*/
<< | ธันวาคม 2009 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | ||
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
****** ความสุขสามัญประจำบ้าน อิมกุดั่น วันดีวันหนึ่ง ในระหว่างที่ป้าหายไปจากบ้านโอเคหลายวัน ในเดือนแห่งความสุขของประชาชนชาวไทย พอกลับเข้าบ้านป้าก็เจอ Tag จากท่านปรัตยา ความคิดเห็นที่ 49 คุณโดน TAG แล้ว ป้าจึงรีบตอบเป็นการใหญ่ตามประสาคุณป้าเฒ่าไฮเปอร์ ผู้ไม่กล้าอืดอาดกับแถกมาแต่ไหนแต่ไร ป้ามานั่ง...นั่งๆ นึกดูว่า ความสุขง่ายๆ ที่ไม่ต้องดิ้นไปหานั้น เป็นอะไร ก็บังเอิญหลับตาเห็นแล้วตู้ยาสามัญประจำบ้าน ก็เลยเกิดเป็นหัวข้อ ความสุขสามัญประจำบ้าน ขึ้นมาเลยแหละจ้ะ เรื่องราวของความสุขสามัญประจำบ้านที่นึกๆ ดู มันก็มากมายก่ายกอง วันนี้ป้าอิมเก็บมาเล่าให้ฟังแบบไม่มี
เมื่อเกือบห้าสิบปีก่อน (โอ....เริ่มย้อนอดีต เหอๆ) ป้าได้เกิดมาด้วยฝีมือหมอตำแยในป่าลึกของอำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี (อำเภอนอกๆ ของชลบุรีสมัยนั้นเป็นป่า ปัจจุบันก็ยังมีจุดแบบนี้อยู่) ลึก...ขนาดไม่มีรถโดยสารคันไหนยอมวิ่งไป ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีน้ำประปา ไม่มีโรงเรียน โรงหมอ ไม่มีร้านค้าอะไรทั้งนั้น รอบข้างเป็นป่ามีนาข้าวเล็ก แปลงผัก มีลำห้วยน้ำใสปลาชุม หอยโข่งหอยขมมากมาย ข้างลำห้วยมีแนวผักกูดงาม ไม่ห่างจากบ้านนัก มีเล้าหมูอยู่ใต้ต้นขนุน มีกอมะลิซ้อนออกดอกใหญ่ขนาดลูกปิงปอง ขาวทั้งต้น หอมมากมายมหาศาลจริงๆ ข้างเล้าหมูเป็นดินทรายขาวสะอาด ทุกๆ วันแม่ก็โยนกะลามะพร้าวที่เอาขึ้นกระต่ายขูดเนื้อไปแกงกินแล้ว แถมช้อนสังกะสีพังๆ ให้ไปเล่นกองทราย เล่นขายของที่โคนขนุน ข้างกอมะลิซ้อน เอามีดทื่อๆ ที่แม่ทิ้ง มาหั่นดอกชบา จับตำๆ ทุบๆ ขยำๆ บีบๆ กับน้ำ ได้ออกมาเป็นยางยืดสีม่วงๆ ...บีบเอาแต่น้ำใส่กะลาไว้ เอากากทิ้งไป น้ำยืดๆ ที่ได้นั่นคือน้ำมันหมูของเรา แล้วเราก็เอามาเล่นทำกับข้าวกัน จำได้ว่า นั่นเป็นความสุขสามัญประจำบ้าน มีความสุขมาก หมูที่แม่เลี้ยงไว้ ตัวเล็กๆ สีดำ หลังแอ่น ก้นงอน เหมือนหมูชาวเขา กินข้าวที่ต้มจากปลายข้าว ต้นกล้วย ผักหนาม ผสมรำข้าว ต้มในกระทะใบบัวใหญ่มากขนาดเด็กลงไปนั่งเล่นได้ 4 5 คน เวลาจะต้มข้าวหมู แม่เอาต้นกล้วยมาพาดบนขอนไม้เตี้ยๆ นั่งทับไว้แล้วใช้มีดยาวหั่นเป็นแว่นบาง เวลาหั่นดังซ่วบๆ เด็กๆจะรุมดู บางครั้งก็ช่วยหั่น พอหั่นเป็นแว่นแล้ว ตรงกลางแว่นจะเป็นยอดใบอ่อนวนๆ อยู่ แกะออกมากาง เป็นเส้นสีขาวยาวๆ เอาไปแกว่งเล่นเป็นความสุขของเด็กบ้านป่า เททุกอย่างรวมกันในกระทะ ใส่น้ำให้ท่วม ขึ้นตั้งเตา เตาต้มข้าวหมู ใช้ฟืนที่พ่อแม่ช่วยกันตัดมาเก็บสุมๆ ไว้ ต้มจนข้าวสุก ปล่อยให้เย็นแล้วช่วยกันเอาไปให้หมูกิน พวกเราจำคำว่า เละเป็นข้าวหมู มาตั้งแต่เด็ก สำหรับเรา ถ้าเละมาก ก็ต้อง...เป็นข้าวหมู เท่านั้นจึงเชื่อว่าเละจริง อิอิ พอหมูได้กลิ่นข้าวก็จะทำจมูกฟิดๆ หายใจฟืดฟาด แล้วเดินวนไปวนมา ร้องอุดๆๆๆ ออกอาการอยากกิน พอเทลงรางปั๊บ ทุกตัวรุมมากิน กินดังสนั่น ฟั่บๆๆๆๆ เลยรู้ดีอีกเรื่องว่า กินเหมือนหมูเป็นแบบไหน พอกินอิ่มแล้วหมูก็ไปหาที่ฉี่ ฉี่แล้วไปนอน หมูไม่เคยฉี่ตรงรางข้าว สัตว์ทุกประเภท ไม่ขับถ่ายตรงที่กินที่นอน มีที่ขับถ่ายเป็นที่เป็นทาง แม่โกยขี้หมูไปหมักกับใบไม้ ไม่เคยปล่อยคาเล้าให้เน่าเหม็น ได้ปุ๋ยมาก็ใช้ใส่ต้นไม้รอบๆ บริเวณ ไม่เคยเหม็นขี้หมูเลย แม่เลือกที่ลุ่มใกล้หนองน้ำปลูกข้าว พื้นที่สูงขึ้นมาอีกหน่อยใช้ปลูกผักสวนครัว ผักกาด ผักบุ้ง บวบ แตงกวา คะน้า ผักกุ๋ยช่าย (เราออกเสียงว่า กู๋ไฉ่) กะเพรา โหระพา ขิง ข่า ตะไคร้ พริก มะกรูด มะนาว มันเทศ เผือก สารพัดไม่เคยต้องซื้อ ที่รอบๆ มีกอกล้วย ที่แม่ฉีกกาบไปใช้ทำเชือก มีมะม่วง มะเฟือง ละมุด ฝรั่งขี้นก ชมพู่ มะพร้าว จำปีจำปา นับไปมา ไม้หลักยืนต้น ไม้เลื้อย ไม้ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ไม้กินหัว รวมไม้กิน ไม้ใช้และพวกพืชสมุนไพรรักษาโรคที่แม่ปลูกไว้ได้เป็นร้อยชนิด เราเลี้ยงเป็ด ไก่ ห่าน พวกเป็ดไก่เอาไว้กินไข่ และเชือดมาไหว้ตอนตรุษจีนหรือเวลามีงานในหมู่บ้านที่อยู่ไกลออกไป (ไม่รู้ว่ากี่กิโล นานๆ เราได้เข้าไปสักครั้ง ด้วยรถเครื่องของพ่อที่ลูกๆ เกาะเอวกันไป ทุกครั้งเราจะได้ไปแค่ 4 คน โดยนั่งที่เบาะหลังพ่อ 2 คน ด้านหน้า 1 คน และพ่อปูผ้าขนหนูให้นั่งบนถังน้ำมันอีก 1 คน บางครั้งไปด้วยรถไถ ก็จะได้ไปหลายคนหน่อย บางครั้งก็สิบล้อที่ใช้ทุกอ้อย บรรทุกอ้อย ชาวไร่แถวนั้นใช้ย่อๆ ว่า ทุกอ้อย) ส่วนห่าน เราเลี้ยงไว้เฝ้าบ้าน เพราะเวลาคนแปลกหน้ามา มันจะรีบลุกขึ้นยืนชูคอ กางปีกร้องเสียงดังแข่งกับเสียงเห่าของหมาสิบกว่าตัวที่เลี้ยงไว้ เราทำเล้าให้พวกเป็ด ไก่ และห่านอยู่ เช้ามายังไม่ทันสว่าง พวกมันจะร้องกันลั่นเรียกให้ไปเปิดเล้า พอมันออกไปกันหมด เราก็เข้าไปเก็บไข่ในเล้า เราได้ไข่มากินทุกวัน แต่แม่ไม่กินไข่ห่าน ปล่อยให้ฟักลูกออกมา แม่บอกว่า เราไม่กินไข่ห่านเพราะกินแล้วจะเป็นไทกอ (คือโรคมือหงิก นิ้วกุด จมูกยุบ อาจเป็นโรคเดียวโรคเรื้อนก็ได้ แต่ไม่รู้ว่าแม่เอามาจากไหนที่ว่ากินไข่ห่านแล้วเป็นไทกอ พวกเราเลยไม่เคยได้กินไข่ห่าน) เปิดเล้าแล้วมันก็พากันไปหากินเอง พวกมันกินหญ้า และกินข้าวเปลือกที่ได้จากนาเล็กๆ ของเรา ที่แม่เอาเก็บไว้ในยุ้งข้าว เอามาโปรยให้มันกินทุกๆ บ่าย เมื่อไก่เป็นโรคขี้ขาว จะตาย แม่ขูดผิวต้นไผ่มาคลุกกับน้ำมันหมู ให้ไก่กิน ไก่ก็จะหายหงอย กลับสดชื่นขึ้นมาในบัดดล เป็ดไก่ห่าน หายไปหากินตามประสาตลอดเช้า บ่ายมากินข้าวตามเสียงเราร้องเรียก แล้วก็หายไปอีก เวลาโพล้เพล้ดวงตะวันทอแสงสีแดงผีตากผ้าอ้อม จึงปรากฏกาย เดินทอดน่องยืดยาดเข้าเล้านอน เป็นเช่นนี้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน .....เป็นความสุขสามัญประจำบ้าน ว่างจากการเล่น เราพากันไปนอนบนที่พักอ้อย เป็นเหมือนเตียงไม้เอนๆ ใช้สำหรับส่งกองอ้อยเข้าหีบ (หีบ คือการบีบท่อนอ้อยเพื่อรีดน้ำ นำน้ำอ้อยไปเคี่ยวทำน้ำตาลอีกชั้นหนึ่ง ตอนเคี่ยวน้ำตาล มันก็จะหอมชนิดกลิ่นลอยข้ามภูเขาไปเลย ใช้เครื่องจักรใหญ่มาก เป็นเหมือนล้อเหล็ก 2 ล้อใหญ่ๆ หมุนสวนทางให้ขบกันอยู่ เพื่อดึงท่อนอ้อยเข้าไปบีบเค้นน้ำ ปล่อยชานกองสุมไว้เป็นภูเขา เมื่อเปิดเครื่อง เด็กๆ จะไม่ไปยุ่งแถวเครื่องจักร เพราะอาจถูกหีบเอาไปทำน้ำตาลได้ อิอิ) การนอนบนที่พักอ้อยเป็นความสุขอย่างยิ่งยวด เราได้มองเมฆก้อนขาวๆ ลอยไปมา แล้วบอกตัวเองว่า ตอนนี้มันเปลี่ยนเป็นหมา ตอนนี้มันเป็นนกบินแล้ว...ดูเมฆเปลี่ยนรูป สนุกพอๆ กับเล่นขายของอยู่ข้างเล้าหมู .....เป็นความสุขสามัญประจำบ้าน ค่ำมาก็เอาน้ำมันก๊าด กรอกลงในตะเกียงเจ้าพายุ สูบๆ ปั๊มๆ จนไฟสว่าง ไฟจากตะเกียงนี้จะสว่างไปจนเราเข้านอน และจะค่อยๆ ดับไปเมื่อไหร่เราก็ไม่เคยรู้ รู้แต่ว่า เมื่อใดที่ลุกมาตอนกลางคืน ทุกอย่างมืดมิด มีเพียงไฟฉายกระบอกโตเป็นเครื่องนำทาง หากออกนอกบ้านยามเดือนหงาย ก็มีแสงจันทร์เป็นแสงที่นำทางได้ ไม่มีพัดลม ทีวี ตู้เย็น... ไม่มีอะไรเลย เมื่อ 3 ปีก่อน ได้มีโอกาสเข้าฐานเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริ หลักสูตร 8 วันที่ฐานการเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงมหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ จ.ฉะเชิงเทรา และที่มาบเอื้อง อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ทำให้คิดถึงสิ่งที่พ่อแม่เคยทำ เราเคยมีความสุขกับการมีชีวิตที่อยู่กับธรรมชาติเป็นความสุขสามัญประจำบ้าน แต่เมื่อโลกเปลี่ยนไป ประกอบกับวิถีชีวิตแบบคนเมือง คงต้องพิจารณาน้อมนำหลักการเศรษฐกิจพอเพียงไปปรับใช้ในทิศทางอันพึงกระทำกันต่อไป อย่างไรก็ดี เชื่อว่าระหว่างนี้ ทุกท่านจะมีความสุข ใครทุกข์ใจก็มาฟังเพลงพระราชนิพนธ์ ยิ้มสู้ และขอให้ทุกท่านหาความสุข ชนิด สามัญประจำบ้าน ให้พบโดยพร้อมเพรียงกันค่ะ ---- ลองก็อปโค้ดด้านล่างนี้ไปแปะในบล็อกท่าน ก็จะได้เพลงยิ้มสู้ไว้ฟังนะคะ 425" height="344">2rPO2tzSU&hl=en_US&fs=1&">2rPO2tzSU&hl=en_US&fs=1&" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="425" height="344"> ขอบคุณ http://www.youtube.com ความพอเพียง คำว่า พอเพียง มีความหมายว่า พอมีกิน เศรษฐกิจแบบพอเพียง หมายความว่า ผลิตอะไรมีพอที่จะใช้ ไม่ต้องขอยืมคนอื่น อยู่ได้ด้วยตนเอง แปลจากภาษาฝรั่งได้ว่า ให้ยืนบนขาของตัวเอง หมายความว่า สองขาของเรายืนบนพื้นให้อยู่ได้ ไม่หกล้ม ไม่ต้องไปขอยืมของคนอื่นเพื่อที่จะยืนอยู่ คำว่า พอ คนเราถ้าพอในความต้องการ มันก็มีความโลภน้อย เมื่อมีความโลภน้อย ก็เบียดเบียนคนอื่นน้อย พอเพียง อาจมีมาก อาจมีของหรูหราก็ได้ แต่ว่าต้องไม่ไปเบียดเบียนคนอื่น พระราชดำรัสพระราชทานอในโอกาสที่คณะบุคคลเข้าเฝ้า ถวายพระพรชัยมงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 4 ธันวาคม 2541 **** มีสุขทุกท่านค่ะ ป้าอิมกุดั่น ********** Tag เรื่องราวความสุขสำหรับเดือนมหามงคล ต้นเรื่อง ปรัตยา http://www.oknation.net/blog/chief-dan กติกา เขียนบทความพร้อมภาพประกอบเล่าความสุขของท่าน (เป็นเรื่องของความสุขบอกผ่านบล็อก ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับพระองค์ท่าน) ไม่มีรูปแบบ จะเป็นกลอน คลิป เสียง จิปาถะ โดยใช้......ชื่อเรื่อง ............(เรื่องราวความสุขสำหรับเดือนมหามงคล) จากนั้น ที่ท้ายเรื่อง กำหนด ชื่อบล็อกเกอร์ที่ท่านต้องการส่ง tag นี้ไป ตั้งแต่ 1 ถึง 3 บล็อกเกอร์ ตัวท่าน(ต้นตอ)...จากนั้น ตัวท่านต้องไปแจ้งกับบล็อกเกอร์ที่ท่านมอบ tag ให้เขียนนั้นให้ BG นั้นๆทราบ พร้อมกับเว้นที่ท้ายเรื่องของเอ็นทรี่ของท่านไว้ใส่ลิ้งค์ของเอ็นทรี่ ที่ BG ที่ท่านส่ง tag ไป ผู้ได้รับ tag เมื่อเขียนเรื่องและโพสต์แล้ว ก็นำลิ้งค์ไปฝากไว้ให้กับบล็อกเกอร์ ต้นตอของเรา ที่คอมเม้นท์ของบล็อกเขา พร้อมกับ มอบ tag ต่อ และ copy กติกานี้ไว้ท้ายเรื่องเพื่อความสะดวก *** ป้าอิมขอส่ง tag ต่อให้คุณลุงคมเย็นนะคะ ด้วยความเกรงใจไม่กล้าส่งหลายท่านค่ะ คมเย็น กาพย์กลอนโคลงฉันท์ขยันเขียน Permalink : http://www.oknation.net/blog/komyen ได้หัวเรื่องแล้ว จะมาเรียนให้ท่านผู้อ่านตามไปดูอีกครั้งนะคะ ขอขอบคุณคุณลุงคมไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |