ภาพแรกนี้ภาพต้นฉบับที่อยู่ด้านหลังถูกถ่ายมาแบบโอเว่อร์เกินไปหน่อย ไม่ใช่ภาพเสียนะครับ เพียงแค่เปิดรับแสงมาไม่ดี สีสันในภาพออกมาดูซีดไม่สดใส ภาพดูแบนไปนิดขาดมิติไปหน่อยนางแบบทั้งสามคนเลยไม่เด่นเท่าที่ควร ต้องใช้ PS มาปรับแก้ตามแนวคิดที่กล่าวมานี้ละครับ กลายมาเป็นภาพที่อยู่ด้านหน้า 

    ภาพนี้ถูกจัดองค์ประกอบใหม่อีกนิดหน่อย เนื่องจากภาพนี้ไฟล์ไม่ใหญ่พอที่จะจัดให้ได้มากกว่านี้ จัดแค่ไม่ให้เห็นสายยางฉีดน้ำบริเวณพุ่มไม้มารบกวนสายตา ใช้เครื่องมือและเทคนิคในการปรับภาพโอเว่อร์และอันเดอร์มาจัดการเรื่องแสงผสมกับใช้เลเย่อร์มาสค์มาช่วยปิดช่วยบังแสงบางส่วน ใช้เครื่องมือ Curve เครื่องมือ Hue/Saturation และเครื่องมือ Shadows/Highlights มาช่วยปรับแต่งรายละเอียด

    แนวคิดสำหรับปรับแต่งภาพนี้ สภาพแสงภายในห้องกับสภาพแสงภายนอกมีความแตกต่างกันหลายสตอป เมื่อถ่ายภาพมาภาพภายในห้องดูมืดเกินไปในขณะที่ภายนอกห้องก็สว่างมากไป รายละเอียดในภาพหายไปมาก  ส่วนฝาผนังมีพื้นที่ว่างมากเกินไป ภาพนี้จึงถูกออกแบบให้มีภาพมาติดประดับที่ฝาผนังด้วย

      ภาพนี้ใช้เทคนิคการแก้ปัญหาทางแสงและรายละเอียดของภาพมาแก้ไขในส่วนที่อยู่ภายนอกห้องเพื่อเรียกรายละเอียดในภาพกลับคืนมา และใช้เทคนิคในการปรับภาพโอเว่อร์และอันเดอร์มาจัดการเรื่องแสงผสมกับใช้เลเย่อร์มาสค์มาช่วยปิดช่วยบังแสงบางส่วน เครื่องมือที่ใช้ก็มี  Selector Tool เครื่องมือ Transformสำหรับปรับแต่งขนาดและรูปทรงต่างๆ ใช้เครื่องมือ Curve เครื่องมือ Hue/Saturation และเครื่องมือ Shadows/Highlights มาช่วยปรับแต่งรายละเอียด

  ภาพนี้เป็นภาพแนวท่องเที่ยวที่ควรจะเป็นภาพลักษณะที่ดูสดใสและมีความสุขสนุกสนานประกอบอยู่ในภาพ ต้นฉบับถ่ายมาย้อนแสงรายละเอียดในภาพบางส่วนขาดหายไป และบางส่วนในภาพควรต้องมีการรีทัชบ้างอีกเล็กน้อย

     เทคนิคในการแต่งภาพนี้ ใช้วิธีแต่งภาพให้ดูสดใสร่าเริง แต่งภาพให้ดูแล้วเกิดความสนุกสนาน ในขณะที่สีสันก็ทำให้ดูสดขึ้น แต่ต้องควบคุมไม่ให้สีสันสดจนเกินความเป็นจริง ส่วนเครื่องมือที่ใช้ปรับแต่งก็ใช้เหมือนกับเทคนิคที่แล้ว มีเครื่องมือที่ใช้เพิ่มขึ้นมาอีกก็เป็นพวกเครื่องมือที่ใช้ในการรีทัช เช่นเครื่องมือในกลุ่ม Clone และเครื่องมือในกลุ่ม Healing Brush Tool

    ภาพนี้เครื่องวัดแสงจากกล้องประมวลค่าแสงที่สะท้อนออกมาจากก้อนหินเข้าไปด้วย ผู้ถ่ายภาพอาจไม่ได้ชดเชยค่าการวัดแสง แต่ก็ไม่มีปัญหาสำหรับโฟโต้ชอพที่จะเข้ามาจัดการแก้ไขปัญหานี้ได้ ภาพนี้ควรจะเพิ่มจุดเด่นให้กับนักใต่เขาอีกสักหน่อย

     ภาพนี้ใช้เทคนิคง่ายๆในการปรับแต่งโดยใช้เทคนิคในการปรับภาพโอเว่อร์และอันเดอร์มาจัดการเรื่องแสง  ใช้เลเย่อร์มาสค์มาช่วยปิดช่วยบังแสงบางส่วนทำให้นักใต่เขาเด่นขึ้นมา  เครื่องมือที่ใช้ก็ใช้เครื่องมือ Curve  มาช่วยในการปรับแต่งคอนทราส เครื่องมือHue/Saturation และเครื่องมือ Shadows/Highlights มาช่วยปรับแต่งรายละเอียด

     ภาพนี้เกิดอาการที่เรียกกันว่า “หน้ามืด” คือภาพที่ถ่ายมาแล้วอาจไม่ได้ใช้แฟลชช่วยเปิดรายละเอียดในภาพ หรืออาจลืมชดเชยแสง ส่วนฉากหลังก็รกรุงรังมากเหมือนกัน การทำให้ฉากหลังไม่รกก็จะช่วยให้สองสาวนี้เด่นขึ้นมา เนื่องจากจุดเด่นในภาพเป็นสาวสวยก็สมควรที่จะรีทัชบางส่วนในภาพตามความจำเป็นอีกเล็กน้อย พร้อมทั้งปรับแต่งสีสันให้สมกับวัย

     เทคนิคในการแต่งภาพนี้ก็ยังคงเหมือนเดิม ใช้ปรับแสงโอเว่อร์และอันเดอร์เป็นหลัก เทคนิคเลเย่อร์มาสค์ก็ยังคงจำเป็นกับทุกภาพ เครื่องไม้เครื่องมือที่เคยกล่าวถึงไปแล้วก็ยังนำมาใช้ได้อีก รวมทั้งการรีทัชด้วย มีที่เพิ่มขึ้นมาก็คือใช้ Filter ในโฟโต้ชอพเข้ามาช่วยด้วยการใช้ฟิลเตอร์ Blur มาทำให้ฉากหลังเบลอ โดยใช้ Radial Blur ด้วยวิธี Zoom แล้วซ้อนเลเย่อร์กับใส่เลเย่อร์มาสค์เข้าไปและใช้พู่กันระบายเพื่อให้ฉากหลังเบลอ ส่วนสองสาวเด่นชัดสดใส

    ภาพนี้แนวคิดในการแต่งภาพจะคล้ายกันกับภาพที่แล้ว ต่างกันที่ฉากหลังของภาพนี้ไม่รกรุงรังเท่า แนวการแต่งภาพควรต้องแต่งให้ภาพออกมาเสริมรับกันกับท่าทางของสาวน้อยที่กำลังวิ่งอยู่ ทำให้ดูเหมือนมีการเคลื่อนไหวอยู่ด้วย

     ภาพนี้ใช้เทคนิคแต่งภาพคล้ายภาพที่แล้ว(คือภาพสองสาว) โดยแต่งให้ภาพมีสีสันที่สดใสขึ้นมา เพิ่มคอนทราสให้มากขึ้นอีกนิด แล้วใช้เทคนิคเบลอแบบเดียวกันโดยใช้ Radial Blur ด้วยวิธี Zoom ส่วนการผสมผสานภาพจะใช้คนละวิธี ภาพที่แล้วใช้ซ้อนเลเย่อร์กับใส่เลเย่อร์มาสค์เข้าไปและใช้พู่กันระบายเพื่อให้ฉากหลังเบลอ แต่ภาพนี้ใช้ซ้อนเลเย่อร์กับใส่เลเย่อร์มาสค์เข้าไปแล้วใช้เครื่องมือ Gradient Tool มาแทนพู่กัน ทำให้ภาพดูพริ้วไหวคล้ายมีความเคลื่อนไหวของสาวน้อยผู้นี้

    ผมจะขอจบโพส(ที่ดูออกจะแปลกประหลาด)ไว้เพียงเท่านี้ การฝึกแต่งภาพทั้งหกภาพนี้โดยการใช้เทคนิคที่ผมกล่าวมา และเป็นเทคนิคที่เคยนำมาลงในนี้แล้ว รวมทั้งการใช้เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆในโฟโต้ชอพที่ผมบอกไป ทั้งหมดนั้นถ้าฝึกกันจนเข้าใจแล้ว จะครอบคลุมได้มากพอที่จะนำไปใช้ในการสอบและการสมัครงานแล้ว นศ.ที่ผมติวให้นั้นบางวันมาติวกันหกคน บางวันมากันแปดคน แล้วแต่ว่าใครจะว่าง เบ็ดเสร็จใช้เวลากันอาทิตย์ละสามวัน กว่าจะเข้าใจกันได้ ก็เล่นไปซะหนึ่งเดือนเต็มๆ เหนื่อยเหมือนกัน แต่ผมมีความสุขมากที่ผมได้ตอบแทนอะไรเล็กๆน้อยๆให้กับผู้ที่เคยทำประโยชน์ให้แก่สังคมเช่นนศ.กลุ่มนี้ และก็หวังว่าโพสนี้น่าจะพอมีประโยชน์กับหลายๆท่านในนี้ด้วย 

  ขอบคุณทุกท่านครับ
และขอขอบคุณ  OkNATION.NET
ที่ให้พื้นที่ดีๆในการแบ่งปันด้วยครับ