ก่อนอื่นต้องออกตัวก่อนว่าไม่ได้อยู่เมืองไทยมา กว่าแปดปี เฝ้ามองความเป็นไปตลอด หากเนื้อหาที่จะพูดถึงต่อไปนี้ ไม่เป็นไปตามความเห็นของ "คนใน" ก็จงโปรดเข้าใจว่ามันเป็นหนึ่งมุมมองของคนที่มองจากระยะไกลคนหนึ่งเท่านั้น

แท้บเล็ตเพื่อเด็กป.๑ งบประมาณ ๗๕,๐๐๐ ล้านบาท ที่เสนอโดยรัฐบาลปัจจุบัน และกำลังอยู่ในระยะดำเนินการที่ไกล้จะได้แจกแก่นักเรียนตัวน้อยๆ วัย ๗ - ๘ ขวบเร็วๆนี้

คำถามที่มีขึ้นมาในทันทีก็คือ 

๑ นโยบายที่ใช้เงินมากขนาดนี้ได้ผ่านการไตร่ตรองถึงผลประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศหรือยัง 

๒ ผู้ที่ได้ประโยชน์คือเด็กที่จะได้เรียนรู้โดยปราศจากขอบเขตจริงหรือ

๓ ได้มีการสำรวจถึงความปลอดภัยและผลกระทบต่อสุขภาพของเด็กหรือไม่

๔ ได้มีการศึกษาและวางแผนเพื่อรองรับความต้องการด้านสาธารณูปโภค เพื่ออินเตอร์เนต ความเร็วสูง ไร้สาย การอบรมการใช้ การซ่อมบำรุงแล้วหรือยัง

๕ สุดท้ายแน่ใจแล้วหรือว่าเทคโนโลยีด้านนี้เป็นอุปสรรคอย่างยิ่งต่อการเรียนรู้ของเด็กไทย ซึ่งหากแจกแท้บเล็ตไป เด็กไทยจะฉลาด และสามารถต่อสู้ในเวทีโลกได้อย่างไม่มีข้อสงสัย

ดิฉันถามขึ้นมาโดยไม่หวังคำตอบ แต่มีความเป็นห่วงอย่างยิ่งต่อเยาวชนไทย ที่กำลังจะได้รับผลกระทบจากแท้บเล็ตที่รับการยัดเยียดมาโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ 

อย่างแรกเลยคือด้านสุขภาพ เพราะพลังคลื่นที่เกิดจากการใช้อินเตอร์เนตไร้สายเป็นก่อเกิดของหลายโรค คุณรู้หรือไม่ว่า หากไปตรวจสุขภาพเกี่ยวกับอวัยวะสืบพันธ์ุทั้งชายหญิงในยุโรปตอนนี้เค้าจะประเมินความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งด้วยการถามว่าได้ใช้อินเตอร์เนตไร้สายเป็นประจำหรือไม่ ต่อจากคำถามอมตะนิรันด์กาลว่าสูบบุหรี่หรือไม่ ยิ่งอ่านบทความจากสื่อที่บอกว่าแท้บเล็ตที่จะแจกไม่ได้มีราคาแพงอะไร ผลิตจากอินเดียหรือจีน ดิฉันยิ่งเป็นห่วง แน่นอนว่าการตรวจสอบด้านความปลอดภัยจะหย่อนมาตรฐานลงมาก นี่ยังไม่นับภัยจากการถูกแย่งชิงทรัพย์หากเด็กมีแท้บเล็ตขณะอยู่ลำพัง

อย่างที่สองที่เป็นห่วงคือการลดทอนศักยภาพในการเรียนรู้ของเด็ก สำหรับเด็กป. ๑ สิ่งที่เค้าควรจะเรียนรู้นอกจากการอ่านเขียน คือ ธรรมชาติแวดล้อม ดินฟ้าอากาศ เพื่อนและคนรอบข้าง สิงสาราสัตว์ มันไม่ใช่เลยที่จะยัดเยียดไฟที่ไร้ประโยชน์ใส่มือเค้า ให้เค้าเรียนรู้โลกจากอินเตอร์เนต แทนที่จะเรียนจากโลกจริงๆ ที่อยู่ตรงหน้า ขอยกตัวอย่างประเทศที่ก้าวหน้าอย่างมากเช่น สหรัฐอเมริกาที่มีเยาวชนจำนวนมากติดอินเตอร์เนตอย่างรุนแรง เค้าสำรวจพบว่าเด็กเหล่านี้หลายคนจะกลายเป็นคนที่แปลกแยกในสังคม และในอนาคตมีแนวโน้มจะก้าวร้าว รุนแรง คุณๆยังจำข่าวที่เด็กอเมริกันเชื้อสายเกาหลีที่ลากปืนมาฆ่าเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนียร์เทคเมื่อหลายปีมาแล้วได้หรือไม่ นี่คือผลผลิตของเด็กที่แปลกแยกและฝังตัวเองในโลกอินเตอร์เนต ตอนนี้หลายๆประเทศที่พัฒนาแล้วเล็งเห็นผลเสียในเรื่องนี้ เค้ามีการสื่อสารกับผู้ปกครองให้มีการดูแลเด็กอย่างไกล้ชิด สองประเทศที่ดิฉันอยู่มาถือว่าเป็นประเทศชั้นนำทางด้านการพัฒนาและเทคโนโลยี ดิฉันไม่เคยเห็นเด็กตัวเล็กขนาดเด็กป.๑ ใช้แท้บเล็ต คนที่ใช้ส่วนใหญ่จะเป็นนักธุรกิจ นักศึกษามหาวิทยาลัยนักเรียนมัธยมปลายแม้จะมีบ้างก็น้อยมาก เพราะราคาไม่ได้ถูกและหากพวกเค้ามีกันก็จะใช้อย่่างคุ้มค่าทีเดียว หลายครอบครัวที่ดิฉันรู้จัก มีคอมเพียงคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะตัวเดียวในบ้าน ตั้งอยู่ในห้องนั่งเล่นสำหรับทุกคนในครอบครัวได้ใช้ ไม่จำเป็นเค้าก็ไม่ใช้ wifi เพราะตระหนักถึงอันตราย เด็กและพวกที่เริ่มเป็นวัยรุ่นที่นี่จะใช้เวลาเยอะมากกับกีฬา และชีวิต เอ้าท์ดอร์ พวกเดินป่า ตั้งแค้มป์ โดยเน้นความไกล้ชิดธรรมชาติและประหยัด เน้นคำว่าประหยัด เพราะว่าเด็กที่นี่จะแข่งกันที่ economy and ecology ไม่ใช่ thoughtless technologies อย่างแถบบ้านเรา  เด็กของเค้ามีความคิดสร้างสรรค์ และมีความรักในประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และศิลปะของบ้านเมืองเค้ามาก การท่องเที่ยวกับครอบครัวก็เป็นการเปิดโลกแก่เด็กได้อย่างดี สร้างความไกล้ชิดและสนใจในมนุษย์รอบตัวของเด็กพวกนี้ และนำพาให้พวกเขาสามารถปรับตัวกับสังคมได้อย่างไม่มีปัญหา 

ทั้งหมดนี้ดิฉันไม่ได้เหมาว่ามันแย่ทั้งหมดในเมืองไทย จากการติดตามข่าวสารก็น่าดีใจว่ามีพ่อแม่ ครูอาจารย์ไทยไม่น้อย ที่เล็งเห็นปัญหา และกำลังปรับวิธีคิด วิธีเลี้ยงและสอนลูกๆของเขาให้เป็นคนที่มีความสุข ไม่เป็นภัยต่อสังคมและยืนอยู่ได้อย่างมั่นคงในอนาคต

การศึกษาเมืองไทยยังมีอีกมากที่ต้องการการพัฒนา โดยเฉพาะด้านบุคลากร ครูที่มีความรู้ อาคารเรียน โรงเรียน อาหารกลางวัน การขนส่งเดินทางไปโรงเรียน หนังสือ อุปกรณ์การเรียนพื้นฐาน หรือแม้แต่ห้องคอมพิวเตอร์สำหรับนักเรียนทั้งโรงเรียน ไม่ใช่แท้บเล็ตอย่างแน่นอน อยากอ้อนวอนให้รัฐให้ความสนใจและเข้าถึงปัญหาแท้จริงของการศึกษาไทยมากกว่านี้ ใช้เงินภาษีคนไทยให้คุ้มค่าเพื่อประโยชน์ของชาติอย่างแท้จริง

บ่นมายาวเพื่อจะสรุปว่า ถ้าดิฉันมีลูก ป. ๑ และใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองไทย เจ้าตัวเล็กต้องอดได้แท้บเล็ตอย่างเป็นแน่ ดิฉันเห็นโทษมากกว่าประโยชน์ค่ะ