เมื่อปลายเดือนที่แล้ว...โทรศัพท์คุยกับเพื่อน.. บอกว่าจะไปทดลองโดยสารรถไฟฟ้า BTS ส่วนต่อขยายสถานีอ่อนนุช-ซอยแบร์ริ่ง... เพื่อนผม แนะนำว่า ไหนๆ ไปจนเกือบจะถึงปากน้ำ (สมุทรปราการ) แล้ว ก็ควรจะต่อรถไปเที่ยวแถวนั้นเสียด้วย... ผมถามว่า ปากน้ำ มีอะไร...? เพื่อนผมแนะนำว่า ก็เจดีย์กลางน้ำ ไง... เจดีย์กลางน้ำ ... ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับฝั่งตัวเมืองสมุทรปราการ แค่นี้.. !! ได้ฟังแล้ว.. จึงคิด คิด คิด วางแผน.. การเดินทางคร่าวๆ เพราะครั้งล่าสุดที่เคยไปถึงปากน้ำ นั้น คือ ปี 2521 แต่ถึงปี 2554 การเดินทางสะดวกกว่าในอดีต มีทางเลือกเพิ่มขึ้น... จึงทำให้การเดินทางไปจนถึง ปากน้ำ ในครั้งนี้ เป็นแผนที่คิดขึ้นมาปัจจุบันทันด่วน... ต่อเนื่องจากแผนเดิม คือ ไปทดลองโดยสารรถไฟฟ้า BTS ส่วนต่ออ่อนนุช-ซอยแบร์ริ่ง... --------------> วันนั้น... ผมโดยสารรถไฟฟ้า BTS จากสถานีต้นทาง คือ สถานีจตุจักร รวดเดียว ไปจนถึงสถานแบร์ริ่ง.. ซึ่งตลอดช่วงของการเดินทาง... ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น.. เมื่อไปถึงสถานีแบร์ริ่ง ก็เดินลงจากสถานีไปต่อรถเมล์... ซึ่งมีมากมายหลายสาย ที่เขียนไว้ข้างๆ ว่า "ปากน้ำ" --------------> เนื่องจากเป็นวันอาทิตย์... การจราจรบนท้องถนนจึงเบาบาง.. ว่างโล่ง... ผมจึงโดยสารรถเมล์อย่างสบายๆ.. เรื่อยๆ ไปจนเข้าเขตตัวเมืองปากน้ำ นั่งเพลิน...จนกระทั่ง...รถเมล์แล่นผ่านโรงเรียนนายเรือ... แล้วก็ผ่านศาลากลาง... ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำกว้าง... ก็นึกขึ้นมาได้ว่า.. เจดีย์กลางน้ำ ที่เพื่อนผมแนะนำตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามศาลากลางจังหวัดสมุทรปราการ.. จึงลุกขึ้นกดกริ่ง... เพื่อให้รถเมล์จอดป้ายหน้า... กดกริ่งปุ๊บ.. รถเมล์จอดปั๊บ... ได้ยินเสียงกระเป๋าตะโกนถามว่า ตรงนี้หรือเปล่า พี่...? ดีแฮะ... (ผมคิด) รถเมล์แถวนี้ใจดี กดกริ่งให้จอด ก็จอด โดยไม่ต้องสนใจว่ามีป้ายรถเมล์หรือเปล่า... บรรยากาศบ้านๆ ดีจัง..!! ลงจากรถเมล์ ข้ามฝั่งถนน เดินย้อนกลับไปทางศาลากลางจังหวัด... เดินไปคิดไป ว่า... จะข้ามไปฝั่งโน้นได้อย่างไร... ผมเดินเข้าไปในบริเวณศาลกลางจังหวัด จนถึงริมแม่น้ำเจ้าพระยากว้าง... มองไปฝั่งตรงข้าม เห็นเจดีย์..
(ภาพที่ 1 มองไปฝั่งตรงข้ามลิบๆ เห็นเจดีย์..) (ภาพที่ 2 ภาพซูม...)
