.

มาร์ค-กำกวม อภิสิทธิ์-ผิดเวลา หลบไป ลุงกำนันนัดประกาศดีเดย์แล้ว ๓๐ เม.ย. ๑ ทุ่มตรง

.

.

.

ต้องบอกก่อนว่า เจ้าของบล็อก มิได้โกรธเกลียด คุณอภิสิทธิ์ แต่อย่างใด

เพียงแค่ ขุ่นเคืองเล็กน้อย ถึงปานกลาง กับท่าทีล่าสุด

ที่ดูเหมือนจะขัดแย้งกับยุทธศาสตร์หลักของลุงกำนัน และมวลมหาประชาชน

อีกทั้งยังทำให้มวลชน รู้สึกสับสบ กระทั่งบางส่วนอาจแตกแยกกัน เนื่องจาก การปะทะคารม และโต้แย้งกัน

ผ่านทางวาจา และตัวหนังสือ ทั้งในบล็อก ในเฟสฯ และอื่นๆ

จะอย่างไร ก็ยังรัก และเคารพคุณอภิสิทธิ์อยู่ดี

แต่ถ้าหากคุณอภิสิทธิ์ ประพฤติผิดไปจากเจตจำนงค์ของ ลุงกำนันและพี่น้องมวลมหาประชาชน

หันไปร่วมกับ ยิ่งลักษณ์ ทักษิณ ทำการเลือกตั้ง ก่อน ปฏิรูป

หรือมีพฤติกรรม ที่ชี้ชัดว่า เตะตัดขาลุงกำนัน และทำลายความเป็นเอกภาพของมวลชน เมื่อใด

ความรัก และเคารพ ที่เคยมีให้ ก็จะสิ้นสุดลงในทันที

"ปูให้กำลังใจมาร์ค" ไทยโพสต์ พาดหัวแบบนี้ นี่ บอกตรงๆว่า มันจั๊กกะจี้-จั๊กกะเดียม จริงๆ

ถ้ายืดเวลาออกไปอีกหน่อย หรือใช้ความพยายามเพิ่มอีกนิด ไม่แน่ว่า สื่อใหญ่อาจได้พาดหัวเป็น

"ปู จูบปาก มาร์ค" จากจั๊กกะจี้ จั๊กกะเดียม คงได้เปลี่ยนเป็น ขนลุกกันบ้างล่ะ

ผลจากความ กำกวม ในท่าทีของคุณอภิสิทธิ์ มันส่งผลกระทบเยอะนะ

มันสามารถตีความไปแบบนี้ก็ได้

บัญชา-คามิน แห่งบ้านพระอาทิตย์นี่ แกช่างแหลมคม ลุ่มลึกซะจริงๆ

ก็ดูที่แมลงสาบ ในภาพล่าง เปรียบเทียบกับ สองคนด้านขวาในภาพบนดูสิ

ถ้าไม่มีคนชี้ให้สังเกต ผมเองก็คงไม่ทราบว่า แมลงสาบด้านล่างมันน่าสนใจที่ตรงไหน

บ้านพระอาทิตย์นี่ก็เหลือเกินจริงๆ จ้องกัดจิก คุณอภิสิทธิ์ กับ ปชป.ไม่เว้นให้หายใจหายคอเลย

การ์ดตกเมื่อไหร่ เป็นโดน

หนนี้ นอกจากจะโดนมวลชน และมวลมิตร กระหน่ำแล้ว

บ้านพระอาทิตย์ ยังถือโอกาสใช้แส้หวาย แช่น้ำเกลือ หวดซะเต็มกลางหลังเลย

 *****

อีกคนที่ทำให้อภิสิทธิ์ และ ปชป.ต้อง ทั้งแสบและคัน ไม่แพ้แส้หวายแช่น้ำเกลือ ของบ้านพระอาทิตย์ ก็คือ

ดร.เสรี วงษ์มณฑา ที่ทั้งตั้งข้อสังเกต ตั้งคำถาม และ อบรม-สั่งสอน ไปด้วยพร้อมๆกันในคราวเดียว

ผ่านทั้งตัวหนังสือ และคำพูด ที่ออกอากาศผ่านสื่อ แต่ละคำ แต่ละประโยค หนักๆ แรงๆ ทั้งนั้น

