จังหวัดกาฬสินธุ์ (Kalasin)
เมืองฟ้าแดดสงยาง โปงลางเลิศล้ำ วัฒนธรรมผู้ไทย ผ้าไหมแพรวา ผาเสวยภูพาน มหาธารลำปาว ไดโนเสาร์สัตว์โลกล้านปี
ประวัติและความเป็นมา : กาฬสินธุ์เป็นจังหวัดที่มีความอุดมสมบูรณ์จังหวัดหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย จากหลักฐานทางโบราณคดีบ่งบอกว่าเคยเป็นที่อยู่อาศัยของเผ่าละว้า มีหลักฐานแสดงอารยธรรมเก่าแก่กว่า 1,600 ปี อดีตชื่อเมืองฟ้าแดดสูงยาง มีเมืองใหญ่ที่สร้างในสมัยเดียวกันปรากฏเป็นซากปรักหักพังให้เห็นอยู่อีก 3 เมือง คือ เชียงโสม เชียงสา และเชียงน้อยรวมถึงมีแหล่งซากไดโนเสาร์หลายแห่งด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอำเภอสหัสขันธ์
สายที่ 1 มีเมืองแสนหน้าง้ำเป็นหัวหน้า อพยพไปทางทิศตะวันออกสมทบกับพระวอ หลบหนีไปจนถึงนครจำปาศักดิ์ ขอพึ่งบารมีของพระเจ้าหลวงแห่งนครจำปาศักดิ์ และตั้งบ้านเรือน ณ ดอนค้อนกอง ต่อมาเรียกว่า "ค่ายบ้านดู่ บ้านแก" ในปี พ.ศ.2321 พระเจ้าศิริบุญสารให้เพี้ยสรรคสุโภย ยกกองทัพมาปราบ พระวอตายในสนามรบ ผู้คนที่เหลือจึงอพยพไปอยู่ในเกาะกลางลำแม่น้ำมูลชื่อว่า "ดอนมดแดง" (ปัจจุบันอยู่ในเขตจังหวัดอุบลฯ)
พ.ศ.2336 ท้าวโสมพะมิตร ได้อพยพหลบภัยมาจากดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงพร้อมไพร่พล และมาตั้งบ้านเรือนอยู่ริมน้ำปาว เรียกว่า “บ้านแก่งสำโรง” แล้วได้นำเครื่องบรรณาการ คือกาน้ำสัมฤทธิ์ เข้าสวามิภักดิ์ ต่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 แห่งราชวงศ์จักรี ต่อมาได้รับพระกรุณาโปรดเกล้า ยกฐานะบ้านแก่งสำโรงขึ้นเป็นเมือง และพระราชทานนามว่า “เมืองกาฬสินธุ์” หรือ “เมืองน้ำดำ” ซึ่งเป็นเมืองที่สำคัญทางประวัติศาสตร์มาตั้งแต่สมัยโบราณกาล “กาฬ” แปลว่า “ดำ” “สินธุ์” แปลว่า “น้ำ” กาฬสินธุ์จึงแปลว่า “น้ำดำ” ซึ่งชาวเมืองบอกว่ามิใช่หมายถึง น้ำเน่า น้ำเสีย แต่หมายถึงความเป็นแหล่งน้ำอันอุดมสมบูรณ์ของท้องถิ่น และได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้ท้าวโสมพะมิตรเป็น “พระยาชัยสุนทร” ครองเมืองกาฬสินธุ์เป็นคนแรก
วันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ.2456 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ยกฐานะจังหวัดร้อยเอ็ดขึ้นเป็นมณฑล และ ได้ยกฐานะอำเภออุทัยกาฬสินธุ์ เป็น "จังหวัดกาฬสินธุ์" ให้มีอำนาจปกครอง อำเภออุทัยกาฬสินธุ์ อำเภอสหัสขันธ์ อำเภอกุฉินารายณ์ อำเภอกมลาไสย และอำเภอยางตลาด โดยให้ขึ้นต่อมณฑลร้อยเอ็ด ให้พระภิรมย์บุรีรักษ์เป็นปลัดมณฑลประจำจังหวัดกาฬสินธุ์ ต่อมาเกิดข้าวยากหมากแพง เศรษฐกิจของประเทศตกต่ำ การเงินฝืดเคือง จำเป็นต้องยุบจังหวัดต่าง ๆ ลงเพื่อให้สมดุลกับรายได้ของประเทศ จังหวัดกาฬสินธุ์จึงถูกยุบเป็นอำเภอขึ้นกับจังหวัดมหาสารคาม เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2474 และ โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งอรรถเปศลสรวดี เป็นข้าหลวงประจำจังหวัดมหาสารคาม (แทนพระยามหาสารคามคณาภิบาลซึ่งออกรับบำนาญ) ครั้นเมื่อมีการประกาศใช้พระราชบัญญัติระเบียบบริหารแห่งราชอาณาจักรสยาม พ.