มองไปรอบๆ เห็นผู้คนพูดภาษาแปลกๆ เดินไปมาเต็มไปหมด.... ราวกับไปเดินอยู่ต่างประเทศ (พม่า) จึงตัดสินใจ เดินไปถามแม่ค้าขายอาหารตามสั่งใกล้ๆ กับสำนักงานเทศบาลเมืองสมุทรปราการ ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกันกับศาลากลางจังหวัด ชวนคุย.. ว่า "พวกนั้น (หมายถึงผู้คนที่พูดภาษาแปลกๆ..) มาทำอะไรกันแถวนี้.." แม่ค้าบอกว่า "ก็วันนี้เป็นวันขึ้นทะเบียน คนต่างด้าวทำงานในบ้านเรา เป็นวันสุดท้าย..." ที่จริงไม่อยากรู้มากถึงขนาดนั้น.. แต่ก็จำเป็นต้องหาเรื่องคุย... ผมพยักเพยิด.. คุยกับแม่ค้าไปเรื่อย.. จากนั้นก็วกเข้าเรื่อง... "เจดีย์ที่เห็นฝั่งโน้น.. คือ พระสมุทรเจดีย์ใช่มั้ย.." "ใช่จ้ะ" แม่ค้าตอบ "แล้วจะข้ามไปได้อย่างไร.." ผมถาม "โน่น.. ต้องไปลงเรือข้ามฟากที่ตลาด.. ต้องเดินจากศาลากลาง ไปอีก..." แค่นี้ก็ได้เรื่อง... "ขอบคุณมากครับ...เพิ่งเคยมา.." จากนั้นผมจึงเดินออกไปจากบริเวณศาลากลางจังหวัด เลี้ยวขวาไปทางตลาด... เดินไปไกลพอสมควร... เห็นป้ายเขียนว่า "ท่าเรือ" จึงเลี้ยวขวาอีกครั้งเข้าไป.. ท่าเรือตั้งอยู่ในตลาดสด... เดินผ่านแผงขายของไปเรื่อยๆ ก็จะเห็นป้ายบอกชัดเจน.. ผมเดินเข้าไปยืนเมียงมองทางเข้าท่าเรือ ซึ่งมีที่กั้นเหมือนๆ กับเรือข้ามฟากท่าพระจันทร์.. "ท่าเรือนี้ใช่มั้ยครับ ที่ข้ามไปพระสมุทรเจดีย์" "ใช่ค่ะ... " พนักงานตอบยิ้มๆ จ่ายค่าเรือข้ามฟาก 4 บาท ครับ แล้วจึงเดินผ่านที่กั้นเข้าไปที่ท่าเรือด้านใน... เมื่อเรือแล่นเข้ามาจอด... ดูเผินๆ เรือข้ามฟากก็ใหญ่โตดีครับ... แต่เรือข้ามฟากที่นี่ กลับไม่ได้กว้างขวาง มีที่ให้เดินได้ทั่วทั้งลำ อย่างเรือข้ามฟากท่าพระจันทร์ หากใครที่เคยโดยสารเรือด่วนคลองแสนแสบ.. ที่นั่งบนเรือข้ามฟากนี้ จะมีลักษณะเช่นเดียวกัน คือ วางไม้กระดานพาดตามขวาง เป็นที่นั่ง ผู้โดยสารที่ลงเรือก่อน จึงต้องขยับไปด้านในสุด.. เพื่อให้ผู้โดยสารคนถัดมา ได้นั่งเรียงๆ กัน.. หาก นั่งลงไปแล้ว.. ก็จะไม่สามารถขยับ หรือเดินไปชมทิวทัศน์อีกด้านหนึ่งได้... ดังนั้น.. ถ้าหากต้องการถ่ายภาพทิวทัศน์อีกด้านหนึ่ง ก็จะต้องเป็นขากลับ.. แล้วเลือกนั่งให้ตรงกับด้านที่ต้องการ... ภาพถ่าย...การข้ามฟากครั้งนี้ จึงถ่ายได้แต่เฉพาะด้านซ้าย ที่ผมนั่ง..
