ค่ำคืนที่เหน็บหนาว..นอนอาบแสงดาวบน "ภูลังกา"

           สุดยอดการเดินทางพิชิตยอดเขา "ภูลังกา" จ.บึงกาฬ ไม่มีเส้นทางเดินไหน จะเหน็ดเหนื่อยและท้าทายเท่าการเดินทางขึ้นยอดเขาภูลังกา ของผมและคณะในครั้งนี้ ถ้าไม่ตั้งใจจริงมาที่นี่รับรองว่าไม่มีทางจะมาถึงเพราะเส้นทางเดินบนยอดเขาที่สูงชัน ขึ้นแล้วขึ้นอีก สูงแล้ว..ก็ยังสูงขึ้นไปอีก  การเดินทางพิชิตยอดเขาภูลังกาของผมคราวนี้ ไม่เหมือนสมัยยังวัยรุ่นเดินขึ้นภูกระดึงมาแล้วถึง 2 ครั้ง ว่าไปแล้ว สมัยเป็นวัยรุ่นเดินขึ้นภูกระดึง สบายๆ ชิวๆ เพราะสมัยนั้นยังแข็งแรงด้วยกำลังที่แข็งแกร่ง แม้ "ภูกระดึง จังหวัดเลย "จะสูงมากแล้ว..แต่ภูลังกา ที่จังหวัดบึงกาฬแห่งนี้ ไม่น่าเชื่อบนยอดเขาสูงจะเป็นหลังแปแบบภูกระดึง และการเดินขึ้นเขาจะทรหดและยากกว่าด้วยซ้ำ เพราะการเดินทางขึ้นเขาครั้งนี้ มาขึ้นเขาในวัยที่เลยวัยเกษียญอายุแล้ว จะก้าว จะเดินแต่ละก้าวเหนื่อยสายใจแทบขาด ถ้ามาสมัยเป็นวัยรุ่นคงไม่เหนื่อยมากขนาดนี้..แม้จะเหนื่อย จะลำบาก ถ้าเรามุ่งมั่น เพียรพยายาม ..ค่อยๆเดินไป เหนื่อยนักก็พักบ้างจะเป็นไรไปเพราะเราตั้งใจมาขนาดนี้แล้ว..สู้ๆ

             เส้นทางเดินขึ้นยอดเขาภูลังกา จะเป็นบันใดปูน มีราวจับเป็นเหล็ก เป็นช่วงๆตลอดทางขึ้น บางจุดต้องเดินขึ้นสูงชันแต่มีราวเหล็กให้จับ เดินไป พักไป เหนื่อยก็นั่งพักที่บันใด มองทิวทัศน์เบื้องล่าง ที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ..ขึ้นมาถึงหลังแปแล้ว..ไหนล่ะเจดีย์ภูลังกา..โน่น..จุดหมายอยู่ที่โน่น..ต้องเดินต่อ..เฮ้อ !

          ทางเดินบนภูลังกา..จะมีบันใดปูน และราวจับแบบนี้ ตลอดเส้นทางขึ้น สำหรับคนที่เดินเก่งๆ และร่างกายแข็งแรง จะรู้สึกว่าเดินสะดวก นับก้าวบันใดขึ้นทีละขั้นๆ สำหรับผมและคณะ ต้องใช้เวลาเดินราวๆ 5 ชั่วโมง ถึงยอดเขา ที่ตั้งเจดีย์ภูลังกา

            กว่าจะเดินขึ้นมาถึงจุดนี้..ใช้เวลากว่า 4 ชั่วโมง จึงจะมองเห็นยอดเจดีย์ภูลังกา สีทองอร่ามอยู่ตรงหน้า...เห็นเป้าหมายแล้ว เดินอีกอึดใจเดียวก็จะถึงแล้ว อดทนนะ ...สำหรับผมมาถึงตรงนี้...ขาเมื่อยล้าไปหมดแล้ว แทบอยากจะนอนมันตรงซะเลย

            เส้นทางเดินบนยอดเขา หลังแปภูลังกา เดินบนลานหินล้วนๆ บางจุด มีร่องรอยเท้า ทำทางเดินไว้ บางจุดเดินขึ้นเขาสูงชันแบบไม่มีราวจับ ต้องโน้มตัวไปข้างหน้า...ก้าวเท้าอย่างมั่นคง ห้ามมองกลับหลัง มุ่งหน้าขึ้นจนถึงยอดเขา

