*/
<< | สิงหาคม 2016 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 |
มองย้อนไปในอดีตเทียบกับปัจจุบัน ความเจริญทางวัตถุที่จะอำนวยความสะดวกตลอดจนความสุขให้แก่มนุษย์มันพัฒนาก้าวกระโดดไปมาก แต่ความทุกข์โดยเฉพาะความทุกข์ใจไม่ได้ลดทอนลง การแก่งแย่งแข่งขันดูทวีความรุนแรงมากกว่าเดิม การทุจริตขาดคุณธรรม สามารถพบเห็นได้ในทุกๆกลุ่มอาชีพ จนผู้บริหารประเทศทุกยุคทุกสมัย เรียกร้องการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม ของสังคม โดยมีข้อคิดว่าควรจะเริ่มปลูกฝังคุณธรรมในเด็กๆก่อน เพราะคิดว่าถ้าได้ฝึกให้เด็กมีคุณธรรมตั้งแต่เล็ก เด็กคนนี้โตขึ้นมาจะได้เป็นคนดีในสังคม ความคิดเหล่านี้ถูกต้องหรือไม่ เราลองมาศึกษาค้นคว้ากันดู อาจารย์ ติช นัท ฮัน พระเซ็น ชาวเวียตนาม เคยกล่าวว่า ในเด็กที่เกิดมาทุกคน มีต้นคุณธรรมอยู่แล้วโดยกำเนิด คุณธรรมที่ว่านี้คือ ความเมตตากรุณาเอื้ออาทร ที่มีอยู่ประจำจิตของเด็กทุกคน อยู่ที่ว่าคนเลี้ยงดูจะรดน้ำพรวนดินต้นคุณธรรมที่ว่านี้หรือไม่ หรือจะปลูกต้นเห็นแก่ตัวลงไปแทน ในบทความ จิตวิวัฒน์ เขียนโดยพระอาจารย์ไพศาล วิสาโล ได้กล่าวถึงการทดลองหนึ่งที่น่าสนใจ ด้วยการให้เด็กทารกอายุหกเดือนกับสิบเดือน ดูภาพเคลื่อนไหวของ วงกลมหนึ่ง ที่มีการแต้มเป็นลูกตา เหมือนมนุษย์ วงกลมนี้พยายามไต่ขึ้นที่สูง บางครั้งก็จะมีสามเหลี่ยมคอยช่วยดันวงกลมนี้ให้ถึงยอด แต่บางครั้งก็มีรูปสี่เหลี่ยมมาผลักให้วงกลมตกลงมา เด็กทั้งหมดดูภาพเหล่านี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า หลังจากนั้นผู้ทดลองก็นำสิ่งของในถาดให้เด็กเลือก ของในถาดทั้งสองประกอบด้วย สามเหลี่ยมที่ชอบช่วยถาดหนึ่งและสี่เหลี่ยมที่ชอบแกล้งถาดหนึ่ง ปรากฏว่า เด็กสิบเดือน มี 14ใน16 คนที่เลือกตัวสามเหลี่ยม ส่วนเด็กวัยหกเดือนเลือกตัวสามเหลี่ยมทั้งหมด ผลการทดลองนี้ชี้ให้เห็นว่า เด็กเห็นการช่วยเหลือเป็นสิ่งที่ดี จึงเลือกสามเหลี่ยมที่เป็นตัวช่วยเหลือผู้อื่น พฤติกรรมเหล่านี้ไม่มีใครสอนแต่ล้วนแสดงไปในทิศทางเดียวกัน คืออยากช่วยเหลือ ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่า ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่นั้นติดตัวเด็กมาตั้งแต่เกิด