ศ.2476 จึงได้ยกเลิกมณฑล วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2490 ได้ยกฐานะเป็น "จังหวัดกาฬสินธุ์" จนถึงปัจจุบัน
ที่ตั้งและพื้นที่ : จังหวัดกาฬสินธุ์อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ 519 กิโลเมตร จังหวัดกาฬสินธุ์มีเนื้อที่ ประมาณ 6,946.746 ตร.กม.(อันดับที่ 28) หรือ ประมาณ 4,341,716 ไร่ หรือ ร้อยละ 4.5 ของพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประชากร : 984,907 คน (พ.ศ.2557)(อันดับที่ 23) ความหนาแน่น : 141.78 คน / ตารางกิโลเมตร (อันดับที่ 29) อาณาเขตและการปกครอง : ติดต่อกับจังหวัดใกล้เคียง ดังนี้ ทิศเหนือ ติดต่อกับ จังหวัดสกลนคร และ จังหวัดอุดรธานี ทิศใต้ ติดต่อกับ จังหวัดร้อยเอ็ด และ จังหวัดมหาสารคาม ทิศตะวันออก ติดต่อกับ จังหวัดสกลนคร และ จังหวัดมุกดาหาร ทิศตะวันตก ติดต่อกับ จังหวัดมหาสารคาม และ บางส่วนติดต่อกับจังหวัดขอนแก่น จังหวัดกาฬสินธุ์ แบ่งการปกครองออกเป็น 18 อำเภอ 135 ตำบล 1,584 หมู่บ้าน คือ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ อำเภอยางตลาด อำเภอกมลาไสย อำเภอสหัสขันธ์ อำเภอสมเด็จ อำเภอกุฉินารายณ์ อำเภอท่าคันโท อำเภอเขาวง อำเภอห้วยเม็ก อำเภอคำม่วง อำเภอหนองกุงศรี อำเภอนามน อำเภอห้วยผึ้ง อำเภอร่องคำ อำเภอสามชัย อำเภอนาคู อำเภอดอนจาน และอำเภอฆ้องชัย ศูนย์ราชการ : ศาลากลางจังหวัดกาฬสินธุ์ ถนนกาฬสินธุ์ ตำบลกาฬสินธุ์ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ 46000 โทรศัพท์ : 043-813215, 043-811620, 043-809700 ต่อ 41142 โทรสาร : 043-811620
ลักษณะภูมิประเทศ : จังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นดินแดนที่นับว่าอุดมสมบูรณ์ ดินดี น้ำดี ลักษณะธรรมชาติแบ่งออกเป็น 2 ตอน คือ ตอนเหนือเป็นที่สูงมีภูเขาอยู่เป็นจำนวนมากมีชื่อเรียกต่างๆกัน เช่น ภูแผงม้า ภูคันโท ภูสิงห์ ฯลฯ เทือกเขาที่ยาวที่สุดคือเทือกเขาภูพาน พื้นที่นี้ลาดต่ำลงมาทางใต้ จนถึงที่ราบใหญ่ในเขตอำเภอยางตลาด ในบริเวณนี้มีป่าใหญ่อยู่ 2 แห่ง คือ ดงมูล และ ดงแม่เปรต เป็นป่าที่อุดมไปด้วยสัตว์ป่านานาชนิด โดยเฉพาะช้าง เป็นช้างที่มีลักษณะดีของประเทศไทย ส่วนพื้นที่อีกตอนคือในเขตอำเภอยางตลาด อำเภอเมือง และอำเภอกมลาไสย เป็นที่ลุ่มทำนาได้ผลดี ลำน้ำปาว เป็นลำน้ำที่สำคัญของจังหวัด มีต้นน้ำจากหนองหาน ที่อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี ไหลผ่านอำเภอท่าคันโท อำเภอสหัสขันธ์ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ ไปอำเภอยางตลาด และอำเภอกมลาไสย ลงแม่น้ำชี บริเวณที่ลำน้ำปาวไหลออกแม่น้ำชีเรียกกันว่า ปาวตก บริเวณลุ่มน้ำปาวเป็นบริเวณที่เหมาะแก่การเพาะปลูก ทำไร่ ลำน้ำยัง เป็นลำน้ำอีกสายหนึ่งที่มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาภูพานในเขตอำเภอกุฉินารายณ์ไหลลงไปทางใต้ เข้าเขตจังหวัดร้อยเอ็ด ไปบรรจบกับแม่น้ำชีฝั่งซ้ายในแนวแบ่งเขตจังหวัดระหว่างอำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด กับอำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร นอกจากนี้ยังมีลำพันชาด ลำน้ำพาน ห้วยกะสัง ห้วยยาง ภูมิอากาศ : สภาพอากาศจังหวัดกาฬสินธุ์ ในฤดูร้อนจะมีอากาศร้อนจัด ซึ่งอยู่ระหว่างเดือนมีนาคม ถึงเดือนพฤษภาคม ฤดูฝนจะเริ่มตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคม ถึงเดือนตุลาคม บางปีมีฝนน้อย บางปีมีฝนมาก แต่โดยเฉลี่ยจังหวัดกาฬสินธุ์จะมีฝนตกดีสม่ำเสมอ ฤดูหนาวอากาศหนาวในระยะเดือนพฤศจิกายน ถึงเดือนตุลาคมของทุกปี การคมนาคม :
1. ทางรถยนต์ จากกรุงเทพฯ-กาฬสินธุ์ ระยะทาง 519 กิโลเมตร ใช้เส้นทาง กรุงเทพฯ-สระบุรี-นครราชสีมา (ทางหลวงหมายเลข 2) ถึงอำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ต่อด้วยเส้นทางหลวงหมายเลข 23 และทางหลวงหมายเลข 213 มหาสารคาม-กาฬสินธุ์ 2. ทางรถโดยสารประจำทาง มี บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เปิดบริการเดินรถกรุงเทพฯ-กาฬสินธุ์ทุกวัน โดยมีบริการทั้งรถธรรมดา และรถปรับอากาศ รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อสอบถามที่ สถานีขนส่งสายตะวันออกเฉียงเหนือ ถนนกำแพงเพชร 2 โทร. 02-9362852-66 3. ทางรถไฟ ออกจากสถานีรถไฟกรุงเทพ ต้องเดินทางจากกรุงเทพฯ-สถานีรถไฟขอนแก่น จากขอนแก่นต่อรถประจำทางเข้ากาฬสินธุ์อีก 79 กิโลเมตร สำหรับกรุงเทพฯ-ขอนแก่นนั้น การรถไฟแห่งประเทศไทยเปิดบริการทั้งขบวนรถเร็ว รถด่วน และรถดีเซลราง ปรับอากาศ รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อสอบถามได้ที่ หน่วยบริการเดินทางของการรถไฟแห่งประเทศไทย โทร. 02-2237020, 02-2204334 สายด่วน 1690 4. ทางเครื่องบิน จากท่าอากาศยานกรุงเทพฯ ต้องไปลงที่จังหวัดขอนแก่น แล้วต่อรถยนต์โดยสารเข้ากาฬสินธุ์ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) การเดินทางไปอำเภอต่าง ๆ : ระยะทางจากอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ ไปยังอำเภอต่างๆ 18 อำเภอ
สัญลักษณ์ประจำจังหวัด : ตราประจำจังหวัดกาฬสินธุ์
ดอกไม้ประจำจังหวัดกาฬสินธุ์
