คดีลูกชายนักการเมืองใกล้ชิดประธานาธิบดีจีน ซิ่งรถเฟอร์รารีชนกำแพงดับ พร้อมกับหญิงเปลือยบนรถ สร้างความอื้อฉาวครั้งใหม่ให้พรรคคอมมิวนิสต์และอาจส่งผลกระทบต่อการผลัดเปลี่ยนผู้นำในพรรคช่วงเดือนหน้านี้

อุบัติเหตุอื้อฉาวนี้เกิดขึ้นในกรุงปักกิ่งตั้งแต่ 18 มี.ค. และแม้ทางการจีนพยายามปิดข่าวนี้ด้วยการเซนเซอร์ต่างๆ แต่ข่าวก็รั่วไหลถึงมือสื่อมวลชนฮ่องกงในที่สุด โดยหนังสือพิมพ์ เซาธ์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ รายงานเมื่อวันจันทร์โดยอ้างแหล่งข่าวในกรุงปักกิ่งที่ยืนยันว่า นายหลิง กู่ ลูกชายวัย 23 ปีของนายหลิง จื่อหัว เจ้าหน้าที่ระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์ที่ใกล้ชิดกับประธานาธิบดีหู จิ่นเทา เสียชีวิตจากการขับรถหรู ยี่ห้อเฟอร์รารีพุ่งชนกำแพงแห่งหนึ่ง ทำให้สตรีสองคนที่นั่งมาด้วยได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยคนหนึ่งอยู่ในสภาพเปลือยและนายหลิง กู่ ก็อยู่ในสภาพกึ่งเปลือยด้วย บ่งชี้ว่าอาจมีเพศสัมพันธ์กันขณะขับรถจนทำให้เกิดอุบัติเหตุ และแหล่งข่าวอ้างว่า มีการเปลี่ยนชื่อสกุลในมรณบัตรเพื่อพยายามปิดข่าวด้วย

ก่อนหน้านั้นภาพถ่ายซากรถเฟอร์รารี ถูกเผยแพร่ครั้งแรกบนเวบไซต์สังคมออนไลน์ยอดนิยม เวยโป๋ในเดือนมีนาคม และข่าวลือสะพัดว่า มีลูกชายเจ้าหน้าที่ระดับสูงพรรคคอมมิวนิสต์เกี่ยวข้องด้วย ประชาชนจึงตั้งคำถามว่าเหตุใดลูกชายเจ้าหน้าที่พรรคคอมมิวนิสต์ มีเงินซื้อรถสปอร์ตหรูคันละกว่า 7 ล้าน 6 แสนบาทมาขับได้ แต่หลังจากนั้นไม่นาน คำว่า เฟอร์รารี หลิงน้อย และเจ้าชายหลิง ก็ถูกเซ็นเซอร์อย่างรวดเร็ว

การเปิดโปงล่าสุดของเรื่องนี้โดยสื่อฮ่องกง มีขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังนายหลิง จื่อหัว ถูกลดตำแหน่งจากผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกลางของพรรค ไปดำรงตำแหน่งใหม่ที่มีความสำคัญน้อยกว่าเมื่อวันเสาร์ และมีข่าวว่า บรรดาผู้นำจีน ตำหนินายหลิงวัย 55 ปีที่พยายามปกปิดเรื่องลูกชาย และลงความเห็นว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นร้ายแรงเกินกว่าจะเลื่อนตำแหน่งให้นายหลิงได้ ขณะที่กำลังจะมีการปรับเปลี่ยนผู้นำพรรคในการประชุมใหญ่ในเดือนหน้านี้

นักวิเคราะห์กล่าวด้วยว่า ผลกระทบจากอุบัติเหตุอื้อฉาวครั้งนี้อาจกระทบต่อความชอบธรรมของพรรคคอมมิวนิสต์ หลังเพิ่งมีกรณีอื้อฉาวของนายป๋อ ซีไหล อดีตเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์สาขาฉงชิ่ง ที่ถูกปลดเพราะใช้อำนาจทางที่ผิดและทุจริต และภรรยาของเขาถูกตัดสินประหารชีวิตฐานฆาตกรรมนักธุรกิจชาวอังกฤษเพราะขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์

แต่คดีลูกชายนายหลิง จื่อหัว อาจไม่กระทบต่อตัวประธานาธิบดีหู เพราะอาจสะท้อนได้ว่านายหู กวดขันวินัยกับคนของตัวเองอย่างจริงจังและพร้อมลงโทษคนใกล้ชิด ขณะที่ความพยามปกปิดข่าวสะท้อนว่ารัฐบาลกังวลต่อกระแสความโกรธแค้นของประชาชนต่อการใช้ชีวิตอย่างหรูหราฟุ่มเฟือยของบรรดาผู้นำและลูกหลาน และทรัพย์สินที่ได้มาจากอำนาจและการคอร์รัปชั่น