             มาถึงลานด้านล่างของเจดีย์ภูลังกาแล้ว...เราหาจุดที่จะเป็นที่พักที่เป็นลานหินข้างล่าง โดยอาศัยยอดเขาภูลังกา ที่มีเจดีย์เป็นที่บังลมให้ นอนหันหัวไปทางเจดีย์ เพราะเป็นทิศตะวันออก และลมจะพัดมาจากแม่น้ำโขงที่อยู่ไกลลิบๆ เขาฝั่งโน่นคือประเทศ สปป.ลาว

              เป็นบุญจริงๆ..ที่ชีวิตมาถึงจุดนี้ได้ "เจดีย์ภูลังกา" ที่ตั้งตระหง่านท่ามกลางสายลม แสงแดด ที่โหมกระหน่ำ บนยอดเขาแห่งนี้ กราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์ พระอาจารย์ยงยศ..ที่นำพาคณะเราขึ้นมาบนนี้ได้อย่างปลอดภัย และถึงจุดหมายที่ตั้งใจมา

                จุดสุดยอด ภูลังกา บนยอดภูเขาภูกองข้าว จ.บึงกาฬ

              พระธาตุภูลังกา สร้างโดยพระอาจารย์สมชาย ปุญฺญมโน เจ้าอาวาสวัดป่าสว่างบุญ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ท่านมาปลีกวิเวกภาวนา ที่ยอดเขาภูกองข้าว ซึ่งมีกองหินกองรวมกันเป็นรูปเจดีย์เล็กๆ คืนนั้นมีนิมิตรภูมิเทวดามาขอร้องให้ท่านช่วยสร้างเจดีย์ ณ จุดนี้ให้ ซึ่งจะมีภูมิเทวดาบนนี้ช่วยท่านเอง หลังจากนั้นท่านจึงชักชวนลูกศิษย์และชาวบ้านสร่้างเจดีย์นี้ขึ้น ใช้เวลาสร้างเพียง 59 วัน เสร็จเมื่อ ปี 2543 และบรรจุ พระบรมสารีกธาตุ จากประเทศเนปาล ไว้ที่เจดีย์นี้ด้วย

            ณ จุดนี้ ลานหินที่เราเลือกเป็นที่พัก ลานดูดาว ใช้ผ้าปูพื้นลานหิน และเอาถุงนอน ปูนอน หันหัวไปทางเจดีย์ด้านทิศตะวันออก มองไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ จะเห็นบึงโขงหลงชัดเจน  ซึ่งเป็นที่ตั้งของตัวอำเภอบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ

              ช่วงเช้าพระอาทิตย์จะขึ้นที่ฝั่งประเทศ สปป.ลาว มองเห็นแม่น้ำโขง อยู่เบื้องหน้า อากาศเย็น และลมแรงพอสมควร

            มองจากลานเจดีย์ภูลังกาลงไปจะเห็นลานหินที่พักของคณะเรา ใครชอบตรงไหน ก็เลือกพักได้ตามสะดวก ไม่ต้องพูดถึงห้องน้ำ หรือ น้ำดื่ม เอาขึ้นมาเท่าไหน ก็มีเท่านั้น ..ถัดจากจุดที่เราพักลงไปอีกหน่อย จะมีเพิงพัก และมีห้องน้ำ ซึ่งมีแม่ชี 2 ท่านมาพักอยู่ก่อนหน้าพวกเราแล้ว พออาศัยเขาห้องน้ำที่จุดนี้ได้ น้ำใช้จะมีแอ่งน้ำ ที่พอจะใช้ล้างตัวหรือตักมาอาบน้ำได้...แต่หนาวขนาดนี้..ผมขอเพียงเช็ดตัว และใช้แป้งทาตัวแทนดีกว่าครับ

           ที่นี่..คืนนี้จะเป็นลานนอนอาบแสงดาว ที่ดีที่สุด..ท้องฟ้าเปิด ไม่มีเมฆมาบดบัง มองท้องฟ้าได้ 360 องศา ..ไม่มีที่ไหนจะดูดาวได้ถูกใจเท่าที่นี่อีกแล้วครับ..จะขอจดจำบรรยากาศ  "อาบแสงดาวบนภูลังกา" จ.บึงกาฬ  บนนี้มีเฉพาะคณะเรา เป็นส่วนตัวมากๆ

           " นอนอาบแสงดาว"...ชอบจริงๆครับ บรรยากาศดีแบบนี้ไม่มีอีกแล้ว ผมตั้งใจไม่กางเต้นท์ เพราะต้องการนอนดูดาวให้เต็มอิ่ม ความรู้และประสบการณ์ในการสอนดูดาว...เอามาใช้คืนนี้ เป็นสุดยอดสถานที่ดูดาวที่ดีที่สุด ตั้งแต่ไปดูดาวมาทั่วประเทศไทย..พอพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ในคืนข้างแรม ฟ้ามืดสนิทแทบไมมีแสงรบกวน จะมีก็เพียงแสงไฟระยิบๆจากตัวอำเภอบึงโขงหลง แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคในการดูดาว...ก่อนดูดาว เราเดินจงกลม และนั่งสมาธิ ที่ลานหิน ต่างคนต่างทำไม่รบกวนกัน เราเริ่มดูดาวตั้งแต่เวลา 19.30 น. ดาวศุกร์ และดาวพฤหัสฯ กำลังจะลับฟ้า  คืนนี้ท้องฟ้าเป็นใจจริง ไม่มีเมฆจนถึงเช้า ยิ่งดึก ดาวยิ่งชัด ..ผมหาดาวเหนือจากกลุ่มดาวค้างคาว ,เห็นกลุ่มดาวหมีใหญ่ชัดที่สุด จากนั้น ก็ดูดาวม้าปีก.ดาวยอดฟ้าจุฬามณี ,ดาวกางเขนใต้ ,ดาวลูกไก่ ,ดาววัว, ดาวนายพราน,ดาวสุนัขใหญ่ ฯลฯ ตกดึก ทางช้างเผือกขึ้นเต็มท้องฟ้า...โอ!.ดาวตก อุกกาบาตลูกใหญ่ชัดมากๆเห็นจนตกใจ ผมนับดาวตกได้ไม่ต่ำกว่าสิบดวง 

              อาจารย์ ดร.ธนานิต (อ.แป้น) ผู้สนับสนุนการเดินทาง (ขับรถ) ทริป "หินสามวาฬ,ภูทอก.ภูลังกา และบึงโขงหลง" ในครั้งนี้อย่างเป็นทางการ กำลังดึ่มด่ำกับแสงแรกของพระอาทิตย์ เช้านี้บนภูลังกา เห็นสายน้ำ ลิบๆไกลๆโน่น นั่นคือ "แม่น้ำโขง " สวยงามจริงๆครับ ไม่น่าเชื่อว่า เห็นพระอาทิตย์ทุกวัน ทำไมวันนี้ สวยกว่าทุกวัน

           " สมาธิรับอรุณ"    พระอาจารย์ยงยศ นำคณะเรา นั่งสมาธิรับอรุณ ในเช้าวันนี้ ตั้งแต่ฟ้าสาง จนพระอาทิตย์ขึ้น อย่างประทับใจมิรู้ลืมครับพระอาจารย์ ขอบคุณ อาจารย์ ดร.แป้น  ที่เก็บภาพประทับใจนี้ให้ครับ

            กราบนมัสการขอบพระคุณ พระอาจารย์ยงยศ ฐิตสํวโร วัดปัญญานันทาราม จ.ปทุมธานี ที่เมตตานำคณะของเราสัญจรมาถึงบนยอดเขาภูลังกาแห่งนี้ ด้วยความปลอดภัย และให้ข้อคิดธรรมะต่างๆตลอดการเดินทางครั้งนี้อย่างประทับใจและเป็นกันเองที่สุด สาธุ ๆ ๆ ครับ

             " ค่ำคืนที่เหน็บหนาว..นอนอาบแสงดาว บนภูลังกา " สุดยอดการเดินทาง และประทับใจธรรมชาติที่เป็นใจอย่างยิ่ง อากาศเย็น ลมพัดสบายๆ ไม่มีฝน ไม่มีเมฆบดบังดวงดาวใดๆ มองเห็นทางช้างเผือก , ฝุ่นดาวหาง และดาวตกนับสิบดวง ..ขอบคุณเหล่าเทวดา และชาวบังบด บนภูลังกา ที่เมตตาคณะเราอย่างยิ่ง...ขอบคูณอย่างจริงใจครับ