คือคุณธรรมเมล็ดพันธุ์แห่งความดี มันติดตัวโดยกำเนิดแล้ว คุณธรรมแห่งความดีนั้น ไม่ใช่มีเพียงในมนุษย์เท่านั้น แม้ในสัตว์บางชนิดก็ปรากฏให้เห็นได้ เช่นการทดลองหนึ่งเป็นการจับหนูแขวนห้อยอยู่มันทั้งร้องทั้งดิ้น ทันทีที่หนูอีกตัวมองเห็นมันจะวิ่งพล่านมองหาวิธีการช่วยเหลือ จนพบคันโยกที่สามารถโยกเพื่อหย่อนหนูเคราะห์ร้ายนั้นให้ลงมาได้ ผู้เขียนเคยใช้กาวดักหนู ในการกำจัดหนู ครั้งหนึ่งและเป็นครั้งสุดท้ายที่คิดจะทำก็คือ แม่หนูมาติดกาวดัก มันร้องเรียกขอความช่วยเหลือ สุดท้ายมีหนูอีกหลายตัวเข้ามาช่วยทั้งตัวเล็กตัวใหญ่ต่างเข้ามาติดกับดักที่เป็นกาว อาจจะเรียกได้ว่า ยกครัวก็ว่าได้ มาพบเห็นก็ตายไปหลายตัวอีกหลายตัวก็เกินเยียวยา ครั้งนั้นคือความสลดใจของผู้เขียน มานึกถึงว่าครอบครัวมันก็ต้องหากิน เราเองสร้างปัจจัยล่อมันเข้ามา ด้วยการกำจัดเศษอาหารไม่ดี ทำให้มันได้อาศัยสิ่งตกค้าง ตัวเป็นแม่ก็ต้องอาศัยอาหารเลี้ยงลูก เมื่อแม่มาติดกับดัก ลูกๆก็ต้องมาช่วย รวมทั้งเพื่อนบ้านด้วย มีการทดลองในลิง โดยลิงทั้งหมดหกตัวถูกฝึกให้รู้จักการดึงโซ่เพื่อจะได้อาหาร แต่ต่อมามันกลับพบว่า ยามที่ดึงโซ่เส้นนี้เมื่อไร จะมีลิงตัวหนึ่งนอกเหนือจากหกตัวนี้ ถูกกระแสไฟฟ้าช๊อตจนร้องเสียงหลงทุกครั้ง ผลปรากฏว่า มีลิงสี่ตัวเปลี่ยนใจไม่ยอมดึงโซ่เส้นนี้ กลับไปดึงเส้นอื่นแทน ทั้งๆที่ถ้าดึงเส้นอื่น จะได้อาหารตอบแทนเพียงเล็กน้อยก็ตาม และลิงตัวที่ห้าไม่ยอมดึงโซ่ใดๆนาน 5 วัน ส่วนตัวที่หก ยอมอดอาหารไม่ยอมดึงโซ่ถึง12วัน คือทนหิวโดยไม่ยอมให้เพื่อนต้องเจ็บ ตัวอย่างที่แสดงมาทั้งหมดนี้ ชี้ให้เห็นว่าคุณธรรม ความเอื้ออาทร ความเมตตากรุณานั้น เป็นสิ่งที่ฝังตัวมีมาตั้งแต่เกิด ไม่จำเป็นต้องมาปลูกฝังด้วยการท่องจำหรือร่ำเรียนจากตำราแล้วก็นำมาออกข้อสอบ แต่เป็นสิ่งที่ควรส่งเสริม เหมือนดัง อาจารย์ ติช ได้กล่าวไว้ว่า เพียงรดน้ำพรวนดินต้นอ่อนคุณธรรมที่มีอยู่แล้วให้เจริญงอกงามเท่านั้น ทีนี้มาดูการเลี้ยงดูของพ่อแม่ ครู สภาพแวดล้อมทางสังคม และสถาบันการศึกษาทั้งหลาย สิ่งเหล่านี้ได้ช่วยรดน้ำต้นคุณธรรมนี้ หรือช่วยกันขุดถอนเอาต้นคุณธรรมนี้ออก ลูกไปสอนเพื่อนทำการบ้าน กลับตำหนิลูกว่า ทำไมโง่อย่างนี้ เดี๋ยวเวลาสอบเขาก็ได้คะแนนดีกว่า เพื่อนเดือดร้อน ทำเงินที่พ่อแม่เขาให้มาหาย ก็เลยนำเงินตนเองให้เพื่อนยืมก่อน แม่ก็ตำหนิว่า ช่วยเขาแล้วเราจะได้อะไร ดีไม่ดี ไม่มีมาคืนอีก ขาดทุนเปล่าๆ ครูสอนหนังสือที่โรงเรียนตามหน้าที่ แต่ไปสอนพิเศษนอกเวลา เพื่อติวและบอกข้อสอบ กับเด็กที่มาเรียนพิเศษกับตน โรงเรียนติดป้ายเชิดชูเด็กที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง จัดห้องพิเศษเพื่อเด็กกลุ่มนี้ เพราะเด็กกลุ่มนี้จะได้สร้างชื่อให้กับโรงเรียน ซึ่งตัวผู้บริหารระดับสูงของโรงเรียนจะได้มีหน้าตา แต่เด็กอีกกลุ่มถูกทอดทิ้งไม่เหลียวแล ไม่มองหาสิ่งที่ดีๆที่ไม่จำเป็นจะต้องเป็นเรื่องคะแนนสอบ ต้นคุณธรรมที่มีอยู่จึงเหี่ยวเฉา กลายเป็นเด็กหลังห้องเด็กเหลือเดน เป็นกากสังคมไป คุณธรรมความดีไม่ใช่สิ่งที่ต้องมาเทศนาสั่งสอน เพียงการเปิดโอกาสให้เขาได้เห็น ได้แสดงออก ได้มีการยกย่องชมเชยจากสังคม เช่นลูกสอนการบ้านเพื่อน แทนที่จะตำหนิ กลับยกย่องในความเอื้ออาทรที่ลูกมีต่อเพื่อน เพียงแค่นี้ต้นคุณธรรมก็ได้รับการรดน้ำให้เติบโตจากคนที่เป็นพ่อแม่แล้ว ความเมตตากรุณา ถ้าสังคมต่างให้กันปฏิบัติต่อกัน ก็เหมือนการช่วยกันรดน้ำพรวนดินเมล็ดพันธุ์แห่งคุณธรรมความดีของคนทั้งหมด ให้เติบโตกันขึ้นมา ถ้าเรารู้ เราก็ไม่ต้องรอให้ใครมาปลูกให้เรา เราสามารถปลูกต้นเหล่านี้ให้เกิดในคนอื่นได้ เช่น คนที่โกรธเรา คนที่เคยทำไม่ดีกับเรา การที่เราไม่ถือโทษ เจ้าคิดเจ้าแค้นเขา แต่เมตตากรุณาเขา แม้บางครั้งเขาอาจพูดไม่ดีทำไม่ดีกับเรา การที่เราไม่ตอบโต้ ไม่โกรธตอบ เขาอาจสงสัยในตอนแรก แต่ในที่สุด ต้นคุณธรรมที่มีอยู่ในทุกผู้คน ย่อมต้องเติบใหญ่ขึ้นมาได้ คนที่เคยเห็นแก่ตัว พอมาอยู่ในสังคมที่มีแต่คนเอื้ออาทรช่วยเหลือกัน เขาคนนั้นย่อมสามารถเปลี่ยนแปลงตนเองได้ ยิ่งมีการเชิดชูคุณความดีด้วยแล้ว ยิ่งเร้าความอยากที่จะเป็นคนดีขึ้นมาได้ และถ้าแม้เราทำเช่นนี้กับคนอื่น ต้นคุณธรรมเขาจะอาจไม่เติบโตตามการให้ของเรา เราก็ไม่ต้องขุ่นเคืองใจว่าทำดีกับเขาแล้ว ทำไมเขาไม่ดีตอบ เราทำดี ต้นคุณธรรมของเราก็ดีอยู่แล้ว ส่วนคนที่เราทำดีด้วย ถ้าต้นคุณธรรมเขาเติบโตขึ้น ก็เป็นเรื่องน่าอนุโมทนา แต่ถ้าไม่ เราก็ไม่สามารถจะไปกำหนดอะไรได้ คุณธรรมความดีเป็นเรื่องของอารมณ์ความรู้สึกที่ฟูออกมาจากหัวใจ แต่เพราะสิ่งที่เป็นกิเลสทั้งหลายที่มีประจำจิต ทำให้เราปรุงแต่งออกมาผิดจากสิ่งที่มาจากหัวใจ ถ้าจะว่าไปก็คือ กุศลจิตเรามีอยู่ แต่เพราะอกุศลจิตเข้าแทรก ซึ่งก็คือเรามักใช้สมองที่อ้างเป็นเหตุเป็นผลในการที่จะกระทำหรือไม่กระทำ เพื่อให้ตนพ้นจากการถูกตำหนิตัวเอง พูดง่ายๆก็คือ ข้ออ้าง นั่นเอง เช่น เจอคนขับรถมาเบียดมาแทรก เราก็ไม่ยอม เราให้เหตุผลที่ดีกับตนเองว่า จะได้ดัดนิสัย คนที่ชอบแทรก ลองมาคิดกับตนเองเล่นๆดูนะ เวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาทีนั้น เราคิดจะไปดัดนิสัยคนอื่นได้อย่างไร ตัวเราเองยังดัดนิสัยตนเองไม่ได้ คนที่ขับมาแทรกเขาอาจไม่คุ้นทาง หรือเขาอาจมีธุระที่รีบด่วน บางคนอาจมองว่าจะทำให้สังคมไร้ระเบียบ ซึ่งจะว่าไปก็ถูกต้อง แต่การจัดระเบียบนี้เป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงาน ที่จะต้องว่ากล่าวตักเตือน หรือเรียกค่าปรับ ไม่ใช่หน้าที่ของเราที่จะไปเที่ยวสั่งสอนผู้อื่น และโดยความเป็นจริง คนที่ชอบเบียดเบียนผู้อื่นด้วยเหตุไม่บังควรนี้จนเป็นนิสัย วันหนึ่งเขาย่อมหาเรื่องใส่ตัวมิช้ามินานเป็นแน่แท้ คุณธรรมความดี เช่นความเมตตากรุณาที่มีในจิตใจ แล้วมีการกระทำแสดงออก มันเป็นความสุขอย่างหนึ่งที่เราไม่ต้องใช้เงินซื้อหา ยิ่งถ้าในสังคมมีการกล่าวถึงแสดงถึงเนืองๆในเรื่องการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน การเสพข่าวเช่นนี้มันเป็นความสุขของคนในสังคม เราสังเกตเองได้บางครั้งการฟังข่าวที่เป็นเรื่องของความเอื้ออาทรต่อกันของบุคคล เรายังรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจไปกับข่าวสารนี้ ดังนั้นการปลูกฝังคุณธรรมหรือการปลูกเมล็ดพันธุ์แห่งความดีจึงไม่จำเป็น เพราะคนเรามีกันทุกคน เพียงแต่เราต้องคอยหมั่นรดน้ำพรวนดินให้มันเจริญเติบโต เมื่อเมล็ดพันธุ์เช่นนี้เจริญเติบโต ความเห็นแก่ตัว การขาดคุณธรรมในสังคมมันย่อมลดน้อยไปเอง ข้อสำคัญคือ เราไม่รู้กระบวนการและวิธีการ เพราะสภาพสังคมมันหล่อหลอม ความไม่รู้ของเรามากขึ้นทุกวัน
|
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |