เที่ยว เวนิส คลิป (๑๓)ตะวันลับฟ้า .ที่ซานมาร์โค.หลงเธอ.
เจอกันที่ร้านกาแฟ
สวรรค์ กาญจนะ เสรีไทยสีขาว
จตุรัสซานมาร์โค---->หอระฆังกัมปานีเล---->พระราชวังดอจ----> หอนาฬิกาตอร์เรเดลโลโรโลโจ--->
ร้านกาแฟคาเฟ่ฟลอเรียน--->อาทิตย์ลับฟ้าที่ซานมาโค--->,มิลาน
๑๙ มีนาคม๒๕๕๕
๑๗.๔๕ น. เวนิส :ซานมาร์โค
เมื่อตะวันลับคุณต้องจับฟ้า
“คุณ ตามฉันมาทำไมค่ะ” สาวน้อยหน้าตาคล้ายสาวญี่ปุ่นสูงโปร่งในชุดกางเกง ยีนส์เสื้อยืดแนบเนื้อพูดภาษาอังกฤษสำเนียงตะกุกตะกัก. เธอขยับกระเป๋าลองชอมสีม่วงอ่อนกระชับแนบตัว สัญชาติญานแห่งการระแวดระวังฉายฉานออกในแววตา เธอกุมมือเพื่อนสาวรูปร่างบอบบางแน่นบนทางเดินเท้าที่ทอดยาวของเวนิส
สายตาเธอจ้องตรง มายังที่ผมแต่มิวายผันหน้ากลับไปมองแสงสีทองที่ฉายฉาน ตัดกับภาพของหอระฆังที่กัมปานีเลแกรนด์คแนลแห่งซานมาร์โคเสียงคลื่นที่
กระทบฝั่งขึ้นลงตัดกับเสียงเรือเมล์
วาปอเรตโตที่แล่นผ่านทะลวงน้ำแล้วจอดเทียบท่านำนักท่องเที่ยว
และประชากรเวนิสที่เดินทางไปทำงาน
ผมไม่พูดอะไรโค้งพยักหน้า..ขอโทษ ผมเดินถอยห่างเธอออกมา . เป้าหมายของผมก็แค่ เดินไปที่ จิตรกรที่วางแผงรูปสีน้ำศิลปะที่ผมโปรดปราน
มองไปแต่ไกลทางเดินที่ทอดยาวเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว
หลากหลายเชื้อชาติ..บ้างก็ออกไปทางยุโรปะวันออก และมีจำนวนไม่น้อยที่เป็นเอเชีย . สายตาที่หวาดระแวงหายไป..ก่อนที่เธอจะพูดอะไรซ้ำอีก ผมก็เดินจากมา
บรรยากาศยามเย็นลมทะเลจากชายฝั่งเอเดรียติกพัดมาปะทะใบหน้า
ผมกดชัตเตอร์เก็บภาพไปรอบๆ
สาวน้อยญี่ปุ่นคนเดิม หันไปสะกิดเพื่อนที่มาด้วย.รอยยิ้มระเรื่อเอียงอาย..
เสียงหวูดเรือที่ดังแว่วมาภาพของนักท่องเที่ยวทยอยเดินกันลงเรือ...ดังแข่งกันระงม
กอนโดลาที่อยู่ในคลองล่องลอยขึ้นลงตามกระแสน้ำ...
จิตรกรที่ตั้งแผงขายผลงานศิลปะภาพสีน้ำเริ่มเก็บแผง
แต่ยังมีนักท่องเที่ยวอย่างผมตามไปต่อรอง
ผมไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง ผมเริ่มพูดจาต่อรองกับจิตรกร
อิตาเลี่ยนที่กำลังง่วนกับการวาดรูปบนกระดาษอาเช่ฝีแปรงที่ตะหวัด
รูปวาดที่เห็นส่วนใหญ่
ก็เป็นภาพเวนิสในมุมที่เราคุ้นเคย
“ใช่ภาพ สะพานทอดถอนใจใช่ไหมครับ.”
ผมถามเสียงค่อยเขาเงยหน้าขึ้นยิ้มนิดๆหน้าตาไม่ได้แสดงความ
รำคาญอะไร เขาซับพู่กันที่ชุ่มน้ำออก ท่าทีดีใจที่มีคนสนใจงานของเขา
ภาพริโอเดอคาทรอน
“ไม่ใช่ครับ เป็นภาพ สะพาน rio de catron” ภาพเรือกอนโดลาที่อยู่ในคลองที่มีสะพานเชื่อมตัดกับตึกสองข้างสีน้ำตาล และมีระเบียงวางดอกไม้สีสวยสดเล็กๆ อันเป็นเอกลักษณ์ของเวนิส ก่อนมาที่นี่ ผมทราบว่ามีสะพานริอัลโต สะพานอัคคาเดเมียเป็น จุดสนใจหลักภาพที่ผู้คนชินตาวิวที่มองจาก
สะพานปอนเตเดลญี สกัลซีที่สร้างด้วยหินอิสเตรียนความยาวสี่สิบเมตร
จุดสูงสุดสุงเจ็ดเมตรมองเห็น
แกรนด์คเนลทั้งตึกรามบ้านช่อง วังหรือปาลาสดซสวยๆยอดของโดม
กับเรือต่างๆทั้งเรือเมล์ เรือแท็กซี่ เรือบรรทุกสินค้า
ผมเริ่มต่อรองราคา ไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง หันหน้ากลับมาอีกทีกลิ่นหอมอ่อนๆ
จากเรือนกายเธอมาแตะจมูก
ผมเป็นหญิงสาวคนเดิมกับเพื่อนสาวของเธอนั่นเอง เธอสบตาผมนิ่งสายตาเหมือน
จะขอโทษที่เธอเข้าใจผมผิดไปเมื่อสักครู่
รอยยิ้มแรกที่ผมเห็น...เพื่อนสาวอีกคนที่มาด้วยกับเธอแอบหยิก
แขนเธอทำหน้าเหยเกกลั้วด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
“ สวัสดีครับผม มา จากประเทศไทย คุณไว้ใจผมขึ้นบ้างแล้วใช่ไหมครับ
ผมถือวิสาสะยื่นมือไปข้างหน้า..
.จิตรกรชาวเวนิสวัยกลางคนอมยิ้มทำทีไม่สนใจ อิตาลี
ถือว่าเป็นดินแดนที่ ขึ้นชื่อว่าชายหนุ่มชอบแต๊ะอั๋งหญิงสาว
จนกระทั่งมีใครไม่รู้สักคน บอกผมว่าเสน่ห์ของเธอคงไม่มากพอ
เพราะเมื่อเธอเดินทางไปท่องเที่ยวอิตาลี..
ไม่มีใครมาแตะเนื้อต้องตัวเธอเลย...
อาริกาโตะเธอโค้งศีรษะลงปล่อยชายหนุ่มดึงมือกลับด้วย
ความเขินอายพร้อมโค้งกลับอย่างรวดเร็ว...
เธอเปลี่ยนเรื่องคุยพร้อมชี้ไปยังภาพสีน้ำที่อยูตรงหน้า.... แล้วเหม่อมองไปที่ท้องฟ้าเสียงระฆังจากโบสถ์ดัง กังวานแว่วมาแต่ไกล ลมที่โชยพัด
เสียงรองเท้าที่ผู้คนเดินเพื่อมาขึ้นเรือ
ที่จะกลับไปที่พัก
“ภาพนี้ราคาเท่าไหร่ครับ “ สี่สิบยูโร” ชายหนุ่มถาม ...
"ไม่แพงเลย" สาวน้อยนิรนามพูดขึ้น ผมกลืนน้ำลายเล็กน้อย
แต่ก็ทำฟอร์มไม่พูดอะไร ในใจคิดว่าค่าครองชีพที่ไทยแลนด์ของ
ผมกับแจแปนของเธอจะเหมือนกันได้อย่างไร จิตรกรอิตาลีทำตาหวานใส่” ใช่ครับมาดาม คุณควรจะซื้อให้ดาร์ลิงค์คุณนะ”... “เปล่าครับเปล่าคะ....เสียงคนสองคนพูดพร้อมกัน
“ฉันเป็นแค่นักท่องเที่ยว.....และเพิ่งมาเจอกัน ที่นี่เวนิส...
เธอพูดเอียงอาย.เพื่อนสาวอีกคนของเธออมยิ้ม.. ฉันก็ชอบงานศิลปะ ฉันแปลกใจว่า ทำไมคุณตามฉัน มา ที่แท้คุณก็แค่ สนใงงานศิลปะ ฉันขอโทษที่เข้าใจคุณผิด ก่อนมาที่อิตาลีใครๆก็บอกว่าต้องระวังมิจฉาชีพ
หญิงสาวพูดแล้วเชิดหน้า.เธอนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง..แล้วหัวเราะเบาๆ
“แต่ฉันมาคิดดูอีกที โจรคงไม่มีอารมณ์ศิลป์ที่จะมาต่อรองอย่างนี้หรอกนะ” งานศิลปะ บุคลิกง่ายของชายหนุ่ม ความไว้วางใจของคนแปลกหน้า ทำให้เรามีเรื่องคุยกันได้ ผมตัดสินใจซื้อรูปสีน้ำสัญญลักษณ์แห่งเวนิสไว้เป็นเครื่องเตือนใจ..
“.คุณมาที่เวนิสครั้งแรกหรือเปล่าค่ะ”..เพื่อนสาวในชุดสูทเสื้อคลุมสีเทารองเท้าบูทดูเก๋ไก๋ ถาม
“ครับครั้งแรก .ใครๆก็อยากมาเวนิส” ถ้าคุณไว้ใจผมเราเดินไปเรื่อยๆ
คุยกันไปผมจะได้เป็นบอดีการ์ดปกป้อง
หญิงสาวทั้งสองจากคาสโนว่าชาวอิตาเลียน “ ผมกระเซ้า
“ฉันว่าคุณนั้นแหละน่ากลัวมากกว่า”น้ำเสียงยียวน
ศิลปะทำให้คนที่จากต่างแดนมารู้จักกันได้…
ภาพของสองสาวชาวอาทิตย์อุทัยเดินไปตามทางเดินที่จัตุรัสซานมาร์โค..
ผ่านกอนโดเลียร์ที่สวมชุดเสื้อยืดสายดำขาว
รอนักท่องเที่ยวที่จะว่าจ้างสร้างบรรยากาศและ
ความรู้สึกว่ามาถึงเวนิสแล้ว กับชายหนุ่มจากประเทศไทย
ที่สะพายเป้ท่องเที่ยวถือภาพวาดสีน้ำที่ ใ นที่สุดต่อรองลงมาได้เหลือสามสิบยูโร เวนิสเมืองที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล.. ที่นี่มีผุ้ปกครองมายาวนานประวัติศาสตร์ของเวนิสเริ่มมา ตั้งแต่ปีคศ๑๒๓๐..มีทั้งทรัพย์สมบัติที่ถูกลักขโมยมาจากสงครามครูเสด.เป็นแรงบันดาลใจ
ก่อให้เกิดบทกวีงานศิลปะ การได้ล่องเรือกอนโดลาที่ราคาแสนแพงพร้อมฟังเพลงซานตาลูเซีย
คัมแบคทูซอเร็นโตให้กับคู่หนุ่มสาวที่มาฮันนีมูน “ก็คุณบอกฉันวาคุณจะกลับจากเวนิสวันนี้” "ฉันอยากให้คุณทำความฝันของฉันให้เป็นจริงได้ไหม” หญิงสาวทำเสียงอ้อน ชายหนุ่มหยุดชะงัก และพยักหน้า เขาตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าอะไรทำให้ สัญชาติญานดิบในร่างกายของเขาผุดขึ้นมา .... “เราเดินไปที่สะพานไหมค่ะ”ผมไม่ตอบแต่พยักหน้า ..เสียงนักท่องเที่ยวอิตาลีร้องตะโกนโหวกแหวก. ยืนแอคชั่นเข้าคิวถ่ายภาพกับสะพานเบื้องหลัง. .อากาศสิบห้าองศา ของเมืองเวนิสมิตรภาพ
ในต่างแดนที่ถาโถมอย่างไม่รู้ตัว
สองสาวยืนบนสะพานที่ทอดโค้งเชื่อมเวนิสทั้งเมืองให้เข้ามาด้วยกัน...
ภาพของคลองสะพานทอดถอนใจที่เชื่อมต่อระหว่าง
พระราชวังดอจกับที่คุมขังนักโทษ
“ทำไมคุณมาเวนิส”ชายหนุ่ม หันมาถามเธอ ..
“ฉันมาที่นี่เพราะอยากจะสานฝันกับใครคนหนึ่ง
แต่สิ่งนั้นไม่ได้เกิดขึ้นฉันเลยชวนเพื่อนฉันมา
อาจจะเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ฉันก็อยากจะบอกเล่าให้คุณฟัง” ความเงียบเกิดขึ้นชั่วขณะ ...เพื่อนสาวที่มาด้วยเหมือนจะรู้ใจ เธอแทรกตัวผ่านนักท่องเที่ยวที่แออัดบนสะพาน
เพื่อที่จะได้ภาพที่มีแบคกราวน์เป็นสายน้ำเรือกอนโดลาเบื้องหลัง
. เธอทอดสายตามองไปที่สะพานทอดถอนใจ ...
เรือกอนโดลาร์สีดำขนาดใหญ่แหวกสายน้ำสีเขียวฟ้า
ไปใต้สะพาน หนุ่มสาวชาวเรือไปจอดใต้สะพาน...นั้นซิเขาจุมพิตกัน
เพือนสาวสะกิดหญิงสาวเขินอายหันหน้ามาทางชายหนุ่ม..
เขาอมยิ้ม พร้อมหันหน้าไปสบตาเธอ
สีแดงระเรื่อของหญิงสาวบรรยากาศแห่งต่างแดน
เสียงระฆังจากหอระฆังกัมปานีเลแว่วมา
ใครไม่รู้กล่าวไ ว้ว่าความรักไม่มีพรหมแดนไม่มีขอบเขต . “คุณรู้ไหม ฉันก็เคยฝันที่จะทำเช่นนั้น”
ผมถึงบางอ้อใครๆก็อยากมีความรักที่ยั่งยืนประทับใจตาม
ความเชื่อที่ว่าใครได้นั่งเรือกอนโดลาและ
จุมพิตกันใต้สะพานทอดถอนใจ (bridge of sigh)
ความรักจะยั่งยืนยาวนาน เธอเอามือลูบผมสีดำสยายรวบไว้ข้างหลัง
ลมทะเลแห่งเอเดรียติกพัดพาดผ่าน เธอนิ่งเงียบไป
“เคโกะ เธออย่าเศร้าอีกซิ เราสัญญากันแล้วไม่ใช่หรือที่จะไม่พูดถึงเขาอีก”
เพื่อนสาวตาชั้นเดียวผอมสูงเอ่ยขึ้น
" ผมว่าเราเดินไปที่เสาที่มีสิงโตมีปีกดีกว่า".
..ภาพของสองสาวชาวญี่ปุ่นที่เดินข้างหนุ่มไทยแล้ว
กับชายหนุ่มจากประเทศไทยที่สะพายเป้ท่องเที่ยว
ถือภาพวาดสีน้ำที่ในที่สุดต่อรองลงมาได้เหลือสามสิบยูโร
นักท่องเที่ยวที่นั่งอยู่ที่ท่าเรือซานมาร์โคหันมอง
พระอาทิตย์ที่ซานมาร์โค ลอยต่ำละเลียดโบสถ์
ซานตามาเรีย ซาลูเต้อาจจะไม่สวยที่สุด
เมื่อเทียบกับทัศนียภาพที่อื่นแต่แสงเงาที่ทาบ
ในดวงใจคนทั้งสามกลับล่องลอยไปไม่จบสิ้น
“คุณดูเสาคอลัมน์สองต้นนี้ซิค่ะ
ตรงนี้เขาเรียกว่าจัตุรัส ปิอัซเซตตาค่ะ
เธอหยิบแผนที่ออกจากกระเป๋าสีม่วง
ใบงาม “คงแพงน่าดู”ชายหนุ่มคิดในใจ..”ไม่แพงหรอกค่ะ”
เธอเหมือนจะอ่านใจเขาออก ผู้หญิงกับเรื่องของ
กระเป๋ากับสาวญี่ปุ่น.. พื้นที่เป็นลักษณะเรียบเหมือนหิน
ลานกว้างที่ทอดยาวจนกระทั่งจะมีใครรู้ไหมว่า
ที่นี่เป็นที่พบปะของนักการเมือง
ที่รอประชุม และเป็นที่ลานประหารนักโทษด้วย.
..โลกใบนี่เป็นโลกที่โหดร้ายผู้ชนะถูกเสมอ..
ที่นี่ปกครองโดยดอจมาตั้งแต่แปดร้อยปีที่แล้วเคยเป็นเมืองท่าที่ส่ง
กองเรือห้าร้อยลำไปทำสงครามครูเสด
ปล้นกรุงคอนสแตนติโนเปิลนำทรัพย์สมบัติ
กลับมาที่เมืองนี้ และเคยถูกนโปเลียน
จากฝรั่งเศสบุกเข้าครองและนำม้าสี่ตัว
ที่อยู่เหนือวิหารเซนมาร์คไปประดับที่ประตูชัยของฝรั่งเศส
“ เสาสองต้นต้นแรกเป็นสัญญลักษณ์ของเวนิส สิงโตมีปีก อีกยอดเสาเป็นของนักบุญธีโอเดอร์ .” ผมเอียงหน้าชี้มือไปยังเสาสูงเธอเอียงหน้าเข้ามาใกล้ผม เธอเซเล็กน้อยผมประคองเธอไว้เป็นครั้งแรกที่ผมถูกเนื้อต้องตัวเธอ "ขอบคุณค่ะ เธอหน้าแดง" ..ขณะที่ผมหัวใจเต้นเร็ว ขณะที่เพื่อนสาวของเธอไม่ได้สังเกตเห้นเล็งกล้องถ่ายภาพอย่างตั้งใจ
”คุณนี่ช่างสังเกตนะ” เธอเปลี่ยนเรื่องคุย เ ธอแหงนหน้าขึ้นมองยอดปลายเสา นักท่องเที่ยวที่เดินเตร็ดเตร่แถวจัตุรัสซานมาร์โคไม่ได้น้อยลง มองไปไกลๆตรงกันข้ามกับหอนาฬิกาตอร์เรเดลโลโรโลโจตั้งอยู่
“คุณเห็นรูปหล่อสำริดของแขกมัวร์สองคนที่ผลัดกันตีระฆังทุกๆชั่วโมงไหมค่ะ” เห็นซี ข้างล่างที่ใต้ลงมาก็เป็นสิงห์โตมีปีก ...เมืองนี้อะไรอะไรก็เป็นเมืองที่สิงห์โตมีปีก ชายหนุ่มมองไปที่ระฆังเรื่องเล่าที่บอกว่า ช่างนาฬิกาที่ออกแบบนาฬิกาถูกทำให้ตาบอดเพื่อไม่ให้ไปสร้างนาฬิกาที่ไหนอีก....” “เราลองเดินย้อนไปทางโน้นไหมครับ” เขาเดินผ่านนักท่องเที่ยวหลายเชื้อชาติที่เดินสวนไป วิหารเซนต์มาร์คยอดห้าโดมที่เด่นเป็นสง่าผ่านประตูทางเข้าถึงห้าช่อง สร้างขึ้นเพื่อเก็บพระศพของนักบุญเว็นต์มาร์คที่พ่อค้าชาวเวนิสขโมย มาจากเมืองอเลกซานเดรียอิยิปต์อยู่ติดกับ พระราชวังดอจอันลือเลื่อง
