จริงๆแล้วมีผู้คนเป็นจำนวนมากที่ต้องการจะโค่นล้มอำนาจของ ฮุน เซน หากแต่ที่พอจะนับได้ว่ามีลำหักลำโค่นที่พอจะต่อกรณ์กับ ฮุน เซน ได้บ้างในเวลานี้เห็นจะมีอยู่เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น นั่นก็คือหัวหน้าฝ่ายค้านที่ใช้ชื่อของตนเองเป็นชื่อพรรคการเมืองซึ่งก็คือ สัม รังสี นั่นเอง โดยความโดดเด่นของ สัม รังสี วัย 60 ปีพอดีผู้นี้ นับได้ว่าไม่ด้อยไปกว่า ฮุน เซน และ เจ้านโรดม รณฤทธิ์ แต่อย่างใดเลย เฉพาะอย่างยิ่ง ในเวทีสากลนั้นยิ่งจะต้องถือว่า สัม รังสี ผู้นี้มีความโดดเด่นมากที่สุด และนานาชาติก็ให้การยอมรับว่าเขาผู้นี้ คือนักการ เมืองที่มือสะอาดที่สุดของกัมพูชาในยุคนี้อีกด้วย ทั้งนี้ก็เนื่องจากว่าในช่วงที่ สัม รังสี เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจและการคลังในสังกัดพรรคฟุนซินเปก ซึ่งมี เจ้ารณฤทธิ์ เป็นประธานพรรคฯ และเป็นนายก รัฐมนตรีคนที่ 1 ในขณะที่ ฮุน เซน เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 2 ของรัฐบาลผสมภายหลังการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2536 นั้น ปัญหาอย่างแรกที่ สัม รังสี ได้ให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษและก็ได้พยายามดำเนินมาตรการในทุกวิถีทางเพื่อที่จะแก้ไขให้ได้ ก็คือการปราบ ปรามการค้าหนีภาษี ซึ่งเขาก็ได้มีการดำเนินมาตรการดังกล่าวนี้อย่างกว้างขวางในทั่วประเทศกัมพูชาเลยทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้น ก็คือว่าเขาได้ดำเนินมาตรการที่ว่านี้ไปพร้อมๆ กับการปฏิรูประบบทางด้านการคลังของประเทศ ด้วยการพยายามรวมศูนย์ด้านการคลังของรัฐบาลมาไว้ที่ส่วนกลางทั้งหมด ซึ่งด้วยการดำเนินมาตรการอันนี้นี่เอง จึงเป็นเหตุทำให้เกิดการก่อรัฐประหารขึ้นในปี 2537 โดยถึงแม้ว่าการรัฐประหารจะล้มเหลวก็ตาม แต่มันก็ได้ยังผลทำให้ สัม รังสี นั้นต้องหลุดจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจและการคลัง อีกทั้งยังถูกขับออกจากการเป็นสมาชิกสภาแห่งชาติและสมาชิกพรรคฟุนซินเปกในปีเดียวกันนั้นด้วย อย่างไรก็ตาม การรัฐประหารในครั้งนั้นก็ถือเป็นความพยายามโดยแท้ของพรรคประชาชนกัมพูชาที่รวมถึง ฮุน เซน ด้วย ทั้งนี้ก็เนื่องจากว่าเหล่าบรรดาแกนนำทั้งหลายของพรรคประชาชนกัมพูชานั้นต่างก็ได้รับผลกระทบอย่างมากจากการดำเนินมาตรการปราบปรามการค้าเถื่อนและการปฏิรูประบบการคลังของ สัม รังสี นั่นเอง โดยสาเหตุที่เป็นเช่นนั้น ก็เพราะว่าในอดีตหรือก่อนการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2536 นั้น ระบบการคลังของกัมพูชานั้นเป็นระบบแยกส่วนระหว่างคลังของรัฐบาลที่ส่วนกลางกับคลังส่วนจังหวัด ในขณะที่รายได้หลักของแต่ละจังหวัดซึ่งรวมถึงผลประโยชน์ส่วนตัวของบรรดาผู้ว่าราชการจังหวัดด้วยนั้นต่างก็ได้มาจากการเก็บส่วยจากบรรดาพ่อค้าชาย แดนที่ขนส่งลำเลียงสินค้าหนีภาษีผ่านกัมพูชาไปที่เวียดนามเป็นส่วนใหญ่ ทั้งนี้ก็เพราะว่าสหรัฐอเมริกาได้ดำเนินมาตรการปิดล้อมทางการค้าต่อเวียดนาม (Embargo) นับตั้งแต่ปี 2518 เป็นต้นมาแล้ว จึงทำให้กัมพูชาในห้วงเวลานั้นกลายเป็นสวรรค์บนดินของบรรดาพ่อค้าหนีภาษีทั้งหลายเลยก็ว่าได้ เพราะฉะนั้น ในเมื่อว่า สัม รังสี ได้ดำเนินมาตรการดังกล่าวอย่างเข้มงวดมันจึงได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อผลประโยชน์ของพลพรรคประชาชนกัมพูชานั่นเอง แต่การรัฐประหารในครั้งนั้นก็ไม่สำเร็จ ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะว่าได้เกิดมีการหักหลังกันเองภายในคณะก่อการด้วยกัน โดยเรื่องของเรื่องก็มีอยู่ว่า ฮุน เซน ได้สืบทราบมาว่าตนเองจะถูกปลดออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หลังจากที่ได้ทำการยึดอำนาจสำเร็จแล้วนั้น ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ ฮุน เซน ต้องดิ้นรนเพื่อที่จะทำให้ตนเองนั้นได้อยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป ทั้งนี้โดย ฮุน เซน ได้หันไปจับมือกับ เจ้ารณฤทธิ์ และก็ได้ร่วมมือกันล้มแผนการยึดอำนาจของพลพรรคประชาชนกัมพูชาในครั้งนั้น ซึ่งก็ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดียิ่งจนถึงขนาดที่ทำให้ ฮุน เซน ได้ประกาศอย่างชัดเจนในเวลานั้นว่า จะเป็นนายกรัฐมนตรีร่วมกับ เจ้ารณฤทธิ์ จนกว่าประเทศชาติและชาวเขมรจะหลุดพ้นจากความยากจนอย่าง แท้จริง ซึ่งก็ด้วยการประกาศเช่นนี้ของ ฮุน เซน นี่เองที่ได้ส่งผลให้ สัม รังสี ต้องหลุดจากตำแหน่งรัฐมนตรีและถูกขับออกจากพรรคฟุนซินเปกด้วยน้ำมือของ เจ้ารณฤทธิ์ นั่นเอง แต่ก็เนื่องจากว่าคนอย่าง ฮุน เซน นั้นไม่มีความจริงใจให้ใคร นอกจากครอบครัวและคนใกล้ชิดของเขาเท่านั้น เพราะภายหลังจากที่สามารถเขี่ย สัม รังสี ออกไปได้แล้วนั้น ฮุน เซน ก็ได้มองไปถึงคนอื่นๆในพรรคฟุนซินเปกที่เป็นพันธมิตรของ สัม รังสี ด้วย ซึ่งก็ได้ผลเป็นอย่างดีเพราะคนที่ฉลาดน้อยอย่าง เจ้ารณฤทธิ์ ได้หลงเชื่อลมปาก ของ ฮุน เซน ที่บอกว่าหากกำจัดคนที่เป็นพันธมิตรของ สัม รังสี ออกไปจากรัฐบาลผสมแล้วจะทำให้ เจ้ารณฤทธิ์ และตัวเขาเองสามารถที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีร่วมกันต่อไปได้อย่างยาวนานตามที่ได้ประกาศไว้นั้นจริงๆซึ่งก็ปรากฏว่า เจ้ารณฤทธิ์ นั้นได้ขับไล่แม้แต่ เสด็จอาของตนเอง (เจ้านโรดม ศิริวุฒิ) ออกจากรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการต่างประเทศ รวมถึงขับออกจากพรรคฟุนซินเปกด้วยในเวลาต่อมา ครั้นเมื่อ เจ้ารณฤทธิ์ มารู้ตัวว่าตนเองนั้นถูก ฮุน เซน หลอกและก็ต้มตุ๋นจนเปื่อยแล้วนั้นมันก็สายเกินแก้ไปเสียแล้ว เพราะว่า ฮุน เซน ได้ทำการยึดอำนาจจริงๆ ในกลางปี 2540 ซึ่งก็ทำให้ เจ้ารณฤทธิ์ ต้องหนีออกนอกประเทศและก็ได้หันมาคืนดีกับ สัม รังสี แล้วร่วมมือกันเดินสายในต่างประเทศ เพื่อขอให้นานาชาติร่วมกันกดดันรัฐบาล ฮุน เซน ซึ่งก็เป็นผลทำให้มีการเลือกตั้งทั่วไปเกิดขึ้นในปี 2541 แต่การเลือกตั้งในครั้งนี้ สัม รังสี ก็ได้ตั้งพรรคของตนขึ้นมาแข่งขันด้วย ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะว่าเขาไม่สามารถที่จะไว้เนื้อเชื่อใจคนอย่าง เจ้ารณฤทธิ์ ได้อีกต่อไปนั่นเอง ซึ่งมันก็เป็นจริงตามคาด เพราะหลังจากการเลือกตั้งในครั้งนั้น เจ้ารณฤทธิ์ ก็ได้กลับไปจูบปากกับ ฮุน เซน ในการร่วมจัดตั้งรัฐบาลผสมขึ้นมาอีกครั้ง โดยที่ เจ้ารณฤทธิ์ นั้นก็ได้รับตำแหน่งประธานสภาแห่งชาติเป็นการตอบแทน และเหตุการณ์เช่นนี้ก็เกิดขึ้นซ้ำอีกครั้งหลังการเลือกตั้งในปี 2547 จนเป็นเหตุทำให้ สัม รังสี ต้องแก้เผ็ด เจ้ารณฤทธิ์ ด้วยการจับมือกับ ฮุน เซน ในการแก้ไขรัฐ ธรรมนูญในส่วนที่บัญญัติเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลจะต้องได้รับเสียงสนับสนุนไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกสภาแห่งชาติทั้งหมดนั้น ทั้งนี้โดยแก้ไขเป็นว่าให้ได้รับเสียงสนับสนุนเกินกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกสภาแห่งชาติก็สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้แล้ว ซึ่งก็เป็นเหตุทำให้ ฮุน เซน ไม่ต้องง้อเสียงสนับสนุนจากพรรคฟุนซินเปกของ เจ้ารณฤทธิ์ อีกต่อไป ยิ่งเมื่อประกอบกับ เจ้ารณฤทธิ์ เองก็มีปัญหาภายในพรรคฯ เพราะได้ใช้อำนาจโดยมิชอบในการขายที่ดินและที่ทำการของพรรคฯ ในกรุงพนมเปญ แล้วนำเอาเงินที่ได้กว่า 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไปใช้ในกิจการส่วนตัวด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้ชีวิตทางการเมืองของ เจ้ารณฤทธิ์ นั้นต้องตกต่ำลงอย่างสุดๆ เลยก็ว่าได้ เพราะไม่เพียงจะถูกขับไล่ออกจากพรรคฯเท่านั้น หากยังต้องหนีคุกหนีตารางไปอยู่ที่ต่างประเทศ และก็ไม่มีโอกาสได้สัมผัสตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกเลยนับตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา โดยถึงแม้ว่าในทุกวันนี้ เจ้ารณฤทธิ์ จะได้รับการพระราชทานอภัยโทษจากความ ผิดที่เกี่ยวกับการขายที่ดินและที่ทำการพรรคฟุนซินเปกดังกล่าวแล้ว ทั้งยังได้รับแต่งตั้งเป็นประธานองคมนตรีในสมเด็จเจ้านโรดม สีหมุนี กษัตริย์พระองค์ปัจจุบันของกัมพูชา (พระอนุชาต่างพระมารดาของ เจ้ารณฤทธิ์) ด้วยก็ตาม แต่นั่นก็เป็นเพราะ ฮุน เซน นั้นได้ให้ความเห็นชอบด้วย ทั้งยังเป็นตำแหน่งที่ถูกห้ามยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอย่างเด็ดขาดอีกต่างหาก ซึ่งตรงกันข้ามกับ สัม รังสี อย่างสิ้นเชิง เพราะถึงแม้ว่าพรรคฯของเขาจะยังคงไม่สามารถโค่นพรรคประชาชนกัมพูชาของ ฮุน เซน ได้เลยก็ตาม แต่จากการเลือกตั้งทั่วไปในสามครั้งหลังที่ผ่านมานี้ พรรคสัม รังสี ของเขาก็ได้รับเลือกตั้งเข้าสู่สภาแห่งชาติและก็ยังได้รับความนิยมจากชาวเขมรเพิ่มขึ้นทุกครั้ง โดยถึงแม้ว่าการเลือกตั้งครั้งล่าสุดนี้ในปี 2008 พรรคสัม รังสี จะได้รับเลือกตั้งมาเพียง 26 ที่นั่ง ซึ่งเทียบไม่ได้เลยกับ 90 ที่นั่งของพรรคประชาชนกัมพูชาก็ตาม แต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน ที่ประชาชนชาวเขมรกำลังเผชิญกับยุคข้าวยากหมากแพงอย่างหนัก ในขณะที่รัฐบาลกัมพูชาภายใต้การนำของ ฮุน เซน นั้นกลับไม่สามารถที่จะบรรเทาปัญหาดังกล่าวให้กับประชาชนได้เลย เช่นชาวเขมรนับหมื่นครอบครัวถูกไล่ที่แล้วนำเอาที่ดินไปให้เอกชนต่างชาติลงทุนสร้างตึกให้คนรวยเช่า 99 ปีเป็นต้น ส่วนกรรมกรโรงงานทอผ้าและก่อสร้างกว่า 4 แสนคน ก็ถูกดองการปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำมาเป็นเวลากว่า 5 ปีแล้วทั้งยังถูกลดอัตราค่าจ้างในการทำงานล่วงเวลาลง จากเดิมถึง 30% อีกต่างหาก ในขณะที่กรรมกรเหล่านี้ต้องหล่อเลี้ยงญาติพี่น้องที่ชนบทมากกว่า 2 ล้านชีวิต ทางด้านองค์การ Global Witness ก็ได้รายงานว่าในช่วง 5 ปีมานี้ ป่าไม้ในเขมรได้ลดระดับความหนาแน่นลงไปถึง 29% ซึ่งก็เป็นผลทำให้ป่าไม้ของกัมพูชายังคงความหนาแน่นเหลืออยู่เพียงไม่ถึง 40% ของพื้นที่ทั้งหมดเท่านั้น แน่นอนว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ จึงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ สำหรับ ฮุน เซน กับพรรค ประชาชนกัมพูชาในอันที่จะสามารถครองเสียงข้างมากในสภาแห่งชาติได้อย่างเด็ดขาดตลอดไป เพราะ สัม รังสี นั้นสามารถประชาสัมพันธ์ภาพในด้านมืดของ ฮุน เซน ได้เป็นอย่างดีมาโดยตลอด ยิ่งในช่วงเวลาที่เคลื่อนไหวอยู่ในต่างประเทศเช่นนี้ นอกจากนี้ จะต้องไม่ลืมว่าการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2013 นั้นจำนวนผู้มีสิทธิเลือก ตั้งจะเพิ่มขึ้นจาก 8.2 ล้านคนในเวลานี้เป็นมากกว่า 10 ล้านคนย่อมที่จะทำให้ สัม รังสี นั้นมองไปถึงวันที่ชาวเขมรส่วนใหญ่จะเทคะแนนให้กับพรรคฝ่ายค้าน ซึ่งหมายความว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอำนาจในการบริหารประเทศเลยทีเดียว ทั้งนี้ด้วยเหตุผลที่ว่า ...การบริหารประเทศโดยรัฐบาลของ ฮุน เซน ได้ก่อให้เกิดปัญหาต่างๆนานาแก่ประเทศชาติและประชาชนอย่างกว้างขวาง โดยไม่ว่าจะเป็นปัญหาการไล่ที่ การทุจริตที่เกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง ความยากจนอย่างแสนสาหัส ปัญหาการว่างงาน การตัดไม้เพื่อการค้าเถื่อน การทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ปัญหาการปักปันเขตแดน และปัญหาเขตทับซ้อนทางทะเลที่มีผลประโยชน์จากแหล่งน้ำมันและแก๊สเข้ามาเกี่ยวข้องนั้นต่างก็เป็นปัญหาที่รุนแรงมากขึ้นในช่วงการบริหารประเทศของ ฮุน เซน ทั้งสิ้น... นั่นเอง!!! ทรงฤทธิ์ โพนเงิน ท่านสามารถติดตามข่าวและบทวิเคราะห์เกี่ยวกับประเทศในลุ่มน้ำโขงได้เพิ่มเติมที่ |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
หมอลำลาว-สาละวัน | ||
![]() |
||
ลำสาละวันอยู่ในแขวงภาคใต้ของลาว |
||
View All ![]() |
<< | พฤศจิกายน 2009 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 |