ผมเชื่อว่าหลายท่านได้ทราบข่าวเรื่องคะแนนผลสอบโอเน็ต

และคงมีคำถามที่อยากถามผู้ใหญ่ในบ้านเมืองที่ทำงานในวงการศึกษา

ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเด็กไทย  ทำไมคะแนนมันถึงได้ตกต่ำกันถึงเพียงนี้

ทั้ง ๆ ที่โรงเรียนก็มีโครงการมากมาย หลากหลายนโยบายทางด้านการศึกษา

ที่ทั้งผลักและดันให้โรงเรียนต้องดำเนินการ เพื่อให้เด็กไทยเก่งขึ้น ฉลาดขึ้น

STEM Education

เป็นรูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่ครูหลายคนต้องนำไปประยุกต์ใช้ที่โรงเรียน

และผมได้เคยเขียนเรื่อง “STEM Education การเปลี่ยนแปลงที่ท้าทายของ สสวท.”

ไว้เมื่อปีที่แล้ว (สนใจอ่าน คลิกที่นี่) 

เพื่อให้เพื่อนครูเตรียมรับกับนโยบายการจัดการเรียนรู้ในรูปแบบนี้

ซึ่ง STEM Education ก็คือการบูรณาการข้ามสาระวิชาระหว่างศาสตร์ต่าง ๆ

ตามที่ รศ.ดร.นาตยา ปิลันธนานนท์ ท่านได้เคยเขียนไว้เมื่อ 2 มิถุนายน 2556

ใน Website ของสมาคมหลักสูตรและการสอนแห่งประเทศไทย

ไว้ว่า  

... แต่เดิมการกำหนดมาตรฐานเป็นไปตามศาสตร์ หรือ Discipline จึงเป็นมาตรฐานคณิต วิทย์ สังคม ฯลฯ

ต่อมามีการกำหนดมาตรฐานในลักษณะที่เป็นบูรณาการศาสตร์ เป็น Theme-based std.

ซึ่งเขาก็ไม่ได้เลิกเรื่องใช้ศาสตร์หรือ Discipline กำหนดมาตรฐาน

เขาก็ยังมีมาตรฐานภาษาแม่ ต่างประเทศ คณิต วิทย์ มันเป็นมาตรฐานทางเลือกที่เพิ่มขึ้นมาเท่านั้นเอง

อยากให้เข้าใจไว้ด้วยว่า การกำหนดมาตรฐาน

มันจะกำหนดเป็น Discipline หรือ Theme ก็ได้ทั้งนั้น ไม่แปลก

เมื่อหลายปีก่อน อเมริกายังมีการกำหนด Happiness std.

แล้วก็ไม่ใช่ว่า จะมาเป็นหลักสูตร Happiness หรือเกิดรายวิชา happy 1 2 3 ก็ไม่ใช่ 

อเมริกากำลังตื่นตัวเรื่อง Engineer เขาจึงกำหนดมาตรฐานบูรณาการขึ้นมาเสริม

เป็น STEM แต่ไม่ได้ทิ้งกลุ่มสาระที่เป็น Discipline

ประเทศไทย ส่วนกลางคิดจะกำหนด Theme-based std. ไม่ว่ากัน

แต่สำคัญยิ่งกว่าคือ มาตรฐานที่ส่วนกลางกำหนด

แล้วไปเรียกว่ามันเป็นหลักสูตร นั้นมันไม่ใช่หลักสูตร

โรงเรียนยังคงทำหลักสูตรที่จะมีวิชาที่เป็นกลุ่มสาระ ต่าง ๆ ได้อยู่

จะมีหลักสูตรที่เอา Theme std. เหล่านี้ มาเป็นรายวิชาด้วยก็ได้

สร้างชื่อวิชาขึ้นมาใหม่ของ รร.ก็ยังได้

เพราะเราชอบไปคิดว่า ชื่อกลุ่มสาระอะไร เท่าไร

ก็คือจำนวนหลักสูตรของโรงเรียนจำนวนเท่านั้น ซึ่งผิด

หากยังไม่ยอมเข้าใจว่า การกำหนดมาตรฐาน

กับการทำหลักสูตรของโรงเรียนมันคนละเรื่องกันแล้วไซร้

ต่อให้กำหนดมาตรฐานกิ๊บเก๋ แค่ไหน

หลักสูตร การเรียนการสอน ประเมินผล ก็เพี้ยนได้ แบบที่เป็นมา และเป็นอยู่

เดี๋ยวประเทศไทย จะมีคนหลายกลุ่ม มาเดินขบวนกันยกใหญ่

วิชาสังคม หายไปไหน เอาภาษาไทยของฉันไปไหน

เอาวิทยาศาสตร์ของฉันคืนมา เอา STEM คืนไป

แบบนี้ มันจะยุ่งกันใหญ่นะ และมาตรฐานที่เป็น Theme อย่าง STEM

เขาก็เน้น ม.ต้น ม.ปลาย ไม่ใช่มากำหนดกันตั้งแต่ประถม …

หากครูไม่รู้จักสร้างกิจกรรมที่มีความหมายให้เกิดกับผู้เรียน

แล้วผู้เรียนจะเกิดแรงบันดาลใจในการเรียนรู้ได้อย่างไร

เพราะไม่ว่าจะเป็น STEM Education / Flipped Classroom

หรือรูปแบบการเรียนรู้ที่เพื่อนครูต้องจัดสนองนโยบายต้นสังกัด

แก่นของมันคือ Child centered

ที่ครูต้องเป็นผู้อำนวยความสะดวกให้ผู้เรียนได้เกิดการเรียนรู้

และมีทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 (สนใจอ่าน คลิกที่นี่) 

จงจำไว้เสมอว่า
เด็กไม่รู้ แปลว่าครูไม่ได้สอน

**

Line : Dr.Kaewkmutt