ชาวบ้าน 12 จว.ยื่นนายกฯ ยกเลิกร่างประกาศทำเหมืองแร่ทองคำ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

22 กันยายน 2558 12:37 น.

http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9580000106983

นางวันเพ็ญ พรมรังสรรค์ แกนนำกลุ่มชาวบ้าน จังหวัดสระบุรี กล่าวว่า กลุ่มชาวบ้าน 12 จังหวัดรวมตัวกันลงรายชื่อ 27,500 ราย รวมตัวในนามประชาสังคมปฏิรูปทรัพยากรและทองคำ (ป.ป.ท.) เพื่อเสนอนายกรัฐมนตรีขอให้ยกเลิกร่างประกาศการสำรวจ และทำเหมืองแร่ทองคำ ครอบคลุมพื้นที่ 37 จังหวัด เช่น พิจิตร พิษณุโลก เลย ระยอง จันทบุรี สระแก้ว สตูล บนเนื้อที่ 1 ล้านไร่ เนื่องจากเห็นว่า การให้สัมปทานเหมืองทองคำมีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เนื่องจากมีสารตกค้างส่งผลกระทบต่อการดำรงชีพของชาวบ้านในพื้นที่

        ทั้งนี้ เนื่องจากมองว่าร่างประกาศดังกล่าวลงนามในสมัย นายจักรมณฑ์ ผาสุกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสหากรรม มีวาระซ่อนเร้น เพราะการรับฟังความเห็นจากชาวบ้านในพื้นที่ดำเนินการแบบรวบรัดเพียง 2 วัน ใน 2 จังหวัด แต่การทำเหมืองแร่ครอบคลุม 37 จังหวัด อีกทั้งการผลิตทองคำไม่ได้นำมาเป็นกองทุนสำรองของประเทศ แต่กลับเป็นผลประโยชน์ของบรรษัทข้ามชาติ และบริษัทเอกชนผู้แสวงหาผลประโยชน์
        นายอารมณ์ คำจริง แกนนำกลุ่มชาวบ้าน กล่าวว่า หากรัฐบาลต้องการเดินหน้าทำเหมืองทองคำเสนอให้ยกร่างเป็น พ.ร.บ. เพื่อให้ประชาชน และทุกภาคส่วนได้แสดงความเห็นบรรจุไว้ในกฎหมาย ไม่ใช่เป็นการรวบรัดโดยชาวบ้านไม่มีส่วนร่วม ต้องกำหนดแผนการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ เนื่องจากหลายพื้นที่เป็นที่ดินทำการเกษตรและมองว่าแม้รัฐบาลจะได้เงินค่าภาคหลวงหลายร้อยล้านบาทต่อปี แต่ผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่เกิดความเสียหายไม่ต่างกัน จึงต้องการให้รัฐบาลพิจารณาเรื่องดังกล่าวให้รอบคอบ 

กับนโยบายสัมปทานเหมืองแร่ทองคำ "อาชญาบัตรพิเศษ" ตะวันออกมีชื่ออยู่ในนี้ 3 จังหวัด ระยอง จันทบุรี สระแก้ว ทำให้คนตะวันออกที่รักและหวงแหนพื้นที่อันอุดมด้วยป่าอันงดงาม ต้องออกมาปกป้องบ้านของตัวเองกัน  แม้ ครม.นี้จะยังไม่เปิดสัมปทานเหมืองแร่พิเศษนี้ก็ตาม

แม้ยังไม่เปิดสัมปทานให้"อาชญาบัตรพิเศษ" เหมืองแร่ทองคำ แค่อยู่ในช่วงการสำรวจของนายทุนเหมืองแร่ ที่เทือกเขาพนมศาสตร์ ซึ่งเป็นเทือกเขาตะวันออก พบสายแร่ทองคำที่น่าลงทุน อยู่ใน 12 จังหวัด ที่คนตะวันออกมีป่าต้นน้ำที่อุดมและสวยงาม เช่นที่ระยองมีน้ำตกเขาชะเมาที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว หากนายทุนเหมืองแร่ได้สัมปทาน "อาชญาบัตรพิเศษ" เปิดเหมืองได้ เขาชะเมาคงเหลือแต่ชื่อ

ไซยาไนด์กับอุตสาหกรรมเหมืองแร่ทองคำ

การประกอบการอุตสาหกรรมเหมืองแร่ทองคำในประเทศไทย เริ่มเป็นที่รู้จัก และได้รับการกล่าวถึงมากขึ้น สืบเนื่องมาจากการสำรวจพบว่า ประเทศไทยมีพื้นที่ที่มีศักยภาพแหล่งแร่ทองคำกระจายอยู่ทั่วไป และปัจจุบันมีบริษัทเอกชน 2 ราย ได้เปิดดำเนินการผลิตทองคำในเชิงพาณิชย์ คือ บริษัท อัครา ไมนิ่ง จำกัด และ บริษัท ทุ่งคำ จำกัด โดยการใช้สารไซยาไนด์ในขั้นตอนการแต่งแร่ ซึ่งจากประสบการณ์การการทำเหมืองแร่ก็เป็นที่ทราบกันดีว่าย่อมส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตั้งแต่การระเบิดหิน การแต่งแร่ และการประกอบโลหกรรม ทำให้ธรรมชาติเสียสมดุล และไม่อาจฟื้นคืนสภาพดังเดิมในระยะเวลาสั้น ก่อให้เกิด ปัญหาสิ่งแวดล้อมด้านต่างๆ ตามมา ยิ่งไปกว่านั้นการดำเนินกิจกรรมของเหมืองแร่ทองคำมีการใช้สารเคมีที่เป็นพิษในปริมาณมาก ส่งผลให้ชุมชนที่อยู่ใกล้เคียงพื้นที่โครงการเกิดความวิตกกังวล รู้สึกไม่ปลอดภัยในการดำเนินชีวิต แต่อย่างไรก็ดี ถ้าผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเหมืองแร่ทองคำมีการจัดการระบบสิ่งแวดล้อมที่ดีและมีการควบคุมอย่างเคร่งครัด ด้วยความตระหนักถึงประโยชน์แก่ผู้ปฏิบัติงาน ผู้ที่เกี่ยวข้อง ประชาชน และสังคมโดยรวม การประกอบการเหมืองแร่ทองคำย่อมส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด  http://www.dpim.go.th/articles/article?catid=134&articleid=237

"พอกันที่ มีเหมืองแร่ ก็มีสาร "ไซยาไนด์" หากไม่หวงแหน ปกป้อง ป่าก็จะหมดไป ชีวิตก็จะถูกคร่าตายด้วยสารพิษ ประเทศชาติไม่ได้อะไร คนที่ได้มากสุดคือนายทุน"  คนระยองที่มีบ้านอยู่ติดพื้นที่เปิดเหมืองแร่ทองคำ  กล่าว