(ภาพที่ 3 เรือโดยสารข้ามฟากระหว่างท่าตลาดปากน้ำ-ท่าพระสมุทรเจดีย์ ค่อยๆ แล่นอ้อมเกาะที่ตั้งป้อมผีเสื้อสมุทร ไปยังท่าพระสมุทรเจดีย์) (ภาพที่ 4 ริมตลิ่ง..ส่วนหนึ่งยังคงมีสภาพเป็นป่าชายเลน)
(ภาพที่ 5 เรือข้ามฟากนี้ จะมีลักษณะเช่นเดียวกับเรือด่วนคลองแสนแสบ คือ วางไม้กระดานพาดตามขวาง เป็นที่นั่ง ผู้โดยสารที่ลงเรือก่อน จึงต้องขยับไปด้านในสุด.. เพื่อให้ผู้โดยสารคนถัดมา ได้นั่งเรียงๆ กัน..) (ภาพที่ 6 ใกล้จะถึงท่าพระสมุทรเจดีย์ จะมีเรือข้ามฟากจอดเรียงกัน) (ภาพที่ 7 เลยจากแถวเรือข้ามฟาก ก็จะถึงท่าพระสมุทรเจดีย์) (ภาพที่ 8 ท่าพระสมุทรเจดีย์ สภาพราวกับท่าเรือตามต่างจังหวัด...) (ภาพที่ 9 เมื่อเดินขึ้นจากท่าเรือ.. หันไปทางขวามือ..ก็จะพบกับวัดพระสมุทรเจดีย์) วัดพระสมุทรเจดีย์ หมู่ 3 บ้านเจดีย์ ตำบลปากคลองบางปลากด อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ เป็นวัดราษฎร์ ฝั่งตรงข้ามศาลากลางจังหวัดสมุทรปราการ มีผู้คนมาเคารพสักการะบูชา และยังเป็นสัญลักษณ์ประจำจังหวัดสมุทรปราการ ผู้คนทั่วไปจะเรียกกันติดปากว่า พระเจดีย์กลางน้ำ เนื่องจากเดิม บริเวณที่ก่อสร้างพระสมุทรเจดีย์เป็นเกาะที่มีน้ำล้อมรอบ ต่อมาชายตลิ่งฝั่งขวาของแม่น้ำตื้นเขินงอกออกมา เชื่อมติดกับเกาะอันเป็นที่ตั้งพระเจดีย์ (ภาพที่ 10 ที่ตั้งของวัดพระสมุทรเจดีย์ เคยมีน้ำล้อมรอบ เรือสามารถแล่นรอบๆ วัดได้ แต่ภายหลังสายน้ำเปลี่ยนทิศทาง เกิดแผ่นดินงอก ทำให้วัดซึ่งเคยมีฉายาว่า "เจดีย์กลางน้ำ" ตั้งอยู่บนฝั่ง) (ภาพที่ 11 ปัจจุบัน.. วัดพระสมุทรเจดีย์ ตั้งอยู่บนพื้นที่ต่ำกว่าระดับแม่น้ำ ในภาพ คือ หอระฆัง (ริมซ้าย) มีไว้เพื่อให้ผู้ศรัทธาเคาะเพื่อสักการะบูชาพระบรมสารีริกธาตุในพระเจดีย์ และ หอเทียน (กลางภาพ) ซึ่งมีไว้เพื่อจุดประทีบให้ความสว่างยามค่ำคืน) (ภาพที่ 12 มองจากประตูด้านหน้าพระวิหาร เข้าไปภายใน) (ภาพที่ 13 มองเห็นพระปางห้ามสมุทร (องค์ยืนหลังสุด) พระประจำพระชนมวาร รัชกาลที่ 3) (ภาพที่ 14 หมู่พระพุทธรูปภายในพระวิหาร) (ภาพที่ 15 หมู่พระพุทธรูปภายในพระวิหาร องค์นั่งด้านหน้า (ขวาา) คือ พระปฏิมาชัยวัฒน์ ถือว่าเป็นพระพุทธรูปประจำวิหาร) (ภาพที่ 16 พระปฏิมาชัยวัฒน์ พระพุทธรูปประจำวิหาร (ริมซ้าย) มุมมองจากด้านหลังออกไปทางประตูทางเข้าพระวิหาร) (ภาพที่ 17 มองจากภายในพระวิหารออกไปด้านหน้า มองเห็นอุบาสิกา นั่งสวดมนต์อยู่ด้านนอกประตู) (ภาพที่ 18 อีกมุมมองหนึ่งจากพระวิหาร มองเห็น หอเทียน มุมขวาของพระวิหารหลวง) (ภาพที่ 19 อุบาสิกา อีกท่านหนึ่งกำลังอธิษฐานขอพรอยู่ด้านหน้าของประตูทางเข้าพระวิหาร) (ภาพที่ 20 เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน ที่พบว่า มีอุบาสกกำลังปฏิบัติธรรมในวันพระ ซึ่งน่ารักมาก.. เห็นผมเดินถือกล้องเดินผ่าน มา ก็เชิญชวนให้ถ่ายภาพ..) (ภาพที่ 21 พระสมุทรเจดีย์ ด้านหลังพระวิหารหลวง) (ภาพที่ 22 ตรงนี้ เมื่อก่อนเป็นท่าเทียบเรือพระที่นั่ง (รัชกาลที่ 3 และรัชกาลที่ 4) ซึ่งเมื่อก่อนยื่นออกไปจากเกาะที่ตั้งพระสมุทรเจดีย์ แต่ปัจจุบันอยู่ภายในกำแพงกั้น สังเกตได้ชัดเจนว่า ที่ตั้งพระสมุทรเจดีย์ในปัจจุบันต่ำกว่าระดับน้ำในแม่น้ำ) (ภาพที่ 23 ด้านข้างของพระสมุทรเจดีย์ มองเห็นพระเกี้ยวตรงกลางภาพ... พระเกี้ยว สร้างขึ้นในรัชกาลที่ 4 ประดิษฐานอยู่ 4 มุมของพระสมุทรเจดีย์) (ภาพที่ 24 อีกมุมมองหนึ่งของด้านข้างพระสมุทรเจดีย์) (ภาพที่ 25 ศาลาทรงยุโรป ซึ่งรัชกาลที่ 4 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รื้อพระวิหารน้อง 2 หลังเดิม สร้างใหม่เป็นศาลาโถง 5 ห้อง เพื่อใช้ประกอบพิธีต่างๆ) (ภาพที่ 26 ฐานโพธิ์ ซึ่งเดิมเคยปลูกต้นโพธิ์ไว้ ต่อมาต้นโพธิ์เดิมโรยราไปตามอายุขัย เมื่อมีการปรับปรุงภูมิทัศน์ จึงนำหน่อโพธิ์จากพุทธคยามาปลูกไว้ เมื่อปี 2500) (ภาพที่ 27 พระสมุทรเจดีย์ มุมมองจากด้านหลัง ข้างๆ ศาลาทรงยุโรป) (ภาพที่ 28 มองขึ้นไปบนพระสมุทรเจดีย์) (ภาพที่ 29 เมื่อขึ้นเดินบันไดไปบนทางเดินรอบพระสมุทรเจดีย์) (ภาพที่ 30 พบว่ามีดอกไม้ ซึ่งคนงานปรับปรุงภูมิทัศน์ เดินขึ้นมาวางไว้บูชาพระสมุทรเจดีย์) (ภาพที่ 31 ดอกไม้ ซึ่งคนงานปรับปรุงภูมิทัศน์ ชวนกันขึ้นมาวางบูชาพระสมุทรเจดีย์) (ภาพที่ 32 มุมมองจากบนพระสมุทรเจดีย์ออกไปทางแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ไกลลิบๆ คือ ฝั่งตรงข้ามซึ่งเป็นที่ตั้งศาลากลางจังหวัดสมุทรปราการ ส่วนด้านขวา คือเกาะที่ตั้งป้อมผีเสื้อสมุทร ด้านหน้าของท่าเรือพระสมุทรเจดีย์) อ้างอิง: http://kanchanapisek.or.th/kp8/culture/smp/samut1.html http://th.wikipedia.org/wiki/วัดพระสมุทรเจดีย์ |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
กล้วยนาก | ||
![]() |
||
ไปเจอกล้วยนาก ที่ตลาดเช้าอีกแห่งหนึ่งในเมืองพิษณุโลก สีของกล้วยชนิดนี้ช่างสมกับชื่อ "นาก" จริงๆ (หากใครที่เคยเห็น "นาก" ซึ่งเป็นส่วนผสมระหว่างทองคำ กับ ทองแดง จะเข้าใจถึง สีของกล้ |
||
View All ![]() |
<< | กันยายน 2011 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | ||||
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |