ๑๑๐ กม. แต่เมื่อมาเจอกับเส้นทางที่สวยงาม สองข้างทางยังคงความเป็นธรรมชาติ และอบอวลไปด้วยวิถีชนบท ที่ห่างไกลความวุ่นวายของสังคมเมือง...คำว่า สโลว์ไลฟ์ จึงถูกนำมาใช้

อุณหภูมิเย็นยะเยือก ๑๒ องศาซี ในขณะที่เรานั่งรับลมชมแม่น้ำโขงยามเย็น ณ ร้านอาหารพื้นบ้านริมฝั่งโขง ลาบปลาแข้ ต้มยำปลาบึก ทอดปลาเนื้ออ่อน เป็นเมนูอาหารที่เราไม่พลาดเมื่ออยู่ริมโขง

ถึงที่พัก จุดกางเต้นท์ริมแม่น้ำโขงชื่อ "ครัวไม้น้ำ" ตำบลบ้านม่วงก็ปาเข้าไปเกือบสองทุ่ม ที่นี่ มีเต้นท์กางรอเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวอยู่แล้ว ผมแค่ถอยรถเข้าไปใกล้กับเต้นท์ ก็เข้าไปนอนได้เลย...แต่เราไม่ลืมจองที่นั่งขึ้นไปชมพระอาทิตย์และสายหมอกยามเช้าบน "ภูห้วยอีสัน" 

รถอีแต๊กที่พาเราขึ้น "ภูห้วยอีสัน"

 อากาศที่หนาวเหน็บ น้ำค้างโปรยปรายจนเปียกชื้นไปทั่วทั้งหลังคาเต้นท์อุณหภูมิลดฮวบลงถึง ๑๐ องศาในค่ำคืนนั้น แม้อุณหภูมิจะเย็นยะเยือกจนทำให้เราไม่อยากเยื้องกายออกจากเต้นท์ไปไหน แต่พอถึงเวลาตี ๔ เมื่อนาฬิกาจากโทรศัพท์มือถือปลุก เราต้องรีบตื่นไปล้างหน้าตาเพราะกลัวพลาด กับการไปโต้ลมหนาวชมทะเลหมอกหยอกเย้าตะวันยามเช้า...บน "ภูห้วยอีสัน"

"รถอีแต๊ก" หรือ ชาวบ้านเรียกว่า "รถซิ่ง" มาจอดรอนักท่องเที่ยว ที่จะขึ้นไปชมพระอาทิตย์ยามเช้าและทะเลหมอก อยู่ก่อนแล้วหลายคัน

รถอีแต๊ก ไม่ใช่รถอีแต๋น เพราะคันเล็กกว่า บรรทุกนักท่องเที่ยวได้คันละประมาณ ๘ คน นั่งหน้า ๔ คน นั่งหลัง ๔ คน คนขับอยู่ตรงกลาง โซเฟอร์รถอีแต๊กบอกผมว่า ปกติรถอีแต๊กใช้บรรทุกพืชผลการเกษตรลงมาจากเขาสูงอยู่แล้ว เมื่อถึงฤดูท่องเที่ยว(ฤดูหนาว) จึงรวมกลุ่มกันมาบริการ นักท่องเที่ยวเพื่อขึ้นไปชมวิวบน "ภูห้วยอีสัน" เพื่อเป็นรายได้เสริม

 เสียง แต๊กๆๆๆ...ของรถค่อยๆพาเราไต่ระดับ ขึ้นสู่ภูเขาสูงเรื่อยๆ แม้ระยะทางเพียงแค่ ๒-๓ กิโลเมตร หนทางที่เต็มไปด้วยทราย แต่อีแต๊ก ก็กุยทางไต่ขึ้นไปได้อย่างสบาย

ดวงดาวยังพร่างพราวในยามเช้าบนภูห้วยอีสัน

บรรยากาศรอชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกบน ภูห้วยอีสัน

ผมและครอบครัวพร้อมนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ขึ้นมายืนอยู่บนลานดินที่ถูกปรับไว้ เพื่อเป็นจุดชมวิว จะมีบางคนที่ไต่ขึ้นไปนั่งบนเนินเขาที่สูงชันเพื่อไปรอชมทะเลหมอก และพระอาทิตย์ที่กำลังจะขึ้นจากทางฝั่งลาว 

ดวงดาวที่ระยับฟ้าเมื่อตอนเช้ามืด...เริ่มเลือนหายไป แสงเรื่่อของสีส้มอมเหลือง เริ่มจับที่ขอบฟ้าด้านทิศตะวันออก สเปคตรัมของแสงเมื่อตัดกับชั้นบรรยากาศของโลกย่อมสร้างความมหัศจรรย์ ที่สวยงามวิจิตรตระการตาให้มวลมนุษยชาติได้ยลความงามนั้นเสมอ...เช้าวันนี้ที่ "ภูห้วยอีสัน" ก็เช่นกัน 

น่าเสียดายทะเลหมอก...ที่เรารอคอยไม่มาตามนัด คงเป็นเพราะแรงลมที่พัดตลอดทั้งคืน แต่ก็ยังโชคดีที่ยังมีสายหมอกอันบางเบาลอยเอื่อยเหนือลำแม่น้ำโขง แล้วเลื้อยเข้าซอกของหุบเขา มองดูเหมือนดั่งงานศิลปะ ที่ธรรมชาติบรรจงวาดเพื่อแสดงให้มนุษย์ตัวน้อยๆ ที่ยืนอยู่บนภูห้วยอีสัน...ให้ได้ชม

งานศิลปะที่ธรรมชาติแสดงให้เราชมเมื่อยามตะวันส่องแสง เริ่มแปรเปลี่ยนจากแสงสีส้มอมเหลืองตัดฉากด้วยท้องฟ้าสีม่วงครามเป็นสีทองเจิดจรัส...ดอกหญ้าวัชพืชที่ถูกมองว่าไร้ค่า เปล่งประกายสวยงามเมื่อต้องแสงสีทองยามเช้าของดวงตะวัน

บรรยากาศยามเช้าบนภู "ห้วยอีสัน"

เมื่อตะวันสายโด่ง นักท่องเที่ยว ที่ขึ้นมาชมการแสดงแสงสีของธรรมชาติยามเช้า เริ่มพากันทยอยลงจากภูห้วยอีสัน โดยมีรถอีแต๊ก เป็นยานพาหนะที่ให้อารมณ์ธรรมชาติ ได้อารมณ์วิถีชาวบ้านโดยแท้จริง

ความสว่างของแสงตะวันทำให้ผมรู้ว่า สองข้างทางที่เราขึ้นมายังภูห้วยอีสันนั้นเต็มไปด้วยสวนยางพารา

หมอกบางๆ ไหลเลื้อยบนยอดภู

เซลฟี่เป็นที่ระลึกซะหน่อย

สนุกสนานกับการได้นั่งรถอีแต๊ก ขึ้นและลง...ภูห้วยอีสัน

สวนยางพารา ริมทางขึ้น ภูห้วยอีสัน

รถอีแต๊ก พาเราลงมาจากภูห้วยอีสัน อากาศยามเช้าริมโขงกำลังดีเย็นสบายเจ้าของลานกางเต้น "ครัวไม้น้ำ" บอกกับเราว่า ที่นี่ยังกิจกรรมนั่งเรือหางยาว ชมเกาะแก่งกลางลำน้ำโขงอีกด้วย...แต่เช้านี้เราต้องเดินทางกลับซะแล้วเลยไม่ได้อยู่นั่งเรือชมแก่งตามเจ้าของครัวไม้น้ำ แนะนำ

ลานกางเต้นท์ "ครัวไม้น้ำ" ติดริมแม่น้ำโขง

เราเดินทางกลับโดยใช้เส้นทางเล็กๆชนบทที่สุดแสนจะธรรมดา เป็นเส้นทางจากอำเภอสังคมผ่านเข้าสู่อำเภอสุวรรณคูหา ไปยังจังหวัดหนองบัวลำภู...บนเส้นทางสายชนบทนี้เรากับพบความงามของ ภูเขาสีทอง ของใบไผ่ตัดกับดอกทองกวาวสีส้มสด เป็นภาพความงามของธรรมชาติ อีกหนึ่งบรรยากาศที่ทำให้เราประทับใจ

บนผืนแผ่นดินไทยยังซุกซ่อนความงามไว้อีกมากมาย...เพียงแค่สถานอันสวยงามแห่งนั้นไม่มีชื่อชั้นเหมือนกันสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตอื่นๆ ที่ผ่านการโปรโมท

ผมว่าหลายสถานที่ในเมืองไทยน่าเที่ยว...ถ้ามีการจัดระเบียบนักท่องเที่ยวให้ดีกว่านี้

ภูเขาสีทอง...ข้างทางหลวงชนบท อ.สุวรรณคูหา