*****

อภิสิทธิ์มีความตั้งใจดีต่อประเทศชาติ แต่พลาดที่พูดจากำกวมเรื่องการปฏิรูปกับการเลือกตั้ง ขณะที่มวลมหาประชาชนมุ่งมั่นปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง แต่คุณอภิสิทธิ์พูดจากำกวมในเรื่องนี้ ฟังแล้วสับสนว่าปฏิรูปภายใต้รัฐธรรมนูญควบคู่ไปกับการเลือกตั้งคืออะไร หมายความว่าอย่างไร ส่วนที่บอกว่าการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้งมีข้อจำกัดนั้น หมายความว่าอย่างไร มีข้อจำกัดเลยคิดว่าทำไม่ได้ หรือจะพยายามทำภายใต้ข้อจำกัด และการไปพูดคุยกับใครต่อใครนั้น ไปพูดเรื่องอะไร ในยามวิกฤตแบบนี้จะมีอะไรเป็นความลับไม่ได้ ต้องเปิดเผย ไม่เช่นนั้นจะโดนข่าวลือ เมื่อความจริงหายไป ข่าวลือจะเข้ามาแทนที่ การทำอะไรที่กำกวมและเป็นความลับเช่นนี้ นอกจากจะทำให้คนกังขาและเข้าใจผิดแล้ว ยังเปิดโอกาสให้คนที่เกลียดชังเอาไปสร้างข่าวลือทำลายความน่าเชื่อถืออีกด้วย เวลานี้ทำอะไรต้องเปิดเผย ในเมื่อมีความตั้งใจทำเพื่อประเทศชาติ ไม่ได้วางแผนไปทำร้ายใคร จะปิดบังสิ่งที่ทำ เรื่องที่ไปเจรจาทำไม นี่แหละคือเหตุผลที่ทำไมลุงกำนันถึงบอกว่าถ้าจะมีการเจรจาจะต้องถ่ายทอดโทรทัศน์ทุกช่องให้คนได้ยินกันทั้งประเทศว่าใครพูดอะไรบ้าง ถ้าเจรจาลับสองคน ก็จะโดนข่าวลืออย่างอภิสิทธ์นี่แหละ ความสามารถในการสร้างเรื่องใส่ร้ายคนอื่นเป็นแนวทางถนัดของกระบอกเสียงในพรรคเพื่อไทนและ นปช. อยู่แล้ว ขนาดไม้หนึ่งตาย ไม่เคยมีใครพูดอะไร มันยังหาว่า กปปส. พูดว่าเมื่อมีไม้หนึ่ง ก็ต้องมีไม้สอง ไม้สามต่อไป ใส่ความกันชัดๆ พวกเราไม่ใช่คนที่ใช้ความรุนแรง ไม่ฆ่าใคร ไม่ทำร้ายใคร คุณอภิสิทธิ์ต้องเปลี่ยนจากการเจรจาลับ ไม่บอกว่าจะไปพูดคุยอะไร มาเป็นเปิดเผย อย่างวันนี้จะไปหา ผบ.สส. ก็ยังให้สัมภาษ์ว่าจะไปพูดเรื่อง หนึ่ง เรื่องสอง เรื่องสามที่เป็นปัญหาว่าจะแก้ไขอย่างไร ก็ยังมิวายให้เรื่องหนึ่งเรื่องสองเรื่องสามเป็นความลับ แล้วจะหนีข่าวลือได้อย่างไร คนที่เคยรักก็แค่ระแวงและผิดหวัง แต่คนที่เขาชังน่ะเขาจะใส่ร้าย คุณอภิสิทธ์อาจจเก่งเศรษฐศาสตร์และปรัชญาการเมือง แต่เรื่องยุทธศาสตร์การสื่อสารนั้น ไม่ใช่เรื่องคอมมอนเซนส์นะ มันเป็นศาสตร์ที่มัหลักกาีและทฤษฎีเหมือนกัน ถ้าคุณอภิสิทธิ์ไม่หยิ่งยโสเกินไป ก็ควรฟังคนที่เขารู้ศาสตร์ทางนี้บ้างก็จะดีนะ

(ดร.เสรี วงษ์มณฑา)

(คลิป ดร.เสรี วงษ์มณฑา ให้สัมพาษณ์ในรายการ สนามข่าว ๑๐๑ FM101 Mhz)

เว็บเมเนเจ้อร์ ถอดคลิปออกมาเป็นข้อความให้แล้ว ขอบคุณมากๆ

ก็อปปี้มาเป็นตัวอย่างซักสองท่อนก็แล้วกัน ...