ชื่อดอกไม้ : ดอกพะยอม ชื่อวิทยาศาสตร์ : Shorea talura Roxb. ชื่อสามัญ : Shorea white Meranti วงศ์ : DIPTEROCARPACEAE ชื่ออื่น : กะยอม (เชียงใหม่), ขะยอม (ลาว), ขะยอมดง พะยอมดง (ภาคเหนือ), แคน(ลาว), เชียง เซี่ยว (กะเหรี่ยง-เชียงใหม่), พะยอม (ภาคกลาง), พะยอม ทอง (สุราษฎร์ธานี, ปราจีนบุรี), ยางหยวก (น่าน ลักษณะทั่วไป : พะยอมเป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูงประมาณ 15 – 20 เมตร ทรงพุ่มกลม ผิวเปลือกสีน้ำหรือเทา เนื้อไม้มีสีเหลืองแข็ง ลำต้นแตก เป็นร่องตามยาวมีสะเก็ดหนา ใบเป็นรูปมนรี ปลายใบแหลม โคนใบสอบมน ขอบใบเรียบ ด้านหลังใบมีเส้นใบชัด ดอกออกเป็นช่อใหญ่ส่วนยอดของต้น ดอกมีกลีบ 3 กลีบ โคนกลีบดอกติดกับก้านดอกมีลักษณะกลม กลีบดอก เรียบโค้งเล็กน้อย มีสีเหลืองอ่อน กลิ่นหอม การขยายพันธุ์ : การเพาะเมล็ด สภาพที่เหมาะสม : สภาพดินทุกชนิด เป็นไม้กลางแจ้ง สามารถปรับเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดี มาก ถิ่นกำเนิด : พบตามป่าผลัดใบและป่าดิบ เป็นไม้พื้นเมืองของเอเชีย ไทย, พม่า, มาเลเซีย
ต้นไม้ประจำจังหวัดกาฬสินธุ์
ชื่อพันธุ์ไม้ : มะหาด ชื่อสามัญ : Lok Hat ชื่อวิทยาศาสตร์ : Artoccarpus lacucha Roxb วงศ์ : Moraceae ชื่ออื่น : หาด ปาแต หาดหนุน,กาแย ,ตาแปง , มะหาดใบใหญ่ ลักษณะทั่วไป : เป็นไม้ยืนต้น ไม้ต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูง 15-25 เมตร เปลือกสี น้ำตาลคล้ำ แตกเป็นสะเก็ดเล็กๆ เรือนยอดเป็นพุ่ม ทึบ เซนติเมตร ยาว 10-30 เซนติเมตร ผิวใบมีขนสากทั้งสองด้าน ขอบใบแก่เรียบ หรือเป็นคลื่นบางๆ กิ่ง จะออกดอกช่วงเดือนกุมภาพันธ์-เมษายนเป็นผลเดือน มีนาคม - พฤษภาคม สภาพที่เหมาะสม : เจริญเติบโตได้ดีในดินทุกชนิด ทนแล้งขึ้นประปรายตามป่าดิบทั่วไป การขยายพันธ์ : ขยายพันธุ์ โดยการเพาะเมล็ด หรือตอนกิ่งก็ได้ ถิ่นกำเนิด : เป็นพันธุ์ไม้ป่าดงดินทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ ภาคตะวันตกเฉียงใต้ และ ภาคใต้ของไทย ประโยชน์ : เนื้อไม้ หยาบ แข็ง เหนียว ทนทานมาก ใช้ในการก่อสร้างได้ ใช้ทำเครื่อง ดนตรี เปลือก ทำเชือก รากให้สีเหลืองใช้ย้อมผ้า และใช้เป็นยาแก้ไข้ และ ยาขับพยาธิ อาชีพ : เทศกาล งานประเพณี : เป็นประเพณีของหมู่บ้านวัฒนธรรมผู้ไทยโคกโก่ง จัดขึ้นในวันเสาร์แรกของเดือนตุลาคมทุกปี มีการทำบุญ พีธีเซ่นไหว้เจ้าปู่ การแสดงศิลปวัฒนธรรมผู้ไทย และมหรสพให้มตลอดวัน
เว็ปที่เกี่ยวข้อง
แผนที่อำเภอต่างๆ ในจังหวัดกาฬสินธุ์
ไกด์พงษ์ แก้ไข 1/11/2559 http://www.oknation.net/blog/guidepong
|
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
กุ้ยหลิน | ||
![]() |
||
กุ้ยหลิน สถานที่ได้รับฉายาว่า "สายน้ำขุนเขาแห่งกุ้ยหลิน"หรือในภาษาจีน กล่าวว่า 桂林山水甲天下 อันเนื่องจากเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยขุนเขาและสายน้ำ |
||
View All ![]() |
<< | พฤษภาคม 2010 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | ||||||
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 |