“คุณหิวน้ำไหม ผมยื่นขวดน้ำส่งไปให้เธอและเพื่อนของเธอ ... เธอหันหน้ามองผมสายตาไม่เชื่อใจ พร้อมหันหน้าไปทางเพื่อนสาว ... “คุณกลัวว่าผมจะใส่อะไรเข้าไปในน้ำที่สิ่งให้คุณดื่มหรือ” เ ธอขมวดคิ้วอมยิ้มเมื่อผมรู้ทัน พร้อมกล่าวขอบคุณพร้อมกับดื่มน้ำที่ผมส่งให้ “นี่เราจะไม่แนะนำตัวกันบางหรือครับ อย่างไรเราก็เป็นเพื่อนร่วมโลกกัน” “เธอไม่ตอบเดินจ้ำอ้าวไปข้างหน้าแสงแดดที่ฉายฉานลงมาที่ จัตุรัสซานมาร์โคสว่างขึ้นราวตอบรัมกับความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นใหม่
ร้านกาแฟคาเฟ ฟลอเรียนที่เห็นเป็นซุ้มประตูม่านสีขาว
บริเวณหอระฆังลักษณะเป็นลานกว้างสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาบข้างด้วยร้านรวงต่างๆเห็น ร้านกาแฟคาเฟ่ ฟลอเรียนอันลือชื่อโดดเด่นและมีร้านกาแฟเล็กๆที่สามารถ ใช้เงินสองยูโรทานกับของว่างเช่นแซนวิชพิซซ่าเล็กๆหรือขนมปังที่ราคาไม่แพง “รอฉันด้วยเพื่อนรักของฉัน" เพื่อนสาวเธอวิ่งตามไป .. นกพิราบที่อยู่บนพื้นที่กำลังจิกอาหารจากนักท่องเที่ยวบินโผขึ้นบนอากาศ ไปมาเหมือนจะรู้ถึงความเปลี่ยนแปลง ที่กำลังจะเกิดขึ้น .. “นี่เธอ ฉันชักจะถูกชะตาหนุ่มคนนี้จากเมืองไทยแล้วหละ เราชวนเขาไปทานกาแฟกันดีไหม." “แต่เอ้ เขาหายไปไหนแล้วหละ” เธอชะเง้อหน้าไปมองเขาเขาหายตัวไปแล้ว เธอหันหน้าไปเสียงชัตเตอร์กดแช๊ะ ดังใกล้หูเธอ “ขอโทษนะครับที่ทำให้คอยผมไปถ่ายรูปอยู่.... ผมว่าผมเลี้ยงกาแฟคุณดีไหม มาเวนิสทั้งที ...ไม่ลองจิบกาแฟ ก็ดูกระไร คุณมีข้อมูลบ้างไหม” สองสาวหันไปยิ้มกันแล้วหัวเราะแต่ไม่พูดอะไรออกมาเธอพยักหน้า ชายหนุ่มทำหน้าสงสัย“ที่เวนิสใครๆก็ว่าของแพงนะครับ” “ แต่ว่าเราไม่ได้มาบ่อยนะค่ะ” ผมว่าเราไปนั่งทานกาแฟกันไหมครับ สองสาวหันมาอมยิ้ม..
มองจากมุมสูงภาพล่างซ้ายเห็นเป็นกันสาดสีขาวโต๊ะกาแฟกล้างแจ้ง
"ผมทราบว่ามีร้านกาแฟที่หรูมากที่ คาสโนว่าเคยนั่งเริ่มสร้างตั้งแต่ปี คศ ๑๘๔๐ ชื่อร้าน Caffe’ Florian คุณอยากจะไปนั่งไหม "...ผมหัวเราะ “ก่อนมาที่นี่ ผมทราบว่ากาแฟอิตาลีอร่อย” ..."แต่ฉันว่าร้านกาแฟเป็นร้านที่ทำให้ผู้คนพบกัน.. มีหนังหลายฉากหลายเรื่องราวที่หนุ่มสาวคู่รักมาพบกัน .ในญี่ป่นตอนนี้มีร้านกาแฟเกิดขึ้นมากมาย"
บริกรในชุดสูทสีขาวเชื้อเชิญให้เรานั่ง เสียงดนตรีลอดออกมาข้างนอกร้านเก่าแก่ว่ากันว่าที่นี่คาสโนว่ าเคยมานั่งทานกาแฟที่นี่หลังจากที่เขาโดน ตัดสินให้จำคุกและก่อนหลบหนีเขาได้มานั่งจิบกาแฟที่นี่
“ ฉันว่าเราเลือกที่นั่งด้านนอกจะดีไหมค่ะ ค่าที่นั่งจะถูกกว่าและเรายังได้บรรยากาศของนักท่องเที่ยวอีกด้วย ฉันว่าได้นั่งดูผู้คนเปิดใจรับประสบการณ์ใหม่ๆ น่าจะดีน้า” “จริงด้วย”เพื่อนสาวเธอพยักหน้า
เป็นตัวเป็นตนเป็นคนของเธอ
ผมเห็นพ้องตามนั้นในใจคิดว่าหากผู้หญิงชอบแบบไหนสำหรับ การเริ่มต้นที่ดีเราก็ควรทำสิ่งนั้น บริกรในสูทสีขาวเดินมาทักทายเรา ... สองสาวชาวญี่ปุ่นดูเมนูแล้วเราก็เริ่มสั่ง ขนมปังหน้าตาแปลกกลิ่นหอมเสริฟ์มาพร้อมกับกาแฟ
ริมฝีปากที่อวบอิ่ม ที่จิบกาแฟแม้ไม่คล้ายกับภาพที่เขาเห็นตอนที่ในโฆษณา ..แม้จะไม่ได้จิบกาแฟมาเป็นเวลานาน กับหญิงสาว แต่ความรู้สึกที่คุ้นเคยกลับมาอย่างบอกไม่ถูก ภาพของร้านกาแฟแรกๆของสยามสแควร์ที่ปัจจุบัน กำลังจะได้รับการรีโนเวทใหม่ผุดขึ้นในใจอย่างบอกไม่ถูกว่าทำไม
ขอบคุณภาพประกอบจากเนต
เธอหันหน้ามามองเขาเอื้อมหยิบขนมเค้กสีครีมทอปปิ้งด้วยขนมปังกรอบส่งมาให้เขา "ขอบคุณครับ" เขารุ้สึกเขินอาย..กิริยาเช่นนี้ควรเป็นเขาที่กระทำแต่หญิงสาว เขาแก้ความเขินอายด้วยการรินน้ำให้หญิงสาวทั้งสอง เขามองข้ามโต๊ะที่เขานั่ง นักท่องเที่ยวบางคนเลือกที่จะนั่งข้าง ในความหรูหราบรรยากาศและเสียงเพลงที่นักดนตรีขับกล่อม บริกรชาวอิตาเลียนถ่ายรูปให้ลูกค้าแอคชั่นเสียงกราเซีย บอนโจโนดังสลับกัน.. เขานิ่งเงียบไป..มื่อหญิงสาวชาวอาทิตย์อุทัย เริ่มเอ่ยขึ้น "คุณรู้ไหม ว่าสิ่งที่เราดื่มกันอยู่นี่ในอิตาลีเคยถูกประนามว่าเป็น
เครื่องดื่มของปีศาจ(devil’s drink)
ถึงกับมีการขอร้องให้องค์สันตปปาสั่งห้ามการดื่มกาแฟ”
" แล้วสำเร็จไหมหละครับ
"คุณก็รู้นี่ อะไรที่มีคุณค่าในตัวเอง ไม่ว่ากาลเวลาผ่านไปสักเท่าไหร่ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆได้อยู่ดี
คุณเห็นนกที่บินเหล่านี้ไหม มันบินมาตลอดเวลาผ่านไป ผานรุ่นสู่รุ่นมันก้ยังคงอยู่ เหมือนร้าน คาฟเฟ่ ฟลอเรียนแห่งนี้ ฟลอริโอโน่ ฟรานซิสโคนี่
เปิดร้านกาแฟนี้ตัง้แต่ปีคศ1720แล้วเกือบสามร้อยปีแล้ว.
อาศัยที่ฟรานซิสโคนี่มีความสัมพันืแน่นแฟ้นกับตระกูล
ขุนนางและชนชั้นสูงร้านกาแฟเขาจึงกลายเป็นสัญญลักษณ์ แห่งความหรูหราประจำเมืองเวนิสในเวลาต่อมา”
ขอบคุณภาพประกอบจากเนต เธอละเลียดคาปุชิโนจนกระทั่งฟองนม ติดที่ริมฝีปาก ชายหนุ่มส่งกระดาษทิชชู่ส่งให้เธอ เธอกลับใช้ลิ้น ตวัดฟองนมที่ติดริมฝีปากเข้าปากอย่างรวดเร็ว..ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ อะไรที่เป็นธรรมชาติไม่ได้เสแสร้งย่อมได้ใจของใครต่อใครหลายครั้งที่ในสังคมเรา อาศัยแค่เปลือกแล้วตัดสินผู้คนคล้ายสวมหน้ากากเข้าหากัน
"แล้วคุณรู้ไหมว่าใครเป็นคนคิดค้นกาแฟเอสเพรสโส ชายหนุ่มย้อนถาม “ฉันไม่รู้ ...เธอเอามือม้วนปอยผมเม้มปากยิ้มโชว์ฟันขาวเป็นระเบียบสดใส. .หน้าตาอย่างนี้นิสัยอย่างนี้ทำมาเที่ยวเวนิสกับเพื่อนสาวโดยไม่มีหนุ่มข้างกาน อาจเป็นเพราะเธอฉลาดเกินไป รู้มากกวาผู้ชาย เท่าที่เขาทราบมาว่าเมื่อมีการแต่งงานในญี่ปุ่นผู้หญิงจะต้องเป็นช้างเท้าหลัง
ต้องออกจากงานเพื่อดูแลครอบครัว.. “เมื่อไหร่ คุณจะบอกฉันค่ะ ฉันรออยู่ ใช่เลยฉันก็อยากรุ้เหมือนกัน" เพื่อนสาวเธอขยับตัวเยงหน้าเข้ามาฟังคำตอบ “อีกประมาณร้อยปีถัดมาครับในปีคศ ๑๘๒๒ ร้านกาแฟในฝรั่งเศสได้คิดค้นเครื่องชงกาแฟแบบหยาบๆขึ้นและเรียกแฟนั้นว่าเอสเปรสโซ” "คุณนี้เก่งจริงๆเลยนะ " หญิงสาวชม มาดื่มให้กับมิตรภาพที่ทำให้เรามาพบกัน. ..เธอยิ้มฟันขาวเพื่อนสาวเธอยิ้มตาหยี...