"ตั้งแต่แก (อภิสิทธิ์) ออกมาจนถึงวันนี้พี่เจอหน้าใครหรือใครที่โทรมาหาพี่ หรือใครที่ไลน์มาถามพี่ว่าเกิดอะไรขึ้น 100 เปอร์เซ็นต์ด่า ส่วนในเฟซบุ๊กที่พี่โพสต์ไป 90 เปอร์เซ็นต์ด่า แล้วอีกประมาณ 3-4 เปอร์เซ็นต์ที่บอกว่าดูไปก่อนแล้วกัน แล้วอีก 5-6 เปอร์เซ็นต์ ที่แก้ตัวให้พัลวันด้วยความรักอภิสิทธิ์อย่างสุดซึ้ง"

"หลังเวทีไม่มีใครด่าคุณอภิสิทธิ์ แต่ก็ไม่มีใครแก้ตัวให้คุณอภิสิทธิ์ คือทุกคนคงจะรู้น้ำเสียงเวลาพี่ถาม ทุกคนก็จะหลีกเลี่ยง และเวลาพี่นั่งรอจะขึ้นเวทีก็ไม่มีใครพูด ไม่มีใครถกเรื่องอภิสิทธิ์เลยแม้แต่น้อย ... พี่อยู่ที่เวทีมาเป็น 6 เดือน พี่เห็นประชาธิปัตย์มาที่นี่เฉพาะ พูดถึงประชาธิปัตย์พวกที่ไม่ขึ้นเวทีนะ มาเฉพาะช่วงราชดำเนิน พอชัตดาวน์เขาหายไปเลย เพราะตอนนั้นพี่บอกได้เลย นี่เอาความลับมาเปิดเผยว่า พวกประชาธิปัตย์ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการชัตดาวน์ เหลืออยู่ไม่กี่คนที่มาหรือขึ้นเวที"
(เมเนเจ้อร์ ออนไลน์)

ผ่านมาหลายวันแล้ว ข้อเสนอของคุณอภิสิทธิ์ ก็ยังดูกำกวม ชวนให้สงสัย

อีกทั้งยังถูกกล่าวหาว่า ออกมานำเสนอผิดจังหวะ ผิดเวลา

เหลืออีกไม่กี่วัน คุณอภิสิทธิ์ ก็ต้องยุติการเคลื่อนไหวแล้ว

ซึ่งก็ยังไม่แน่ว่า ถึงตอนนั้นคุณอภิสิทธิ์ และทีมงาน จะได้ข้อสรุปที่หมดความ กำกวม แล้วหรือไม่ ??

*****

แต่ไม่ว่า คุณอภิสิทธิ์ และทีมงาน จะได้ข้อสรุปที่หมดความ กำกวม แล้วหรือไม่ก็ตาม

ก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไร ต่อลุงกำนัน และมวลมหาประชาชน แต่อย่างใด

กำหนดการปราศัยเพื่อประกาศวันดีเดย์ รบแตกหัก ยังคงเป็นเช่นเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง

 "กำนัน"ลั่นรบแตกหักไม่จับมือกับโจร-หนึ่งทุ่มพรุ่งนี้ประกาศวันดีเดย์
(ไทยโพสต์)

เมื่อเวลา 13.20 น. วันที่ 29 เมษายน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส. ได้ปราศรัยหลังพบปะพนักงานการท่าเรือแห่งประเทศไทย ย่านคลองเตย โดนยืนยันว่า  จะไม่มีเจรจาแต่อย่างใด ไม่ว่าเป็นคนมาขอก็ตาม
"จะให้เราจับมือกับโจรหน่อยได้ไหม เราทำไม่ได้  ไม่สามารถอ่อนข้อให้แม้แต่เซ็นติเมตรเดียว เราต้องการสร้างชาติ ต้องการแก้ปัญหาประเทศ ให้คนไทยมีชีวิตอย่างสงบสุข  เพราะฉะนั้นต้องกำจัดโจรร้ายของแผ่นดินให้หมดไป ไม่มีทางเลือกอื่น วันพรุ่งนี้(30เมษายน)เวลา 19.00 น.ผมจะประกาศนัดหมายวันดีเดย์ และขั้นตอนการต่อสู้เพื่อเผด็จศึกโจรร้าย สู้รู้แพ้ชนะไปเลย"
นายสุเทพ กล่าวต่อว่าขอเชิญประชาชนร่วมต่อสู้ด้วยกัน เป็นโอกาสเดียวในชีวิต ที่เราคนไทยจะได้ตอบแทนคุณแผ่นดิน ไม่ให้เสียชาติเกิด  เราจะลุกขึ้นร่วมแรงใจปฏิรูปประเทศ เปลี่ยนแปลงประเทศไทย เพื่ออนาคตของลูกหลาน  เราไม่ได้สู้เพื่อใคร ไม่ได้สู้เพื่อพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนัง  แต่เราสู้เพื่อประเทศ หากเราชนะ ก็จะชนะทั้งประเทศ
"ซักรองเท้า เตรียมอาหารไว้ ใครมีเต็นท์ นอนกลางดิน กินกลางถนน รบแตกหักครั้งสุดท้าย"เลขาธิการกปปส.กล่าว

การต่อสู้....ครั้งสุดท้าย…!

1. ในที่สุด “ลุงกำนัน” ก็ออกมาประกาศ “การต่อสู้ครั้งสุดท้าย” หมายถึง การเผด็จศึกและเป็นยกสุดท้าย ทุกย่างก้าวตลอดระยะเวลา 6 เดือน จนมาถึงก้าวย่างที่สำคัญ คือ “คำประกาศการต่อสู้ครั้งสุดท้าย” หรือภาษาปักษ์ใต้จะพูดว่า “ไปกันข้างหนึ่ง” และดูเหมือนว่า “จะเป็นวัน แห่งการรอคอยของมวลมหาประชาชน”
2. “ระบอบเผด็จการทักษิณ” กับพลังมวลมหาประชาชนนำโดย “ลุงกำนัน” กำลังเดินทางมาถึง “ยกสุดท้ายไปกันข้างหนึ่ง” ความดุดเดือดเข้มข้นห่อหุ้มกรุงเทพฯไว้อย่างเงียบๆ เสมือนคลื่นลมสงบก่อนพายุร้ายโหมกระหน่ำ
3. วิถีแห่งมวลมหาประชาชน กำลังก้าวเดินไปอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะการสำแดงพลังของ “สหภาพรัฐวิสาหกิจ” ความคึกคักต้อนรับคณะลุงกำนันและสัญญาใจที่จะร่วมสู้ในขบวนของมวลมหาประชาชนอย่างถึงที่สุด พร้อมๆกระแสข่าว “เกษตรกรสาขาอาชีพต่างๆ” ตระเตรียมตัวกันอย่างคึกคัก เพื่อการเข้าร่วมการต่อสู้ครั้งสุดท้ายจากทุกภาคของประเทศ โดยเฉพาะภาคใต้
4. บทเพลง สู้เข้าไปอย่าได้ถอย มวลชนคอยเอาใจช่วยอยู่.... รวมพลังพวกเราเหล่าชาวไทย สู้ขาดใจพวกเราเสรีชน... เขาจะฟาดเขาจะฟัน พวกเราไม่หวั่น พวกเราสู้ตาย..! บทเพลงแห่งการต่อสู้ ยืนยันหนักแน่น... และจะไม่มีทางเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้อีก...! การต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม และชีวิตที่ดีกว่าของประชาชน... จะยั่งยืนเป็นอมตะ และต้องชนะอย่างแน่นอน
5. ขอให้ “วิถีแห่งมวลมหาประชาชน แข็งแกร่งและก้าวรุดหน้าต่อไป” ขอให้ชัยชนะของประชาชน จงปรากฏเป็นจริงในวันที่เราร่วมกันลุกขึ้นสู้ ต้องจบความเลวร้ายของเผด็จการทักษิณ...
ภายในรุ่นชีวิตของเรา... อย่าปล่อยเลยไปถึงรุ่นลูก รุ่นหลานโดยเด็ดขาด

(สันนิบาตประชาชนเพื่อประชาธิปไตยแห่งประเทศไทย)