ในการใช้ชีวิตประจำวันที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีแดดแรง หรือมีความจำเป็นต้องยืนอยู่ในสถานที่ที่มีแสงแดดเป็นเวลานานจึงเป็นเหตุทำให้ผิวเสีย ผิวหมองคล้ำได้ง่าย ซึ่งผิวคล้ำก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ผิวสีไม่ราบเรียบ และทำให้หลาย ๆ คนสูญเสียความมั่นใจไม่กล้าใส่เสื้อผ้าโชว์เนื้อผิว แต่ว่าต้องทำอย่างไรให้ผิวคล้ำแดดกลับมาขาวใสเหมือนเดิมได้ มาดูเคล็ดลับดี ๆ ที่ช่วยกู้ผิวคล้ำให้ขาวใสกัน!

 ‘แสงแดด’ ตัวการที่ทำให้ผิวหมองคล้ำ

หลายคนอาจจะสงสัย ว่าแสงแดดจะเป็นตัวการที่ทำให้ผิวหมองคล้ำได้อย่างไร โดยในแสงแดดมีรังสีอัลตราไวโอเลต หรือหลาย ๆ คนมักจะเรียกว่า รังสีUV ซึ่งเป็นรังสีที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าไปกระตุ้นให้ผิวสร้างเม็ดสีเมลานินมากขึ้น จึงเป็นสาเหตุของผิวหมองคล้ำนั่นเอง 

โดยรังสีอัลตราไวโอเลตจะมีการแบ่งเป็น 3 ชนิด คือ UVA UVB UVC แต่รังสีที่ส่งผลอันตรายให้กับร่างกาย คือ รังสีUVA คือรังสีที่มีคลื่นความยาวมากสุด เป็นกระตุ้นการสร้างเม็ดสีโดยตรง ทำให้เกิดผิวหมองคล้ำ กระและฝ้า และรังสีUVB คือรังสีที่มีคลื่นความยาวรองลงจากรังสีUVA ทำให้ผิวแสบแดง ผิวไหม้ และอาจทำให้เกิดโรคมะเร็งถ้าได้รับในปริมาณมาก ในส่วนของรังสีUVC คือรังสีที่มีคลื่นความยาวสั้นที่สุดและไม่สามารถทะลุผ่านชั้นโอโซนลงสู่พื้นผิวโลกได้ จึงไม่มีความจำเป็นต้องกังวลมากนัก

เช็คลิสอาการของผิวคล้ำเสียมีอะไรบ้าง

- สีผิวคล้ำ สีผิวเข้มมากขึ้น ดูไม่กระจ่างใส

- มีฝ้ากระขึ้นตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยมักจะพบบริเวณใบหน้า

- ผิวสีไม่สม่ำเสมอ โดยเฉพาะผิวส่วนที่โดนแดดมากจะเข้มกว่าบริเวณผิวที่อยู่ในร่มผ้า

- ผิวแห้ง ดูขาดความชุ่มชื้น

- ผิวไวต่อแสงแดด แดง แสบผิวง่ายมากขึ้น

เคล็ดลับกู้ผิวคล้ำเสีย ให้กลับมาขาวกระจ่างใส

สำหรับผู้ที่อยากจะให้ผิวคล้ำกลับมาดูมีความกระจ่างใส สุขภาพดีเหมือนเดิม ในบทความก็ได้นำ 9 เคล็ดลับกู้ผิวคล้ำเสียสะสมให้กลับมาขาวใส ดังนี้

1. หลีกเลี่ยงการอยู่ท่ามกลางแสงแดดเป็นเวลานาน

ในแสงแดดมีรังสีUV ซึ่งเป็นสาเหตุของผิวคล้ำ ดังนั้นจึงไม่ควรยืนอยู่ท่ามกลางแสงแดดเป็นระยะเวลานาน และในกรณีที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงที่ที่มีแสงแดดได้ ก็ควรหาอุปกรณ์ต่าง ๆ ใส่ เช่น ร่ม หมวกปีกกว้าง เสื้อและกางเกงขายาว แว่นกันแดด รวมถึงทาครีมกันแดด เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้แสงแดดทำร้ายผิว

2. มาส์กผิวด้วยวิธีการธรรมชาติ 

สำหรับสายงบน้อย สามารถบำรุงผิวด้วยการมาสก์ผิว หรือ พอกผิว ทั่วร่างกายด้วยการใช้วัตถุดิบที่สามารถหาได้ง่าย เช่น แตงกวา น้ำผึ้ง มะเขือเทศ โยเกิร์ต ว่านหางจระเข้ หรือวัตถุดิบที่มีความเย็น สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง จะช่วยลดปัญหาผิวไหม้แดด ผิวคล้ำแดด และช่วยฟื้นฟูเซลล์ให้ดูเรียบเนียนกระจ่างใสมากขึ้น  

3. ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของวิตามินซี

วิตามินซี มีส่วนช่วยในการลดและชะลอการเกิดเม็ดสี และช่วยทำให้ผิวที่ดูหมองคล้ำ ดำแดด กลับมามีสีสม่ำเสมอมากขึ้นแม้ว่าอาจจะไม่ได้ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว อีกทั้งวิตามินซีนั้นยังมีสรรพคุณเพิ่มความกระจ่างใสและความชุ่มชื้นให้กับผิว ดังนั้นจึงควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เซรั่มหรือครีมที่มีส่วนประกอบของวิตามินซีควบคู่กับการใช้ครีมกันแดดเพื่อให้ผิวหมองคล้ำจากแดดมีความกระจ่างใส มีสีผิวสม่ำเสมอเรียบเนียนมากขึ้น

4. ปลอบประโลมผิวด้วยว่านหางจระเข้

ว่านหางจระเข้ เป็นสมุนไพรที่นอกจากจะขึ้นชื่อสรรพคุณช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว และช่วยลดการอักเสบแล้ว ยังมีสรรพคุณที่ช่วยรักษาฟื้นฟูผิวที่ไหม้จากแสงแดดได้อีกด้วย โดยนำเจลว่านหางจระเข้หรือเนื้อว่านหางจระเข้สดทางผิวทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาทีแล้วล้างออก

5. เพิ่มความชุ่มชื้นด้วยมอยเจอไรเซอร์

มอยส์เจอไรเซอร์ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยบำรุงผิว ไม่ว่าจะช่วยฟื้นฟูผิวให้ผิวสุขภาพแข็งแรง และยังช่วยปรับสีผิวให้มีความสม่ำเสมอมากขึ้นได้อีกด้วย โดยควรทาทั้งช่วงเช้าและช่วงก่อนนอนเพื่อให้ผิวสุขภาพแข็งแรงอย่างดี แต่กรณีที่ผิวไหม้ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรด AHA เนื่องจากจะทำให้ผิวเกิดอาการระคายเคืองได้

6. ดื่มน้ำสะอาดเยอะๆ

การดื่มน้ำสะอาด จะช่วยฟื้นฟูผิวให้มีความชุ่มชื้น และยังช่วยรักษาผิวคล้ำแดด สีผิวที่ไม่สม่ำเสมอให้กลับมาดูเรียบเนียน และมีความแข็งแรงมากขึ้น โดยในระหว่างวันควรดื่มน้ำเปล่าอย่างสม่ำเสมออย่างน้อย 1.5-2 ลิตร

7. พักผ่อนให้เพียงพอ

การพักผ่อนให้เพียงพอ เป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับผิวของเรา ถ้าหากพักผ่อนไม่เพียงพอแล้วนอกจากจะทำให้ร่างกายอ่อนแอลงแล้ว ยังส่งผลทำให้ผิวพรรณหม่นหมอง ผิวคล้ำได้ง่ายขึ้นด้วย ดังนั้นจึงควรพักผ่อนให้เพียงพอ วันละประมาณ 7-8 ชั่วโมง

8. รับประทานอาหารที่มีส่วนช่วยในเรื่องของผิวพรรณ

การรับประทานอาหารที่มีวิตามินซี วิตามินอี หรือ โอเมก้า3 เช่น ผลไม้ น้ำมันปลา รวมถึงอาหารเสริมที่มีสารเหล่านั้นประกอบจะช่วยบำรุงผิวคล้ำเสีย หรือปัญหาผิวด้านอื่น ๆ ให้มีความแข็งแรง ผิวขาวกระจ่างใส และกลับมาเรียบเนียนอีกครั้ง

9. ทาครีมกันแดดที่มีค่า spf และ pa ที่เหมาะสม

การทาครีมกันแดดที่มีค่า spf และ pa ที่เหมาะสมจะช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดได้ โดยครีมกันแดดแต่ละยี่ห้อก็จะมีค่า SPF และค่า PA ที่แตกต่างกันไป
ค่า spf คือ ค่าความสามารถของครีมกันแดดในการช่วยป้องกันรังสี UVB จากแดด โดยในครีมกันแดดควรมีค่า SPF50 ขึ้นไป

ค่า PA คือ ค่าความสามารถของครีมกันแดดในการช่วยป้องกันรังสี UVA จากแดด โดยในครีมกันแดดควรมีค่า PA ++++ ขึ้นไป 

ที่สำคัญคือควรทาครีมกันแดดทุก ๆ 4 ชั่วโมงเพื่อให้ครีมกันแดดสามารถปกป้องผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยในที่นี้ขอแนะนำครีมกันแดดของ bioderma ที่มีทั้งค่า SPF และ PA ที่เหมาะสม

• Photoderm Aquafluide

เป็นครีมกันแดดสูตรน้ำนมของ bioderma มีเนื้อสัมผัสบางเบา เกลี่ยง่าย ทำให้ไม่รู้สึกเหนียวเหนอะหนะ ไม่ทิ้งรอยคราบขาวบนใบหน้าอีกทั้งยังสามารถทาควบคู่กับแต่งหน้าได้ด้วย ซึ่ง Photoderm Aquafluide SPF 50+ UVA++++ สามารถป้องกัน UVA UVB ได้นานถึง 8 ชม. แล้วยังช่วยจัดการปัญหาเซลล์ผิวเสื่อม จุดด่างดำ ป้องกันผิวไหม้ ได้อย่างดี มีสิทธิบัตร DAFTM complex (Dermatological Advanced Formulation) ที่ช่วยเสริมผิวแพ้ ให้แข็งแรง และต้านทานต่อมลภาวะได้ดีขึ้น นอกเหนือจากนี้ตัวครีมกันแดดยังปราศจากพาราเบน และน้ำหอม ดังนั้นจึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายเป็นอย่างมาก

• Photoderm Cover Touch

 เป็นครีมกันแดดสูตรมิเนอรัลของ bioderma มีเนื้อเบาบาง เกลี่ยง่าย แห้งไว ทำให้ไม่เหนียวเหนอะหนะ ไม่รู้สึกหน้ามัน เหมาะทั้งผู้ที่มีผิวมันและผิวผสม และด้วยเนื้อสีครีมจึงสามารถปกปิดรอยบนใบหน้าและแต่งสีสันให้กับหน้าเพิ่มเติมได้อย่างดี ซึ่ง Photoderm Cover Touch SPF 50+ PA++++ จะคอยปกป้องผิวจาก UVA UVB Visible Light ป้องกันแสงแดดได้ยาวถึง 8 ชั่วโมง ช่วยป้องกันริ้วรอยและการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว มีนวัตกรรม Breathable Formula ที่จะช่วยให้ผิวรู้สึกราวกับหายใจได้

ดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอ ก็สามารถฟื้นฟูผิวคล้ำเสียได้นะ

ผิวคล้ำ เป็นอาการที่ทำให้หลาย ๆ คนต่างสูญเสียความมั่นใจ ซึ่งสามารถรักษาให้กลับมาขาวกระจ่างใสเหมือนเดิมได้ยาก แต่ก็สามารถรักษาฟื้นฟูผิวคล้ำเสียได้หากดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะด้วยวิธีการบำรุงผิวด้วยการใช้ครีมบำรุงผิว เซรั่ม หรือการรับประทานหรือใช้ผักและผลไม้ เป็นต้น

นอกจากการบำรุงผิวแล้ว ยังควรที่จะทาครีมกันแดดที่มีค่า spf และ pa ที่เหมาะสมทุก ๆ 4 ชั่วโมงเพื่อปกป้องให้ผิวแข็งแรง ขาวกระจ่างใส่เสมอ