"แล้วทำไมคุณถึงดื่มคาปูชิโน แล้วเราอยู่ที่ไหนค่ะตอนนี้ cappuccino เป็นภาษาอิตาเลียน หมายถึงกาแฟทำด้วยนมข้นร้อนหรือครีม คุณสังเกตเห็นไหมละค่ะ ที่นี่เขาใช้เอสเปรสโซ ผสมกับนมสดที่เอาไปสตีมจนเป็นฟอง เติมวิปปิ้งครีม โรยผงซินนามอนหรืออบโชยเวลาเสริฟ์" "คุณก็เป็นเซียนกาแฟเหมือนกันนะครับ.. .ความหมายเดิมหมายถึงสีของเสื้อคลุมของพระนิกายคาปูชิน สังกัดฟรังซิสกัน คาปูชินมาจากคำว่าcappaแปลว่าที่หุ้มซึ่งมาจากcaputแปลว่าหัว เหมือนกับ caput medusa ที่เมืองฟลอเรนส์ไง " " ฉันเข้าใจแล้วหละ กาแฟเอสเพรสโซ นมสดร้อนและฟองนมหนานุ่มที่อยู่ด้านบนของถ้วย แล้วศิลปะการชงหรือชิมของคาปุชิโนอยู่ตรงไหนละค่ะ เธอทำสีหน้าทึ่งในสิ่งที่เขาตอบอ่าบอกฉันนะว่าคุณเปิดร้านกาแฟที่เมืองไทย." .เธอยกคาปูชิโนขึ้นจิบอีก ชายหนุ่มตบมือเบาๆ "คุณดื่มคาปูชิโนได้ถูกต้องแล้ว ทำไมหรือค่ะ หญิงสาวถาม คุณดูซิฟองนมที่ติดอยู่ที่ถ้วยกาแฟคือคำตอบ " แล้วคุณคิดว่าอะไรคือคำตอบที่ทำให้คนเรามาพบกันได้หละ”
หญิงสาวสบตาชายหนุ่ม "ฉันขอตัวไปเดินดูผ้าลูกไม้กับเครื่องแก้วที่ร้านด้านข้าง แล้วฉันจะกลับมาเจอเธออีกครึ่งชั่วโมง..เพื่อนสาวปลีกตัวเหมือนรู้ใจคนทั้งสอง . หญิงสาวพยักหน้าเพื่อนผู้รู้ใจกับชายแปลกหน้าที่อยู่ตรงหน้า ใครๆก็ว่าเวนิสเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ หลายคนมาที่นี่
หลงใหลในงานศิลปะ เทศกาลหน้ากากและกาแฟ
ที่ผ่านมาคือหัวใจ ต่อไปคือกำไรชีวิต
ชีวิตจริงกินสองยูโรก็พอนะครับ บก.ชาลีคริคริ
ชายหนุ่มมองตามเพื่อนของหญิงสาวไป เขากลายเป็นส่วนเกิน ทำให้คนสองคนห่างกันหรือเปล่า เห็นแววตารอยยิ้ม การขยิบตาทำให้เขาโล่งใจ เสียงดนตรีไวโอลินออร์แกนแว่วมาใกล้ๆ ใครๆมักจะเขียนนิยายรักฉากพิเศษที่ร้านกาแฟ “ทำไมคุณมาเวนิสครับ” ...ชายหนุ่มยกกาแฟขึ้นจิบ กลิ่นกาแฟควันที่โชยความร้อนที่เก้าสิบองศา.. เธอหันหน้าออกไปข้างนอกมองไปยังยอดวิหารเซนต์มาร์ค
“ฉันก็เหมือนหญิงสาวญี่ปุ่นทั่วไป..ทุกคนก็ล้วนแต่มีความฝัน” ฉันและเพื่อนชายของฉันเคยฝันว่าจะมาที่ยวล่องเรือกอนโดลาด้วยกัน ใครๆก็ว่าเมืองนี้เป็นเมืองที่โรแมนติก เธอเสียงสั่นเครือเมื่อกล่าวถึงประโยคนี้..
.นกพิราบขยับปีกเสียงเด็กหัวเราะรอยยิ้มของนักเดินทางทำให้ทุกอย่างดูรื่นรมย์ขึ้น แต่ว่าฝันกับความจริงบางครั้งกับความจริงก็ไม่ไปด้วยกันเสมอไป
“แล้วคุณหละมีแต่เป็นฉันที่ตอบคุณอยู่คนเดียว คุณมาเวนิสทำไม" “ผมชอบงานศิลปะ มีใครหลายคนที่มาที่เมืองนี้แล้วสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดขึ้น” ความรักไง รักที่ผมเคยมี แล้วไม่สมหวัง "คนอย่างคุณหรือจะไม่สมหวังฉันว่าคุณไม่ได้ขี้เหร่นะ" ผมไม่ตอบแต่เอามือจับจมูกก้มหน้าแล้วยิ้ม “เพื่อนของคุณกลับมาแล้วหอบของพะรุงพะรังเชียว ผมว่าผมไปช่วยเธอดีกว่า "ฉันได้ของมาเยอะแยะเสียแต่ว่าราคาของที่นี่ค่อนข้างแพง ไปหน่อย”เธอทำเสียงบ่นเล็กน้อย ตอนนี้ฉันว่าเราไปที่ท่าเรืออีกทีไหม พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าแล้ว ฉันอยากอธิษฐาน เธอเอ่ยปากชวน
พระอาทิตย์ สีแดงตัดกับท้องฟ้ายามเย็นสาดฉายแสงตัดกับตึกรามของเวนิสสีน้ำตาลแดงอร่ามตา ใครๆก็ไม่รู้บอกว่าจุดจบของความรักก็จะเกิดความรัก หญิงสาวอมยิ้ม..หันกลับมามองที่ชายหนุ่ม “คุณอธิษฐานอะไรค่ะ..ไหนๆเราก็จะจากกันแล้ว “ผมกำลังจะไปมิลาน เดี๋ยวผมต้องลงเรือแล้วไปขึ้นที่ฝั่งทอนเชสโต...ผมไม่ตอบแต่หวังว่าคุณคงรู้”
“ผมขอสถานที่คุณที่ญี่ปุ่นได้ไหม ผมจะส่งโปสการ์ดไปให้ คุณจะได้มีความทรงจำที่ดี .. เราอาจจะมีความสุขตามเรื่องราวที่เราพานพบแต่ในโลกของชีวิตจริงต่างจากนวนิยายที่เราอ่านอย่างสิ้นเชิง” เขาพูดเสียงค่อย..
“ ฉันไมยอมแพ้อะไรง่ายๆหรอกค่ะ ฉันเชื่อว่าโลกแบนค่ะ” วัฒนธรรมของฉันสอนให้ผู้หญิงเป็นฝ่ายที่ไม่เปิดเผยความรู้สึก แต่เราจะหลอกตัวเองใจตัวเองได้อย่างไรค่ะ “ ฉันเคยดูหนังbefore sunrise คนสองคนเจอกันคนหนึ่งเป็นอเมริกันอีกคนเป็นสาวฝรั่งเศส แล้วไปเที่ยวออสเตรียด้วยกัน แม้ว่าเขานัดกันว่าจะเจอกันแต่ไม่ได้เจอกันต่างฝ่ายแยก ย้ายไปมีครอบครัวแต่ความรู้สึกแสนหวานโรแมนติกก็ยังคงอยู่ คุณไม่เคยมีประสบการณ์เหล่านั้นหรือ” เธอพูดเสียงจริงจัง
“คืนนี้ฉันกับเพื่อนพักที่นี่ ..เราอาจเจอกันอีกที่มิลาน แม้บรรยากาศไม่หวานเหมือนเวนิส
หรือว่าคุณไม่อยากเจอฉันแล้ว นี่ค่ะสถานที่ของฉัน...เธอยิ้มแก้มใส
เสียงเรือปะทะคลื่นแห่งทะเลเอเดรียติกดังกึกก้องสลับกับสายลมที่พัดผ่าน
.ผมจำรอยยิ้มเสียงหัวเราะความเขินอายความรู้สึกกลิ่นอายของหญิงสาวที่เธออยู่ในอ้อมแขนของผม . ความมืดเข้ามาปกคลุมแต่ในใจของผมกลับสว่างไสวอบอุ่นมิปานคล้ายดอกรักแรกบาน
โลกหมุนผมไม่ได้หมุนตามโลกผมหมุนตามใจตัวเอง ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๕ |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
Lucern march 2012 | ||
![]() |
||
mIlan to lucern |
||
View All ![]() |
อยากได้ยินว่ารักกัน | ||
![]() |
||
yak dai yin wa rak kan |
||
View All ![]() |
<< | สิงหาคม 2012 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | 4 | |||
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |