ตั้งใจจะนำเสนอมานานแล้วล่ะครับ สำหรับเมนูริมทุ่งรายการนี้ที่ชื่อ ‘ผัดพริกแกงหมูต้ม’ อันที่จริงก็ใช่ว่าจะวิจิตรพิสดารอะไรหรอกครับ ออกจะทำง่าย ๆ ด้วยซ้ำไป แต่ที่เอามาเล่าสู่กันฟังนี่ก็เพราะว่า มันเป็นกัปข้าวอีกอย่างหนึ่งที่ ‘ชาวบ้านบัว’ คุ้นเคยมาตังแต่เด็ก ๆ จนกระทั่งโตมาก็ยังทำกินกันอยู่บ่อย ๆ

สมัยก่อนนั้นจำได้ว่า หมูที่แม่แกเอามาผัดให้กิน จะเป็นเนื้อส่วนของหัวหมูที่ติดมันซะเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งหัวหมูที่ว่านี้ก็ไม้ได้ไปซื้อหามาเองหรอกครับ อาศัยว่าผีบรรพบุรุษท่านให้มา เอ๊ะ! ฟังแล้วอาจดูงง ๆ มันเป็นยังไงหว่า ‘ผีให้มา’

อะแฮ่ม! เรื่องของเรื่องมันเป็นยังงี้ครับ คือจากที่แม่ของ ‘ชาวบ้านบัว’ ท่านเล่าให้ฟังก็ได้ความว่า บ้านของเรานั้นเป็นบ้านเก่าประจำตระกูล โดยเครือญาติทั้งหมดจะนับถือผีประจำตระกูลร่วมกัน

 ทีนี้ธรรมเนียมปฏิบัติที่แต่ละคนในสายตระกูล ยึดถือกันเคร่งครัดกันมาจนถึงวันนี้ก็คือ เมื่อใดก็ตามที่ลูกหลานของตนได้แต่งงานออกเหย้าออกเรือนไป ทุกคนจะต้องพาลูกหลานคนนั้น พร้อมกับเครื่องเซ่นไหว้มาทำพิธี ‘ไหว้ผีบรรพบุรุษ’ ยังที่บ้านของ ‘ชาวบ้านบัว’ และเครื่องเซ่นไหว้สำคัญที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ ‘หัวหมูต้ม’ พร้อมเครื่องใน ขาทั้งสี่ข้างและหาง

จากนั้นพอทำพิธีกรรมอะไรกันเสร็จสิ้นหมดแล้ว ตามธรรมเนียมที่ถือกันมาก็คือ ‘หัวหมูต้ม’ กับเครื่องเซ่นไหว้ทั้งหมด จะตกเป็นของเจ้าบ้าน พอถึงตอนนั้นแม่ของ ‘ชาวบ้านบัว’ ท่านก็จะจัดการเฉือนแบ่งแจกคนนั้นคนนี้ไปอย่างละนิดละหน่อย

สำหรับส่วนที่เหลือแม่แกก็เอามาผัดใส่พริกแกง ซึ่งสมัยนี้ฟังอาจดูเป็นเรื่องปกติ แต่ในสมัยนั้นมันถือเป็นกัปข้าวสุดวิเศษที่ ‘ชาวบ้านบัว’ นั้นแสนโปรดปราน เพราะไม่มีให้กินบ่อย ๆ ด้วยว่ากว่าจะได้กินหมู กินเนื้อแต่ละที มันต้องมีงานบุญงานแต่ง ไม่เหมือนตอนนี้ที่มีให้ซื้อให้กินกันได้ทุกวี่ทุกวัน

แต่ว่าไปแล้ว ’ชาวบ้านบัว’ ก็ดูจะโชคดีกว่าคนอื่น ๆ เพราะมาถึงตอนนี้ก็ยังมีหัวหมูของไหว้มาให้ผัดพริกแกงกินอยู่บ่อย ๆ อย่างเมื่อหลายวันก่อนโน้นก็มีอีกหนึ่งหัวใหญ่ อดใจไม่ไหวก็เลยเฉือนมาผัดพริกแกงเสียหนึ่งกระทะ

 ว่าแล้วก็เข้าครัวกันดีกว่าครับ เริ่มจากเลาะเอาเนื้อส่วนหัวที่ค่อนจะติดมันออกมาก่อน เสร็จแล้วก็หั่นเป็นชิ้นโตหน่อยก็ไม่เป็นไร จากนั้นก็เอาลงกระทะละเลงผัดไปจนกระทั่งแตกมันย่องเยิ้มย้อย

นั่งจิบเบียร์เย็น ๆ รอจนว่าหมูจะกรอบจวนกลายเป็นกากนั่นแหละจึงค่อยเอาพริกแกงลงไปผัด  ผัด ผัด ให้เข้ากัน

ถึงตอนนั้นก็เริ่มบรรเลงบทเพลงปรุงรส ประเดิมด้วยการเหยาะน้ำปลาดีลงไปก่อน ตามด้วยน้ำตาลให้พอได้รส ผัดให้เครื่องปรุงเข้ากันอีกครั้ง ลองตักมาชิมดูว่ารสชาติเป็นยังไง เพราะผัดพริกแกงหมูต้มสูตรนี้ จะเป็นรสเค็มนำหวาน

พอได้ที่แล้วก็จัดการหั่นต้นหอมโป๊ะลงไป เสร็จแล้วลิดใบกระเพราโปรยใส่ให้หอมฟุ้ง คลุกเคล้าให้เข้ากันอีกที คราวนี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย รีบไปตักข้าวสวยร้อนกรุ่นมาสักจานแล้วราดหน้าด้วยหมูต้มผัดพริกแกงสูตรนี้ รับรองครับว่าหลายคนคงกินจนลืมอิ่ม

ใครที่สนใจ มีเวลาว่าง ๆ ลองทำดูนะครับ ส่วนใครและใครที่คิดจะพลิกแพลงแปลงร่างต่างจากนี้ นั่นก็คงจะขึ้นอยู่ที่ความรื่นรมย์บนปลายลิ้นของแต่ละใครละครับ

 ลากันไปก่อนครับ สวัสดี