กระแสข่าวเรื่อง การจะ"เล่น" หรือ"ไม่เล่น" การเมือง โดยการลงสมัครรับเลือกตั้ง ของพล.อ.สนธิ บุณยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) ภายหลังที่ท่านจะเกษียณอายุในเดือนตุลาคมปีนี้ เป็นประเด็นที่ถูกวิเคราะห์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

ในประเด็นนี้ มีทั้งผู้ที่ออกมาสนับสนุนว่าสามารถทำได้เพราะเป็นสิทธิที่กฏหมายรับรอง และก็มีผู้ที่ออกมาคัดค้านทั้งมุมของความเป็นห่วงว่าท่านจะเสียผู้เสียคน เพราะไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมนักการเมืองอาชีพ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีทหารคนไหนออกมาเล่นการเมืองแล้วประสบความสำเร็จสักคนเดียว ซึ่งแง่มุมนี้ถือเป็นการห่วง"ตัวพลเอกสนธิ"เป็นหลัก

ในขณะที่อีกมุมหนึ่งก็มีความเป็นห่วงในแง่ "หลักการ" ว่าหากพล.อ.สนธิจะลงมาเล่นการเมือง จะทำให้สังคมเคลือบแคลงได้ว่า ที่คมช.ทำมาทั้งหมดนั้น ก็เพราะต้องการสืบทอดอำนาจนั่นเอง และจะทำให้ความชอบธรรม ในการทำรัฐประหาร  19 กันยาฯ ลดน้อยลงไป และอาจจะกระทบต่อการลงประชามติรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญได้

แต่ถ้ามองในมุมของผม ผมไม่ได้สนใจว่าพล.อ.สนธิ ลงเลืกตั้งแล้วจะทัน หรือไม่ทัน เล่ห์เหลี่ยมของนักการเมืองอาชีพหรือไม่

แต่อยู่ที่ว่าสังคมไทยจะได้อะไรจากการลงเล่นการเมืองของท่านมากกว่า เพราะถึงแม้ว่าพล.อ.สนธิ จะฉลาดเป็นกรด รู้เล่ห์ทันเกมพวกนักเลือกตั้งอาชีพ ก็ต้องถามต่อว่า....แล้วยังไง

คนอย่างทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้ฉลาดไปกว่าพวกนักเลือกตั้งอาชีพ เหรอครับ!

เปล่าเลย ทักษิณ ชินวัตร ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เขาฉลาดจริงๆ สามารถคอนโทรล พวกนักการเมืองเขี้ยวลากดินได้อยู่หมัด จนกลายมาเป็นฐานการเมืองอันแข็งแกร่ง สร้างระบอบอำนาจที่มั่นคง จนสังคมไทยเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมาย และก้าวหน้าไปสู่ความฉิบหายอย่างไม่เคยมีมาก่อน ในชั่วระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี  และนั่นไม่ใช่ความฉลาดของทักษิณ ที่มีต่อพวกนักเลือกตั้งอาชีพดอกหรือ

ประเด็นก็คือ สังคมไทย ได้รับอานิสงค์อะไรจากความฉลาดเหล่านั้นต่างหาก ที่เราควรจะต้องมาทบทวนกัน

เช่นเดียวกัน ถ้าพูดถึงประเด็นของพล.อ.สนธิ ก็ต้องถามว่า ที่ผ่านมา ท่านได้เคยเสนอ หรือกำลังเสนอแนวคิดอะไร ที่จะนำพาสังคมไทยก้าวเดินต่อไป ถ้าหากท่านมานำพาประเทศนี้

บอกตรงๆว่ายังไม่เห็น !!

เพราะขนาดท่านอยู่ในจุดที่สามารถทำอะไรได้มากมาย ที่จะทำให้สังคมนี้เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น เพราะอยู่ในสถานะที่มีอำนาจเด็ดขาด และมีความยอมรับสนับสนุนจากประชาชนเป็นฐาน  ท่านก็ยังไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน  สังคมไทยได้สูญเสียโอกาสอย่างมากที่จะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขปัญหาหลายๆเรื่อง ที่บรรยากาศการเมืองแบบปกติ ไม่สามารถทำได้ แต่มันก็หลุดลอยไป....

แล้วถ้าท่านต้องไปอยู่ในสถานะนักการเมืองที่ต้อง ต่อรอง พึ่งพา บรรดานักการเมืองในระบอบเก่าๆ ท่านจะไปทำอะไรได้ แค่คิดเอาตัวให้รอด ดำรงสถานะอำนาจของท่านไว้ก็เหนื่อยแล้ว

ท่านแสดงออกมาซิครับ ท่านมีอะไรอยู่ในหัวสมองของท่าน ให้ประชาชนเห็น

-ท่านจะจัดการอย่างไร ในสถานการณ์ที่รัฐมีความสามารถในการควบคุม จัดการปัญหาต่างๆได้น้อยลง เพราะเศรษฐกิจของเราผูกติดอยู่กับระบบโลกมากขึ้นทุกที...

-ปัญหาความเป็นธรรมในสังคม ปัญหาช่องว่างทางชนชั้น(อย่าปฏิเสธเลยว่าสังคมไทยไม่มีชนชั้น)ที่นับวันจะถ่างออกจากกันเรื่อยๆ

-ปัญหาการแย่งชิงทรัพยากร ระหว่างเมืองกับชนบท คนจนกับคนรวย ที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น

-ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้/// 

-ปัญหาระบบการศึกษาที่ล้าหลัง และปัญหาสังคมสารพัด...

เรื่องเหล่านี้ท่านมีแนวคิด มีทางออกอย่างไร ยังไม่เคยเห็นท่านพูด หรือเสนออกมาให้ได้รับรู้กันเลย

ทุกวันนี้เท่าที่ติดตามข่าว ก็เห็นท่านเริ่มเดินสายไปพูดที่นั่นที่นี่ แต่สิ่งที่ท่านพูดก็หนีไม่พ้นเรื่องเดิมๆ คือเรียกร้องให้ประชนชน รักชาติๆๆๆ

เรียกร้องให้สมานฉันท์ เรียกร้องให้สามัคคี.....

โอ้พระเจ้า.......เราต้องการผู้นำทางการเมืองที่สามารถนำพาประเทศพ้นวิกฤตที่รุมเร้า  แต่สิ่งที่ได้นำเสนออยู่นั้นมันไม่ใช่ครับ

นั่นมันเป็นแค่บทบาทของ"วิทยากร" ลูกเสือชาวบ้าน .....

นี่มิได้สบประมาทท่านครับ ผู้น้อยมิกล้าหรอก..

การที่ท่านเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย เสี่ยงข้อหากบฎ เข้ามายึดอำนาจล้มระบอบทักษิณ อันนี้ผมคิดว่าไม่มีใครลืม  ผมเองแม้ไม่ชอบและไม่เห้นด้วยกับการรัฐประหาร แต่ก็เผลอดีใจและชื่นชมท่าน ที่สามารถขับไล่ และหยุดระบอบเลวๆ ที่เรียกว่า"ระบอบทักษิณ"ออกไปได้

 และนั่นคือภารกิจทางประวัติศาสตร์ของท่าน ที่ท่านได้กระทำเพื่อสังคมไทย และมันกำลังจะจบลงไปแล้ว

หลังจากนั้นมันก็จะเป็นประวัติศาสตร์ใหม่ ที่ต้องถูกขับเคลื่อนโดยผู้ที่มีคุณสมบัติสอดคล้องกับภารกิจใหม่  ...

ซึ่งในความเห็นของผม ไม่ใช่ท่าน หรือไม่ใช่คนแบบท่านอย่างแน่นอน

ไม่ใช่เรื่อง"ดี"หรือ"ไม่ดี"ครับ  แต่เป็นเรื่อง "เหมาะ"หรือ"ไม่เหมาะ"มากกว่า

ผมคงจะไม่สรุปหรอกครับว่าท่านควรที่จะเล่นการเมือง หรือไม่  เพราะท่านคงตัดสินใจเองได้ ไม่ใช่ธุระอะไรของผม

แต่ผมเพียงอยากจะบอกว่า หากท่านคิดลงเล่นการเมือง  สังคมไทยคงไม่ได้อะไรมากไปกว่า มีนักเลือกตั้ง ที่มียศ พล.อ.นำหน้าเพิ่มขึ้นมาอีกคน ก็เท่านั้น