เวิ้งวิภาษ หนังสือพิมพ์สยามรัฐรายวัน ฉบับประจำวันศุกร์ที่ 15 มิถุนายน 2555 อติภพ ภัทรเดชไพศาล 1) ในยุคกลางที่ศาสนจักรเป็นศูนย์กลางทางความเชื่อและการปกครองของยุโรป แน่นอนว่าการแต่งเพลงสำหรับใช้ในโบสถ์โดยพลการย่อมเป็นสิ่งต้องห้าม ในสมัยแรกๆ เพลงที่อนุญาตให้ใช้ร้องสรรเสริญพระเจ้ามีจำนวนไม่มาก เพลงเหล่านี้มักมีตำนานว่าแต่งโดยนักบุญคนโน้นคนนี้ และถูกกำกับควบคุมการใช้โดยทางศาสนจักรอย่างเคร่งครัด นักบวชผู้มีความรู้และรักชอบเสียงเพลงเมื่อคันไม้คันมืออยากจะแต่งเพลงเองจึงไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่ทำ เนียน แต่งทำนองแทรกลงไปในโน้ตเพลงเก่าๆ เหล่านั้น ส่งผลให้โน้ตเพลงซึ่งแต่เดิมส่วนมาก เป็นเพลงร้องแบบหนึ่งคำร้องต่อหนึ่งตัวโน้ต (หรือว่าแบบไทยๆ ว่าร้องเนื้อเต็ม) กลายมาเป็นหนึ่งคำร้องต่อตัวโน้ตหลายๆ ตัว ซึ่งก็หมายถึงเริ่มเกิดการร้อง เอื้อน ขึ้นนั่นเอง ซึ่งศัพท์เทคนิคเรียกกันว่าวิธีการ melismatic โน้ตที่แทรกลงไปเหล่านี้ แรกเริ่มก็ไม่มากนัก แต่พอนานไปก็มีมากเสียจนกระทั่งจำเพลงของเดิมแทบไม่ได้ด้วยซ้ำ การประดิษฐ์โน้ตแทรกเหล่านี้แหละ ที่ถือกันว่าเป็นต้นเค้าของการแต่งเพลงในตะวันตก ปลายยุคกลาง การผสานรวมบุคลิกพื้นบ้านลงในดนตรีในโบสถ์ ทำให้ดนตรีในโบสถ์มีความเป็นธรรมชาติและใกล้ชิดกับผู้คนมากขึ้น และพัฒนาการของดนตรีตะวันตกหลังจากนั้นก็เริ่มเป็นอิสระจากศาสนจักรมากกว่าเดิม สอดคล้องกับสถานการณ์ทางการเมืองและความเชื่อที่เปลี่ยนแปลงไปพร้อมๆ กัน ดนตรีที่ใช้ในการศาสนาของตะวันตก ได้รับการประพันธ์เพิ่มขึ้นจำนวนมาก ศาสนาคริสต์ โดยเฉพาะในนิกายโปรแตสแตนท์นั้นปรับตัวเข้ากับความเปลี่ยนแปลงของโลกได้อย่างรวดเร็วและฉลาด กรณีที่เห็นได้ง่ายที่สุดคือกรณีของ คริสเตียน ร็อค ที่เกิดขึ้นครั้งแรกราวๆ 50 ปีที่แล้ว เพราะเพลงร็อคนั้นเป็นไม้เบื่อไม้เมากับศาสนาคริสต์มาตั้งแต่แรก ท่าทางการเต้นโยกตัวไปมาถูกมองว่าเป็นท่าสัปดนและหยาบคายในเชิงกามารมณ์ ศาสนาคริสต์กับเพลงร็อคจึงไปด้วยกันไม่ได้ แต่อย่างไรก็ตาม กระแสดนตรีร็อคก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจปฏิเสธ จำนวนคนหนุ่มสาวที่คลั่งไคล้เพลงร็อคจึงเป็นสิ่งที่ทำให้ศาสนาคริสต์จำเป็นต้องเปลี่ยนท่าที (ในเมื่อกำจัดมันไม่ได้ ก็ต้องเอามันมาเป็นพวกเสียเลย) ดังนั้นจึงเกิดการสนับสนุนให้เกิดวงดนตรีที่ใช้รูปแบบเพลงร็อค แต่มีเนื้อหาสรรเสริญพระเจ้าเพื่อจูงใจให้คนหนุ่มสาวหันกลับมาหาศรัทธาแบบเก่า วงคริสเตียน ร็อคจึงถือกำเนิดขึ้นนับแต่นั้น วงเหล่านี้มีตัวอย่างเช่นวง The Crusaders และ Mind Garage เป็นต้น การรู้จักปรับตัวจึงเป็นเงื่อนไขสำคัญอันหนึ่งที่ทำให้ศาสนาคริสต์มีที่ยืนอยู่ในโลกปัจจุบันได้อย่างมั่นคง 2) การสวดมนต์เป็นพิธีกรรมหลักของศาสนาพุทธ ในประเทศไทย ภาษาที่ใช้ในการสวดมนต์อย่างเป็นทางการคือภาษาบาลีและภาษาไทยกลาง (กรณีที่มีการสวดแปล) ศาสนาพุทธในประเทศไทยไม่ได้มีสถานะที่เป็นอิสระ แต่ถูกควบคุมอย่างใกล้ชิดโดยรัฐส่วนกลางมาตั้งแต่สมัย ร. 5 ซึ่งพระไพศาล วิสาโลเรียกว่าเป็น พุทธศาสนาแบบทางการ ก่อนหน้านี้ เมื่อประเทศไทยยังคงเป็นสยาม หรือย้อนกลับไปถึงขณะที่ความเป็นรัฐชาติยังไม่เกิด ศาสนาพุทธในดินแดนสยามเต็มไปด้วยความหลากหลาย เช่นเดียวกับกลุ่มคนเชื้อชาติต่างๆ จำนวนมากที่อยู่ปะปนกันทั่วไป การสวดมนต์ในแต่ละท้องถิ่นจึงแตกต่างกันเสมอ ไม่มากก็น้อย ทั้งในเรื่องของสำเนียง ภาษา จังหวะ และท่วงทำนอง โดยเฉพาะในเรื่องของ ทำนอง เพราะทำนองบทสวดมนต์นั้นมิใช่อะไรอื่นนอกจาก เสียง ของตัวอักษรนั่นเอง ทำนองที่เราใช้สวดมนต์นั้นขึ้นอยู่กับตัวอักษรที่ใช้ ว่าเป็นอักษรสูง กลาง หรือต่ำ ตัวอย่างเช่นคำว่า อะระหัง พยางค์ว่า หัง นั้นจะถูกสวดด้วยทำนองที่สูงกว่าพยางค์อื่นๆ เสมอ สำเนียงการพูดที่แตกต่างกันไปในแต่ละภาค ย่อมทำให้ความ สูง กลาง ต่ำ ของท่วงทำนองนี้แตกต่างกันออกไป ลีลาการสวดเฉพาะท้องถิ่นยังพบได้กระทั่งในปัจจุบัน เช่นพระภิกษุชาวล้านนาก็มีท่วงทำนองการสวดที่เป็นเอกลักษณ์ ยิ่งกรณีของวัดสันศรี ที่เชียงใหม่นั้นแทบจะเป็นเพลงมากกว่าสวด (ในการสวดเบิกพระเนตร) หรืออย่างวัดมอญย่านสมุทรสงคราม สมุทรสาคร ก็มีวิธีสวดและการใช้ภาษาที่เป็นของตัวเอง การสวดมนต์ส่วนใหญ่ที่เราได้ยินอยู่ทุกวันนี้ (โดยเฉพาะในภาคกลาง) จึงเป็นทำนองที่ถูกกำกับโดยสำเนียงคนภาคกลาง ยิ่งถ้าเป็นการสวดแปลด้วยแล้ว ถ้อยคำทั้งหมดที่ใช้ต้องอยู่ภายใต้การกำกับของคณะสงฆ์ส่วนกลางอย่างไม่ต้องสงสัย กรณีของการแปลบทสวดออกมาเป็นภาษาไทยนั้น เป็นแนวคิดที่น่าจะได้รับอิทธิพลวิธีคิดของท่านพุทธทาส ที่เชื่อว่าศาสนาพุทธเป็นเรื่องของวิทยาศาสตร์ และพยายามนำศาสนาพุทธมาปรับใช้งานจริงๆ ในชีวิตประจำวัน การสวดท่องมนต์โดยไม่รู้ความหมายจึงไม่มีประโยชน์อะไร และการแปลเท่านั้นที่จะช่วยให้ผู้สวดเข้าใจในรสพระธรรม ที่จริงการสวดแปลนี้มีมานานแ้ว แต่มักเรียกกันว่าการเทศน์ ตัวอย่างเช่นการเทศน์มหาชาตินั้น ไม่เพียงแต่แปลเท่านั้น แต่ยังใส่ลูกคอ ใส่อารมณ์ โศกเศร้าและสนุกสนานลงไปด้วยอย่างมีรสชาติ กรณีของพระที่ทำบุญขึ้นบ้านใหม่ถูกถ่ายคลิปและถูกกล่าวหาว่าสวดเหมือนเพลงร็อคหรือแร็พ ก็เพราะว่าต้องการกระแทกเสียงใส่อารมณ์ให้คำแปลบทสวดปัดรังควานฟังดูเป็นจริงเป็นจังตามเนื้อหาแบบเดียวกันนี้เอง จึงเป็นเรื่องแปลกที่กรณีนี้ทำให้หลายๆ คนเดือดร้อน และต้องการที่จะบังคับให้พระในประเทศไทยสวดมนต์เหมือนๆ กันหมดเป็นมาตรฐานแบบส่วนกลาง ซึ่งเป็นแนวคิดแบบเดียวกับของคริสต์ศาสนาเมื่อพันปีที่แล้ว เป็นเรื่องน่าแปลกใจ เพราะมันสวนทางกับยุคสมัยและความเปลี่ยนแปลงของโลก และการไม่รู้จักปรับตัวนั้น เป็นเงื่อนไขสำคัญที่อาจนำความเสื่อมสลายมาสู่พุทธศาสนาในประเทศไทยได้ในที่สุด
|
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
กาลเมื่อก่อนนั้นก็เป็นดินเป็นหญ้าเป็นฟ้าเป็นแถน ผีแลคนเที่ยวไปมาหากันบ่ขาด... | ||
![]() |
||
Thailand Philharmonic Orchestra 10 November 2007 |
||
View All ![]() |
<< | มิถุนายน 2012 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | |||||
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |