ในอดีต กลายเป็นทางปฏิบัติไปอยู่พักนึง

เวลาเราทะเลาะหรือมีปัญหากับใคร

หากเป็นหญิงกับหญิงด้วยกัน ก็ท้าตบ

หากเป็นชายกับชายด้วยกัน ก็ท้าต่อย

หรือไม่ก็ไม่ต้องท้า

แต่ตบหรือต่อยกันไปเลย

เพราะเข้าใจว่า

เมื่อเป็นคดีความไปถึงโรงพัก

ตำรวจก็แค่เปรียบเทียบปรับ

คนละ 500 บาท

เรื่องก็จบแล้ว

ไม่มีติดคุกติดตะรางอะไร

เลยกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติอยู่พักนึงว่า

หากต้องการจะตบใครสักฉาด ต่อยใครสักที

ก็จัดไปเลย แค่วางเงิน 500 บาท เรื่องก็จบ

。。。。。。。

ถามว่า เป็นไปตามนี้จริงหรือ

ถูกกฎหมายหรือไม่

ก็ขอตอบให้เข้าใจตรงกันว่า

หากเป็นคดีที่มีการทำร้ายร่างกายกัน

โดยไม่มีอาวุธ

หรือ

ไม่มีการเลือดตกยางออก

ยกตัวอย่างเช่น

ตบกัน ต่อยกันพอหอมปากหอมคอ

แค่บวม ช้ำเล็กน้อย ไม่มีบาดแผลเลือดไหล

แม้เป็นความผิดอาญา

แต่ทางกฎหมายถือว่า

เป็นความผิดลหุโทษหรือความผิดเล็กน้อย   

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391

ผู้ใดใช้กําลังทําร้ายผู้อื่น

โดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ

ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งเดือน

หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ

ซึ่งความผิดลหุโทษ

สามารถจบในชั้นตำรวจได้

ตำรวจอาจแค่ตักเตือนและเปรียบเทียบปรับได้

ซึ่งตำรวจก็มักจะปรับกึ่งหนึ่งของหนึ่งพันบาท

ก็คือ ปรับห้าร้อยบาท นั่นเอง

。。。。。。。

อย่างไรก็ตาม มีการแก้ไขกฎหมาย

เริ่มใช้ตั้งแต่ 14 กุมภาพันธ์ 2558 เป็นต้นมา

ในส่วนของความผิดมาตรา 391 นี้ แก้เป็น

ผู้ใดใช้กําลังทําร้ายผู้อื่น

โดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตราย

แก่กายหรือจิตใจ

ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งเดือน

หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท

หรือทั้งจําทั้งปรับ

ดังนั้น โทษปรับ จึงเปลี่ยนจาก

ปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท

เป็น ปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทแล้ว

ซึ่งหมายความว่า

ตำรวจอาจไม่ปรับแค่ห้าร้อยบาท

แต่สามารถปรับได้ไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทเลย

ดังนั้น ในยุคปัจจุบันนี้

จะตบใครสักฉาด จะต่อยใครสักที

ก็ขอให้คิดไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน

เพราะไม่ใช่แค่วางเงิน 500 บาทแล้ว

แต่อาจต้องวางถึง 5,000 บาท

หรือมากกว่านั้น เพราะอย่าลืมว่า

ปรับสูงสุดได้ไม่เกิน 10,000 บาท

และอย่าลืมว่า ความผิดฐานนี้

มีโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือนด้วย

แถมถ้าผู้ถูกทำร้ายบาดเจ็บมากกว่าที่เราคิด

เราจะต้องได้รับโทษที่หนักขึ้นตามกฎหมาย

ซึ่งจะไม่ใช่ความผิดลหุโทษ ที่ยอมความกันได้

หรือเปรียบเทียบปรับจบในชั้นตำรวจอีกต่อไป

。。。。。。。

สรุปว่า การตบกัน หรือการต่อยกัน

แล้วจ่ายค่าปรับ 500 บาท เรื่องจบนั้น

อย่าคาดหวัง ไม่มีอีกแล้วครับ

(แม้คดีหนุ่มตบหัวลุงในร้านสะดวกซื้อ

เมื่อเดือนกรกฎาคม2561

ตำรวจจะปรับแค่ 500 บาทก็ตาม)

เปลี่ยนความคิด

และ

เปลี่ยนพฤติกรรมเสียใหม่

มีปากเสียงกันได้ ทะเลาะกันได้

แต่อย่าถึงขั้นลงไม้ลงมือกันเป็นดีที่สุด

ความเสียหายไม่ใช่แค่เงินค่าปรับ

แต่เราจะเสียชื่อเสียงไปด้วย ไม่คุ้มกัน

ในยามที่เรามีเรื่อง หรือมีปัญหากับใคร

ให้ยับยั้งชั่งใจ

นับหนึ่งถึงร้อย กันสักนิด

หากนับถึงร้อยแล้ว

ยังทนไม่ไหว

นับมันให้ถึงพันไปเลย

ดีกว่าเสียเงินหลายพัน

แถมเสียเวลา เสียพลังงานชีวิตอีก…..ว่าไหมครับ

………วันพุธ………