ด้วยเส้นหมี่ขาวกรอบแบบกรอบอย่างที่ไม่ค่อยได้เจอที่ร้านไหน เนื้อวัวหมักนุ่ม ๆ และคะน้าฮ่องกงก้านโตหวานกรอบ ทำให้พอทิ้งช่วงไปได้สักระยะหนึ่งก็ยังต้องแวะเวียนย้อนกลับไปกินก๋วยเตี๋ยวราดหน้าของร้านจ๊ากกี่ซ้ำแล้วซ้ำอีก เป็นอีกหนึ่งร้านราดหน้าที่มีคนพูดถึงกันเยอะด้วยความที่เป็นร้านเก่าแก่เปิดขายมานาน 50-60 ปี ส่วนรสชาติความอร่อยก็คงจะมีความเห็นแตกต่างให้ถกเถียงกันอยู่บ้าง ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ไม่ว่าจะเป็นร้านไหน ๆ คนที่เข้าไปกินก็คงจะมีทั้งที่รู้สึกว่าถูกปากและไม่ถูกปากคละเคล้ากันไป แล้วก็ยังมีอีกหลายปากที่กินแล้วมีการพูดถึงเรื่องราคา เพราะเป็นก๋วยเตี๋ยวราดหน้าที่ตอนนี้ขายราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 110 บาท แต่ถึงจะขยับราคาขึ้นตามช่วงเวลามาเป็นระยะ แต่คนกินก็ยังเต็มร้าน ไม่อยากรอกินนานก็ต้องไปให้ถึงร้านก่อนคนอื่น

ร้านอยู่แถว ๆ กลางซอยราชวิถี 7 ถ้าเข้าจากทางด้านถนนราชวิถี แถว ๆ เซ็นเตอร์วัน อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แต่ถ้าขับรถไปก็ต้องไปเข้าจากทางด้านซอยรางน้ำเพราะในซอยเดินรถแบบวันเวย์ ให้ไปเลี้ยวเข้าทางซอยวัฒนโยธินที่ปากซอยจะเห็นร้านกินชื่ออีสานรสเด็ด ไปถึงตามกำหนดเวลาเปิดร้านตอนสิบเอ็ดโมงเป๊ะ ยังมีที่ว่างพอให้จอดรถได้ในศาลเจ้าทีกงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามร้าน ส่วนในร้านมีคนไปนั่งอยู่แล้ว 5 โต๊ะ กับคนนั่งรอซื้อใส่ห่ออีก 3 คิว

แต่ดั้งเดิมเลยก็เล่ากันว่าเป็นร้านรถเข็นอยู่เยาวราช แล้วก็ย้ายมาลงหลักปักฐานเป็นตึกแถวอยู่ในซอยราชวิถี 7 หรือซอยวัฒนโยธินตรงนี้ แต่จะย้ายมานานแค่ไหนแล้วไม่เคยได้ออกปากไต่ถาม ที่พอจะเริ่มได้ยินชื่อรู้จักร้านนี้ก็จากปากคนที่เอามาเล่าถึงให้ฟังก็น่าจะเป็นเมื่อปี 2534 ซึ่งตอนนั้นร้านก็เปิดขายอยู่ที่ตึกแถวตรงนี้แล้ว มีสองคำสำคัญที่ได้ฟังตอนนั้นแล้วพอจะจับใจความได้ก็คือคำว่าอร่อยกับคำว่าแพง เป็นสองคำที่ทำให้ไม่เคยไปกินก๋วยเตี๋ยวราดหน้าที่ร้านนี้ทั้งที่ก็นึกอยากจะไปลองอยู่ทุกครั้งที่ได้ยินคนพูดถึง จนเวลาผ่านเลยไปนานมากโขอยู่ กว่าจะได้ผ่านเข้าไปแถวนั้นแล้วไปเจอร้านกันแบบจะ ๆ หน้าตาก็ปาเข้าไปถึงปี 2550 แล้ว

ที่ไปกินครั้งแรกนั้น ราคาก๋วยเตี๋ยวราดหน้าไม่ว่าจะใส่หมู ไก่ หรือเนื้อ ก็ยังขายอยู่ราคาเท่ากันคือจานละ 80 บาท ก๋วยเตี๋ยวราดหน้าราคาเท่านี้เมื่อ 9 ปีก่อนก็ต้องถือว่าแพงกว่าร้านทั่ว ๆ ไปอยู่ไม่น้อย หลังสุดที่ไปกินมาราคาก๋วยเตี๋ยวราดหน้าหมูหรือไก่อยู่ที่จานละ 110 บาท แต่ถ้าเป็นก๋วยเตี๋ยวราดหน้าเนื้อก็ขายจานละ 120 บาท แล้วยังมีเงื่อนไขให้ต้องปฏิบัติตนอีกในการกินที่ร้านและสั่งใส่ห่อ อารมณ์ของการกินแบบนี้คนที่ไม่ค่อยชินก็ควรทำใจให้รับได้เอาไว้ก่อนถ้าคิดอยากจะไปกิน

สั่งก๋วยเตี๋ยวราดหน้าไปแล้วยังไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนถึงจะได้กิน ก็เลยสั่งเกี๊ยวทอดกรอบ ๆ มากินเล่นไปพลางก่อนระหว่างรอ แล้วสั่งน้ำชาใส่น้ำแข็งมากินแก้คอแห้ง ค่าน้ำชาแก้วละ 5 บาทแต่เติมได้เรื่อย ๆ ตอนมากินที่ร้านนี้ครั้งแรกถ้าจำไม่ผิดราคาน้ำชาน่าจะยังอยู่ที่แก้วละ 3 บาท

ดูแค่คร่าว ๆ ไม่ได้นับตัวกิน เกี๊ยวทอดในจานดูน่าจะมีสักสิบชิ้น ราคา 60 บาท อย่ารีบกินจนหมดไปก่อน เหลือเก็บไว้ใส่คลุกกับน้ำราดหน้ากินแบบเกี๊ยวกรอบราดหน้าก็ได้อรรถรสดี

ถัดจากเกี๊ยวกรอบก็ได้กินเกี๊ยวน้ำ ซึ่งบะหมี่เกี๊ยวจะทำขายอยู่ที่หน้าร้าน ส่วนก๋วยเตี๋ยวราดหน้านั้นทำกันอยู่ข้างในครัวด้านหลังร้าน

มากินที่ร้านนี้ถ้าไม่ได้สั่งเกี๊ยวน้ำใส่เครื่องชามละ 130 บาท ก็จะหมายถึงเกี๊ยวน้ำ 6 ตัว ราคา 84 บาท หรือที่ตั้งชื่อเรียกเอาเองว่าเกี๊ยวน้ำเฉย ๆ ก็เพราะว่าในชามจะมีมาให้กินแค่ตัวเกี๊ยว 6 ตัว น้ำซุปที่หน้าตาดูใส ๆ และต้นหอมอีกนิดหน่อย ราคาที่ตั้งขายที่มีเศษข้างท้ายอยู่ 4 บาท เพราะคิดราคาเกี๊ยวตามจำนวนตัวคือตัวละ 14 บาท

เกี๊ยวที่ใส่มาให้กินเป็นเกี๊ยวไส้กุ้งสับปรุงเครื่อง ไม่ได้ใส่กุ้งมาเป็นตัวแบบเกี๊ยวกุ้งบางร้าน น้ำซุปเห็นใส ๆ อย่างนั้นแต่ก็มีรสชาติ ได้มาแล้วก็ซดจนหมดทุกครั้งที่ไปกินเพราะเป็นน้ำซุปที่มีราคา ไปสั่งกินบะหมี่แห้งแล้วถ้าขอน้ำซุปก็จะคิดเงินเพิ่มอีก 5 บาทถือเป็นกติกา ไปกันเกิน 2 คน สั่งเกี๊ยว 6 ตัวมากินชามเดียวก็อย่าลืมอีกกติกาหนึ่งคือจะได้ถ้วยเล็กสำหรับแบ่งแค่ 2 ถ้วย ไปกัน 3 คนก็ต้องแบ่งเกี๊ยวและน้ำซุปออกมาแค่ 2 ถ้วย อีกคนก็กินส่วนที่เหลือในชามไปไม่ต้องขอถ้วยแบ่งเพิ่ม

สั่งบะหมี่ปูหมูแดงแบบแห้ง 110 บาท น้ำซุปใช้ซดเอาจากชามเกี๊ยว ราคาบะหมี่ที่ร้านนี้ออกสตาร์ทเริ่มต้นที่ชามละ 70 บาทเป็นบะหมี่หมูแดง ถ้าจะกินเกี๊ยวด้วยก็จะได้เกี๊ยวกุ้งใส่มาเพิ่มอีก 2 ตัว ราคาก็จะเพิ่มขึ้นไปเป็นชามละ 98 บาท คิดจากเกี๊ยวตัวละ 14 บาท  

คุณภาพ ปริมาณ รสชาติ และราคาก็น่าจะเป็นเรื่องของความพึงพอใจที่ต่างปากก็คงต่างใจ จึงขอยกเว้นเอาไว้ไม่นำมาใส่เติมความเห็น เพราะเห็นขายราคาแบบนี้แต่คนก็ยังไปนั่งรอกินกันเต็มร้านและคิวซื้อกลับต่อกันอีกยาว ขาประจำขี้เกียจมานั่งรอนานก็จะใช้โทรศัพท์สั่งเอาไว้ก่อน ซึ่งก็มีเงื่อนไขตั้งเอาไว้ด้วยว่าต้องสั่ง 5 ห่อขึ้นไป หรือถ้าจะไปนั่งกินที่ร้านก็ควรไปเสียตั้งแต่เนิ่น ๆ เพิ่งจะเปิดร้านตอนสักสิบเอ็ดโมง ยังไม่ต้องไปแย่งโต๊ะนั่งกับใครหรือต้องแขวนท้องหิวรอคิวกินนาน เคยไปถึงร้านตอนประมาณบ่ายโมงกว่า ๆ แล้วไม่ได้กินของที่นึกอยากจะกินเพราะวัตถุดิบบางอย่างหมดไปก่อนแล้ว

ก็ขนาดไปถึงร้านตอนสิบเอ็ดโมง กว่าจะได้กินก๋วยเตี๋ยวราดหน้าจานแรกนี้ก็ล่วงเลยไปถึงสิบเอ็ดโมงยี่สิบนาที นึกอยากจะกินอะไรก็สั่งไปในคราวเดียวกัน เพราะที่ร้านนี้เขาจะทำให้กินตามคิว ไปสั่งเพิ่มกลางทางระหว่างกินก็จะต้องรอต่อคิวคนที่สั่งก่อน หรือถ้าจะสั่งกลับบ้านก็สั่งเอาไว้ก่อนได้เลย ขืนรอกินอิ่มแล้วสั่งก็คงจะต้องนั่งรอต่ออีกนาน จานแรกนี้เป็นก๋วยเตี๋ยวราดหน้าหมู จานละ 110 บาท

สั่งราดหน้ามีเส้นให้เลือกกินอยู่ 3 แบบ ถ้าแบบผัดเส้นนิ่มก็ต้องสั่งราดหน้าแบบก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ แต่ถ้าสั่งเป็นเส้นหมี่ขาวหรือเส้นบะหมี่เขาจะเอาเส้นไปทอดน้ำมันให้กรอบฟู ซึ่งถ้าเลือกกินเป็นเส้นบะหมี่ราคาก็จะเพิ่มอีก 20 บาทเท่ากับที่จะสั่งกินก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่แบบใส่ไข่ ชอบกินแบบธรรมดา ๆ นี่แหละ ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ที่ผัดพอให้ได้กลิ่นหอมไหม้กระทะหน่อย ๆ หมูหมักนุ่ม ๆ ยอดคะน้าฮ่องกงที่คัดมาให้กินส่วนก้านกรอบ ๆ น้ำราดหน้าไม่เหนียวข้นแป้งจนหนืด ส่วนตัวก็ว่ารสน้ำออกจะเค็มไปนิดแต่ก็กินได้จนหมดพอดีกับเครื่องอย่างอื่นในจาน

เป็นก๋วยเตี๋ยวราดหน้าที่ไปกินแล้วก็ไม่ได้ปรุงแต่งเติมรสชาติอะไรเพิ่มอีก จานที่สองนี้เป็นก๋วยเตี๋ยวราดหน้าเนื้อซึ่งราคาจะแพงกว่าราดหน้าหมูอยู่ 10 บาท สีของเนื้อวัวจะดูออกเข้มกว่าสีของเนื้อหมู แต่ความนุ่มดูจะไม่ค่อยต่างกัน คนที่ไม่ชอบกินเนื้อหมูหรือเนื้อวัว จะสั่งเปลี่ยนให้ใส่เป็นกุ้ง ปู หรือปลาก็ได้แค่เติมราคาเข้าไปอีก 20-30 บาท

คะน้าฮ่องกงที่ว่าสดหวานกรอบดี แต่สั่งก๋วยเตี๋ยวจานปกติก็จะได้มาเคี้ยวให้สนุกปากแค่ไม่กี่ต้น อยากได้เพิ่มก็เติมเงินอีกหน่อย มากินกันหลายคนถ้านึกอยากจะสั่งก๋วยเตี๋ยวราดหน้าหลาย ๆ อย่างมาเป็นจานกลางแล้วค่อยรุมกินกันจานละนิดละหน่อย อยากจะกินแบบนี้ก็ต้องบริหารจัดการวิธีกินกันเอง เพราะกติกาของร้านมีตั้งเอาไว้ด้วยว่าอาหารเป็นอาหารจานเดียวจึงไม่มีการให้จานแบ่ง

จานที่ชอบกินมากที่สุดก็ต้องเก็บเอาไว้กินเป็นจานสุดท้าย เส้นหมี่ราดหน้าเนื้อจานละ 120 บาท เป็นเส้นหมี่ขาวที่เอาไปทอดน้ำมันให้พองกรอบเหมือนกินหมี่กรอบทรงเครื่องที่คลุกน้ำปรุงเหนียว ๆ รสชาติเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ นั่นแหละ

ความต่างจากหมี่ขาวกรอบราดหน้าที่เคยไปกินอยู่หลายร้านซึ่งจะทอดหมี่ในน้ำมันให้พองฟู แต่พอเจอน้ำราดหน้าเข้าไปก็จะฝ่อแฟบ เวลากินก็จะรู้สึกว่ายวบหายไปในปาก ตักกินช้าไปหน่อยก็ยุบยวบหายไปตั้งแต่ในจาน แต่หมี่กรอบของร้านจ๊ากกี่ตอนตักเข้าปากก็ยังมีความกรอบอยู่ กินช้าไปหน่อยถึงจะชุ่มน้ำลดความกรอบลงไปบ้าง แต่ก็ยังมีความเป็นเส้นหมี่อยู่ จานเส้นหมี่ราดหน้าเนื้อนี่แหละที่ทำให้ยังต้องวนเวียนไปฮึดสู้ราคากินอยู่เป็นครั้งคราว

ระหว่างนั่งกินที่ร้านก็สั่งใส่ห่อเผื่อเอาไปฝากคนที่บ้านกินด้วยเลย สั่งบะหมี่เกี๊ยวใส่ห่อไปแล้ว นึกอยากจะสั่งเส้นหมี่กรอบ ๆ ราดหน้ากลับไปด้วยอีกสักห่อ ก็เจอกติกาเป็นเงื่อนไขอีกว่าถ้าสั่งห่อเดียวไม่แยกน้ำให้ คิดดูเอาเถอะหมี่กรอบราดน้ำราดหน้าไปเลยตอนเที่ยงวัน กว่าจะกลับไปถึงบ้านตอนเกือบค่ำสภาพจะเป็นอย่างไร สุดท้ายก็ยังยอมให้ตลาดเป็นของผู้ขายด้วยการสั่งเพิ่มเป็นเส้นหมี่ราดหน้าหมู 2 ห่อ ซึ่งน้ำที่แยกให้จะใส่รวมไปอยู่ในถุงเดียวกัน ไม่มีแยกให้แบบถุงใครถุงมัน

เส้นหมี่ราดหน้าหมู 2 ห่อ 220 บาท ตัวเส้นหมี่แบ่งห่อใครห่อมันแบบกึ่ง ๆ โบราณหน่อย เพราะห่อด้วยแผ่นพลาสติกแล้วหุ้มอีกทีด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ ไปเปิดกินที่บ้านตอนเกือบทุ่มเส้นหมี่ก็ยังกรอบดีอยู่ ส่วนน้ำราดหน้าที่ใส่รวมมาเป็นถุงเดียวกันเอาไปเทใส่ชามที่บ้านแล้วก็ยังไม่ได้เต็มชามเดียว จะกินก็ต้องบริหารจัดการแบ่งปันให้พอดี ๆ กันเอาเอง

บะหมี่เกี๊ยวสั่งกลับบ้านมา 2 ห่อ เป็นบะหมี่เกี๊ยวปูหมูแดงห่อละ 135 บาท ได้เนื้อหามาให้คนที่บ้านกินก็เท่าที่ตาเห็น

เป็นบะหมี่เกี๊ยวแบบต้นหอมโรย ไม่ได้มีผักอย่างอื่นใส่มาด้วย คนชอบกินผักอาจจะไม่ค่อยถูกใจ เกี๊ยวกุ้งในห่อมีอยู่ 2 ตัว

ถึงร้านจะไม่ได้ตั้งกติกา แต่ก็มีกติกาของตัวเองไว้เสมอว่าซื้อใส่ห่อแบบนี้ถ้าซื้อกลับเข้าบ้านก็เอามาโพสต์เล่าได้ แต่ถ้าซื้อเอาไปฝากกิ๊กห้ามเอามาเขียนโพสต์ คนที่บ้านได้แต่รูปไม่ได้กินเดี๋ยวก็ได้มาเต็ม ๆ เรื่อง !!!

ชาร
10 กรกฎาคม 2559