วันเสาร์ ที่ 10 กรกฎาคม 2564
Posted by
mindsoul
,
ผู้อ่าน : 371
, 12:02:39 น.
หมวด : ศาสนา
พิมพ์หน้านี้
โหวต
0 คน

เรื่องเร้นลับ . พระเจ้าตากสิน
ใน พ.ศ. 2500 ปีนั้นป่วยมาก แล้วก็ไปนอนรักษาอยู่ที่กรมแพทย์ทหารเรือ ไปนอนอยู่ที่ตึก 1 เป็นตึกพิเศษ นอนไปได้ 2 คืน ปรากฏว่าคืนที่ 2 นั้น เวลาประมาณ 4 ทุ่ม มันกี่นาฬิกาล่ะ 22 นาฬิกากระมัง มันพูดภาษาเก่ากันดีกว่า เรียกว่า 4 ทุ่มเศษๆ ไฟฟ้าในห้องยังไม่ดับ แล้วประตูก็ใส่กลอนแล้วถึงเวลานอน นอนคนเดียว ยังไม่หลับเหมือนกัน ปรากฏว่าประตูลงกลอนแล้วมีคนผ่านเข้ามา คนๆ นั้นนุ่งกางเกงสีขาวแค่เข่า เป็นกางเกงขาสั้นใส่เสื้อสีขาว รูปร่างหน้าตามีส่วนมีทรงสวยมาก หมายความว่า เป็นลักษณะผู้ชายที่อยู่ในเกณฑ์สวย ท่าทางแข็งแรงทะมัดทะแมงมาก มายืนอยู่ที่ข้างมุ้ง ไฟฟ้ามันยังไม่ดับก็เห็นชัด จะหลับตาก็เห็นจะลืมตาก็เห็น ก็ถามว่าใคร ท่านผู้นั้นก็รายงานว่า ผมคือพระเจ้าตากสิน
ความจริงพระเจ้าตากสินนี้ ผู้พูดเองขณะที่ป่วยใหม่ๆ ไปนอนอยู่ที่นั่น ทราบว่าเป็นเขตของท่านเพราะเป็นจังหวัดธนบุรี เวลาบูชาพระก็พูดถึงท่านว่าขอฝากตัวด้วย ในฐานะที่มาอยู่ในเขตของพระองค์ ขอให้พระองค์ให้ความคุ้มครอง หากว่าจะมีผีหรือเปรตตนใดมากลั่นแกล้งก็ขอให้ช่วยกำจัดให้พ้นไปด้วย เพราะว่าไม่สบายอยู่ จะตกอกตกใจ การรักษาโรค โรคที่เป็นอยู่จะกำเริบขึ้น อธิษฐานอย่างนี้มาสองคืน คืนนั้นก็ปรากฏว่าท่านมา ท่านบอกว่าท่านเป็นพระเจ้าตากสิน มองแล้วลักษณะไม่น่าจะเป็นกษัตริย์แต่เป็นคนดี ทรงดีมาก ท่าทางดีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง สมควรแก่การเป็นนักรบ แต่ไอ้การนุ่งกางเกงขาสั้นตัวเดียวแล้วก็ใส่เสื้อแขนสั้น แต่ก็สุภาพ ก็เลยบอกกับท่านว่ากษัตริย์นี่เขาแต่งตัวกันแบบนี้หรือ คนที่แต่งตัวเป็นอสุรกุ๊ย แล้วบอกว่าเป็นกษัตริย์ ใครเขาจะเชื่อ ไม่เชื่อหรอก ถ้าเป็นกษัตริย์จริงๆ ลองแต่งเครื่องทรงกษัตริย์มาให้ดูซี ท่านบอกว่า ถ้าสงสัยอย่างนั้นก็ได้ ประเดี๋ยวจะแต่งให้ดู แล้วก็ไม่เห็นไปเอาเสื้อกางเกงที่ไหนมาใส่ปรากฏว่าเครื่องทรงกษัตริย์มีครบถ้วนบริบูรณ์ เอาเข้าไปยังงั้น
มองดูแล้วก็แปลกใจไม่เห็นไปแต่งที่ไหนนี่ มันเกิดขึ้นเอง ท่านก็ยิ้ม ถามว่าเชื่อหรือยัง ก็เลยบอกว่าเชื่อ ถ้าแต่งตัวแบบนี้เชื่อ แต่ว่าจะเป็นพระเจ้าตากสินจริงหรือไม่จริงก็ช่างเถอะ ในฐานะที่ท่านมาเยี่ยมอาตมาได้อาตมาก็ขอบใจ อาตมาขอความคุ้มครอง เกรงว่าผีที่เป็นมิจฉาทิฏฐิทั้งหลายจะกลั่นแกล้งทำให้ตกใจ ถ้าโรคมันกำเริบหมอเขารักษาไม่เสียสตางค์อยู่แล้ว ไม่ต้องเสียค่ายา จะเปลืองยาเขามากเกินไป ท่านก็ยิ้ม บอกได้ขอรับ เพราะท่านบอกผมมา 2 คืนแล้ว คืนนี้ก็มาแสดงตัวให้ปรากฏเกรงว่าท่านจะไม่รู้ว่าผมรับรู้แล้ว ก็เลยขอบใจท่าน ท่านก็ให้สัญญาบอกว่าไม่เป็นไร นิมนต์นอนตามสบายขอรับ จะไม่มีใครมารบกวนท่านในด้านที่เป็นศัตรู แล้วท่านก็ลากลับ พอท่านจะลากลับก็บอกว่าเดี๋ยวก่อน อาตมามารักษาตัวที่นี่ไม่ได้เสียเงิน ค่าหมอก็ไม่เสีย ค่ายาก็ไม่เสีย ค่าอาหารก็ไม่เสีย ตึกพิเศษ ค่าห้องก็ไม่เสีย ตานี้บรรดาพวกนายทหารทั้งหลายเป็นคนจน ก็อยากจะขอหวยสัก 2 ตัว พระองค์จะประทานได้ไหม ท่านก็ยืนยิ้มๆ นั่งสักพักหนึ่ง ท่านก็บอกว่าหวยนี่ผมไม่เคยรู้เลยครับ สมัยผมมันไม่มีหวยนี่ครับ ไอ้ 3 ตัว 6 ตัวอะไรประเภทนี้ไม่มี
แต่หากว่าท่านจะขอหวยละก็ผมให้ไม่ได้นะขอรับ มีแต่ว่าผมจะถวายสตางค์ท่าน ท่านก็ล้วงลงไปในกระเป๋า บอกเอ๊ะ สตางค์มันก็ไม่มีติดตัวมามาก มันมีมา 25 สตางค์เท่านั้น ผมก็ขอถวายหมดตัว ขอถวาย 25 สตางค์ ท่านก็หยิบเหรียญสลึง เขาเขียนว่า 25 สตางค์ โยนไปใต้เตียง แล้วท่านก็ยกมือไหว้ แล้วก็ลากลับไป อาตมาก็เลยคิดว่า ไอ้เงิน 25 สตางค์ นี่น่ากลัวมันจะเป็นหวย พอตอนเช้าบรรดาพยาบาลมา แล้วก็นายทหารประจำตึกมา เขาก็มาถามว่าเมื่อคืนมีอะไรบ้างครับ เจ้าพวกนั้นน่ะแปลก เห็นหน้าพระไม่ได้ ถามเรื่องเลขกันอยู่เสมอ ก็เลยบอกว่าเมื่อคืนนี้มีพระเจ้าตากสินมาเยี่ยม ขอหวยท่าน ท่านบอกว่าท่านไม่มีหวย มีเงินมา 25 สตางค์ ท่านก็เลยถวายหมดตัวแล้วก็โยนไปไว้ใต้เตียง นั่นแหละมันจะเป็นหวยหรือไม่เป็นฉันก็ไม่รู้ พอบอกไปแล้วภายในวันเดียวปรากฏว่าข่าวกระจายไปทั่วกรมอู่ ทั้งกรมหรืออาจจะเลยกรมอู่ไปบ้างก็ได้ ทุกคนเล่นเลข 25 เป็นเลขท้าย 2 ตัวสุด และการเล่นของแกก็คงจะเป็นประเภทกินเอง ไม่ใช่ซื้อสลากของรัฐบาล หรือใครจะซื้อบ้างก็ไม่ทราบกินเองนั่นแหละมาก งวดนั้น ปรากฏว่าเจ้ามือจ่ายหนัก ถูกจริงๆ นี่ใครจะว่าผีไม่มีก็ช่างเถอะ ผู้พูดประสบมาเอง
ตานี้ คืนที่ 2 ขณะนอนอยู่เหมือนกัน เสียงกุกกักๆ ข้างมุ้งเป็นเวลาเดียวกัน 4 ทุ่มเศษๆ น่ะ คืนต่อมานะ จัดว่าเป็นคืนที่ 3 ของเวลานอน ก็ลืมตาขึ้นมาดู เอ๊ะ มองเห็นฝรั่งคนหนึ่งรูปร่างสูงใหญ่ ท่าทางเหมือนฝรั่ง มีไม้ถืออันหนึ่ง ไม้ถือหนีบรักแร้ เอารักแร้หนีบไว้ มาก้มๆ เงยๆ เงยๆ ก้มๆ พอผู้พูดลืมตาขึ้นมาแกก็เปิดมุ้ง ถามว่ามาทำไม บอกว่ามาเยี่ยมท่านขอรับ ถามว่าเป็นใคร แกบอกว่าเป็นนายแพทย์ใหญ่ของกรมแพทย์ทหารเรือ เป็นนายแพทย์คนแรกชื่อ เล็ก สุมิตร เอ ชื่อก็ชื่อเป็นคนไทย แต่ท่าทางคล้ายฝรั่ง เลยถามว่าท่านเป็นคนไทยหรือฝรั่ง ท่านก็บอกว่าเป็นคนไทย แต่ก็มีเชื้อสายเป็นฝรั่ง ก็เลยขอบคุณท่าน เลยถามท่านว่าโรคที่เป็นนี่มันจะตายหรือมันจะหาย ท่านก็บอกว่าหายขอรับ ไม่เป็นไร แล้วก็ลากลับไป พอคืนต่อไปก็ปรากฏว่าหมอสงวนกับพวก 2 - 3 คน มานั่งเก้าอี้ เก้าอี้รับแขกประจำห้องเขามี นั่งเก้าอี้รับแขกเวลาๆ เดียวกัน พอผู้พูดลืมตาขึ้นมาหมอสงวนก็เดินเข้ามายกมือไหว้ ถามว่าใคร แกก็บอกว่าผมหมอสงวนครับ เป็นนายแพทย์ใหญ่กรมแพทย์ทหารเรือ ถามว่ามาทำไม บอกว่ามาเยี่ยม เลยบอกขอบคุณคุณหมอ ขอให้ช่วยรักษาโรคให้หายเร็วๆ ด้วยนะ แกก็บอกว่ารักษาเร็วไม่ได้ขอรับ โรคท่านเป็นโรคกรรม แต่ว่าอากรทุกขเวทนาจะไม่มีมาก ไม่เป็นไรขอรับ กระผมรับรอง แล้วก็หายไป หายไปหมดทั้งเพื่อน
คืนต่อมามีมาใหม่ คราวนี้ไม่ใช่หมอแล้ว แต่งตัวเป็นพลจัตวา เป็นพลเรือจัตวา เดินมามีมุ้งมีหมอนมีเสื่อมาด้วย แต่งเครื่องแบบปกติ มาถึงก็ปัดพรืดๆ ๆ เข้าตรงกลาง ไอ้ห้องนั้นมีเตียง 2 เตียง เตียงสำหรับคนไข้กับเตียงสำหรับคนเฝ้าไข้ แต่สำหรับผู้พูดไม่มีคนเฝ้าไข้อยู่ เห็นแกปัดพรืดๆ ก็ถามว่านี่ท่านนายพล จะไปปัดตรงนั้นทำไม แกก็บอกว่าผมจะนอนเป็นเพื่อนท่านตรงนี้ขอรับ ก็เลยบอกว่าเตียงนอนคนเฝ้าไข้เขามีอีกเตียงหนึ่ง ทำไมไม่นอนเล่า เชิญไปนอนบนนั้นเถอะ เขาก็บอกว่าไอ้เตียงนั้นมันนอนไม่สบายครับ มันไม่เรียบ ผมจะนอนตรงนี้ ไม่เป็นไรขอรับ ผมจะนอนเป็นเพื่อนท่าน แกก็ไม่ฟัง พอปัดที่เสร็จแกก็ปูเสื่อ เอาหมอนวาง กางมุ้งแล้วก็นอน นอนไม่นอนเปล่า แถมกรนเสียด้วย แกกรนหนักเข้าก็เลยบอกว่านี่ท่านนายพล นอนกรนแบบนี้ฉันเป็นคนป่วยมันจะหลับยังไงล่ะ นอนไม่ต้องกรนก็ได้ ก็รู้แล้วว่ามานอนด้วยกัน แกก็เลยเงียบกรน แล้วก็เลยต่างคนต่างหลับ แกจะหลับหรือไม่หลับก็ไม่ทราบ แต่ว่าผู้พูดนี่หลับ พอตอนเช้าก็ไม่เห็นแกอยู่นี่ แกไปเสียเมื่อไรก็ไม่ทราบ เป็นอันว่านายพลคนนี้ ผู้พูดไม่รู้จัก ไม่เคยรู้จักมาก่อน พอตอนเช้าก็ถามพวกนายทหารและพยาบาล ว่านายพลเรือจัตวารูปร่างแบบนี้ๆ เป็นใคร เขาก็เลยบอกว่าพลเรือจัตวาคล้อยครับ บอกว่าแกตายในห้องนี้ก่อนหน้าที่ท่านจะมาประมาณครึ่งเดือน แกป่วยอยู่ห้องนี้ แล้วแกก็ตายห้องนี้ เป็นอันว่ารู้เรื่องกัน พลจัตวาคล้อยมานอนเป็นเพื่อน
เอาละท่านผู้ฟัง สำหรับไอ้เรื่องผีนี้นะ ผู้พูดรับรองว่ามีจริง แต่หากว่าท่านทั้งหลายจะไปเกณฑ์ให้ท่านทั้งหลายไปจับผีมาให้ดูซี่ ทำไม่ได้ เพราะว่าพวกนี้เป็นอทิสมานกาย ไม่ใช่วัตถุ นี่ท่านทั้งหลายผู้ฟัง จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็เป็นเรื่องของท่าน สำหรับเรื่องที่ประสบการณ์มาด้วยตนเอง ก็มาเล่าให้ฟัง
-----------------------------------------------------------------------------
|